“นราธิวาส” จังหวัดที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ณ ปลายด้ามขวานดินแดนใต้สุดแดนสยาม ที่นี่คือเมืองงามแห่งวัฒนธรรมที่ผสมผสานความหลากหลายอย่างลงตัว ทั้งพุทธ อิสลาม และจีน ทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร เสน่ห์ของนราธิวาสเริ่มต้นตั้งแต่ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอันน่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นชายหาดสวยน้ำใสอย่าง หาดนราทัศน์ หรือป่าชายเลนที่ยังคงความบริสุทธิ์ นอกจากธรรมชาติที่งดงามแล้ว นราธิวาสยังเป็นดินแดนแห่งของดีที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็น ลองกอง ผลไม้ขึ้นชื่อรสชาติหวานหอม หรือ ข้าวเกรียบปลา ที่เป็นของฝากยอดนิยม ไฮไลท์สำคัญที่ถือเป็นหัวใจของนราธิวาสก็คือ “มัสยิดวาดีลฮูซีน” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “มัสยิด 300 ปี” โบราณสถานที่เก่าแก่และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมของมัสยิดแห่งนี้โดดเด่นด้วยการผสมผสานศิลปะแบบจีนและมลายูเข้าด้วยกันอย่างประณีต สร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลังโดยไม่มีการใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว เป็นเครื่องยืนยันถึงภูมิปัญญาของช่างฝีมือในอดีตที่ยังคงความงดงามและแข็งแรงมาจนถึงปัจจุบัน หากคุณมีโอกาสเดินทางมายังจังหวัดนราธิวาส และมีโอกาสได้แวะเวียนมายัง อำเภอบาเจาะ คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยเสน่ห์ทางวัฒนธรรมที่เข้มข้น .... บาเจาะ เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มายาวนาน โดยในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของ รัฐปัตตานีโบราณ ซึ่งเป็นอาณาจักรอิสลามที่รุ่งเรืองมาก่อน ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งรวมของมรดกทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมมาลายูอันล้ำค่า หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ บ้านเรือนมาลายูพื้นถิ่น ที่ยังคงหลงเหลือและถูกใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนภูมิปัญญา การได้มาเห็นบ้านเรือนเหล่านี้ด้วยตาตัวเองทำให้รู้สึกทึ่งกับภูมิปัญญาของช่างฝีมือในอดีตที่สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเขตร้อนชื้นได้อย่างลงตัว โครงสร้างยกพื้นสูง: สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ โครงสร้างที่ยกพื้นสูง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเรือนมาลายู การยกพื้นสูงไม่ได้มีเพียงแค่เหตุผลทางสถาปัตยกรรม แต่ยังมีประโยชน์ในการป้องกันน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนที่ตกชุก นอกจากนี้ยังช่วยให้เกิดการระบายอากาศที่ดี ทำให้ตัวบ้านเย็นสบายตลอดวัน และพื้นที่ใต้ถุนยังเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับเก็บของ หรือแม้กระทั่งเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอย่างที่เราได้เห็นเปลญวนแขวนอยู่ วัสดุจากธรรมชาติ: บ้านเรือนเหล่านี้ส่วนใหญ่สร้างด้วย ไม้เนื้อแข็ง ซึ่งเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น และมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อสภาพอากาศได้ดี แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปี แต่ตัวเรือนก็ยังคงความแข็งแรงไว้ได้ นอกจากนี้ บางส่วนของเรือนอาจมีการใช้วัสดุอื่นๆ เช่น ไม้ไผ่สานมาทำเป็นฝาผนัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคนิคการสร้างที่ช่วยให้บ้านระบายอากาศได้ดีเยี่ยม หลังคาทรงจั่วลาดชัน: หลังคาของเรือนมาลายูมีลักษณะเป็น หลังคาทรงจั่วที่ลาดชัน ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในภูมิภาคนี้ ความลาดชันของหลังคาช่วยให้น้ำฝนไหลลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่เกิดน้ำขังและลดการรั่วซึมได้ดีเยี่ยม ลวดลายประดับที่บอกเล่าเรื่องราว: เมื่อมองดูใกล้ๆ จะพบว่ามี ลวดลายประดับ ที่สวยงามและละเอียดอ่อนซ่อนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของตัวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นลวดลายฉลุบนช่องระบายอากาศ หรือลวดลายที่แกะสลักบนฝาผนัง ลวดลายเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นลวดลายพฤกษาหรือเรขาคณิต ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก ความเชื่อในศาสนาอิสลาม ที่ห้ามใช้รูปคนหรือสัตว์ในงานศิลปะ ลวดลายเหล่านี้จึงไม่ใช่แค่การตกแต่ง แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของผู้คนในชุมชนอีกด้วย การเชื่อมต่อของเรือน: สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ บางบ้านประกอบด้วยเรือนหลายหลังที่สร้างเชื่อมต่อกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง วิถีชีวิตแบบครอบครัวใหญ่ ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน การเชื่อมต่อเรือนยังช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการขยายตัวของครอบครัวในอนาคต การได้มีโอกาสสำรวจและทำความเข้าใจบ้านเรือนมาลายูพื้นถิ่นในบาเจาะนี้ ทำให้เราได้เห็นคุณค่าทางสถาปัตยกรรมที่ไม่ได้มีแค่ความสวยงามภายนอก แต่ยังเต็มไปด้วยภูมิปัญญาที่สอดคล้องกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจและควรค่าแก่การเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง ภาพประกอบบทความ : ภาพถ่ายของผู้เขียนบทความ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !