ตอนนี้เราทั้งสองเดินเท้าออกมาจากพระราชนิเวศน์ฯ แล้วกำลังจะไปหัวหิน แผนเดิมว่าจะไปให้ทันรถไฟ แต่ระหว่างรอข้ามถนนกลับไปสถานีรถไฟห้วยทรายเหนือ รถเมล์ส้มคันหนึ่งตีไฟซ้ายเข้าหาเรา "จะไปไหนหนู" ลุงคนขับถามไถ่ถามด้วยความมีน้ำใจ "ไปหัวหินค่ะลุง" "ขึ้นมาเลย 30 บาท อีกไม่ไกลนั่งรถไปกับลุงดีกว่า" เรามองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าตอบ ซึ่งการที่เราตัดสินใจเลือกเดินทางด้วยรถเมล์ส้ม โดยเปลี่ยนแผนจากเดิมก็เพื่อซื้อเวลาที่ต้องไปนั่งรอรถไฟ รอบ 17.35 น. เพราะตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสามโมงกว่าเอง ถ้าเราถึงหัวหินก่อนก็เผื่อเอาเวลาตรงนั้นไว้เที่ยวได้อีกหลายที่ ดีกว่าค้างคืนเฉย ๆ บรรยากาศนั่งรถเมล์ส้มทำให้นึกถึงวงดนตรีลูกทุ่งสมัยก่อนที่เวลาไปออกงานข้ามจังหวัด ลมร้อนพัดผ่านใบหน้าที่ชุ่มฉ่ำเหงื่อ นั่งไม่นานเท่าไหร่ก็ถึงตัวเมืองหัวหิน รถเมล์ส้มจอดสนิทที่ป้าย คุณลุงก็แนะนำว่าให้ลงป้ายนี้ เพราะที่พักอยู่ใกล้ ลองเดินไปถามดู สุดท้ายเราก็ได้ที่พักชื่อ Coconut และเช่ารถมอเตอร์ไซค์ราคาประมาณ 200 กว่าบาท ในคราวเดียว ทันทีที่ได้รถ เราก็แวะหาอะไรกินเป็นอันดับแรก ที่ร้านอินูคาเฟ่ อาหารราคาเบา ๆ แถมยังได้เล่นกับน้องหมาชิบะผู้น่ารัก จากนั้นก็ลุยกันต่อที่สถานีรถไฟหัวหิน ระหว่างทางขี่ผ่านหอนาฬิกาด้วย พอกินของคาวแล้วก็ต่อด้วยของหวาน เลยแวะที่ตลาดโต้รุ่ง ลองชิมไอติมเจ๊นิ เอาเถอะ...แม้จะคิวยาวพอสมควร แต่รสชาติอร่อยสมคำร่ำลือ ก่อนกลับซื้อเสื้อฝากตัวเองเป็นที่ระทึก เราก็ขี่ไปกันต่อที่สะพานปลา ที่นั่นมีร้านนั่งชิลล์ เปิดดนตรีเพราะ ๆ เราจับจองเลือกนั่งตรงมุมสะพาน จิบเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ แหงนชมจันทร์ รับลมทะเล แนะนำลองชิมคราฟต์หัวหิน นอกจากนี้กิจกรรมเพลิน ๆ มองคนตกปลา หนุ่มสาวชาวฝรั่งเอนหลังนอนนวดสบายอารมณ์ บทสนทนาของเราพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต บ้างก็ทอดอารมณ์ไปในห้วงความคิด จะว่าไปเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ นาฬิกามือถือดังบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง ได้เวลากลับที่พัก เพื่อออมแรงเดินทางไปพระนครคีรีในวันพรุ่งนี้ การเดินทางให้อะไรเราแน่ ๆ เราเชื่อเช่นนั้นเสมอ ราตรีสวัสดิ์ครับผม