ภูกระดึง เป็นอีกสถานที่ที่อยากขึ้นไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต ซึ่งหลังจากที่อุทยานเปิดได้ไม่นานเราก็เริ่มวางแผนวันไป ซึ่งเลื่อนไปเลื่อนมาจนได้วันที่แน่ชัด คือ 5 พฤศจิกายน 2564 แต่ก็เลื่อนขึ้นไปไวขึ้นอีก 1 วัน ได้วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 เพราะว่าอยากที่จะจองเต็นท์กับทางอุทยานและเป็นวันธรรมดาคนคงไม่ค่อยเยอะเท่าไร ไปค่ะเดินทางกัน จากนครสวรรค์ไปถึงอำเภอภูกระดึงใช้เวลา 6 ชัวโมง พักเอาแรงกับความตื่นเต้นที่จะขึ้นภูกระดึงในวันรุ่งขึ้น 4 พฤศจิกายน 2564 เป็นการตื่นเช้าที่ตื่นเต้นและพร้อมเดินทาง เราเดินทางไปถึงอุทยานประมาณ 7.00 น. เศษๆ ทำการดำเนินการตามขั้นตอนของอุทยานเสร็จประมาน 07.50 น. พร้อมแล้วไปกันเลย 07.55 น. เริ่มต้นการพิชิตภูกระดึง ช่วงแรกทางขึ้นจะค่อนข้างมีความชันเป็นทางดินสลับกับหิน จากปางกกค่า(Pang-Kok-Ka) ไปถึงซำแฮก(Sum-Heak) ระยะทางประมาณ 200 เมตร เราถึงซำแฮกประมาณ 09.00 น. บริเวณด้านบนซำแฮกจะมีจุดบริการ เจ้าหน้าที่ จุดปฐมพยาบาล ร้านอาหาร และห้องน้ำให้กับนักท่องเที่ยว พอขึ้นไปถึงเราดูเวลานั่งพักรับลมเย็นๆ ชมวิวเขาก่อนจะไปต่อซำอื่นๆ ต่อซำแฮก ไปซำกอซาง (Sum-Kor-sang) ระหว่างทางจะผ่านซำบอน (Sum-bon) และซำกกกอก(Sum-Kok-Kork) ระยะทางประมาณ 1,500 เมตร ซึ่งซำกอซางจะมีบริการร้านค้า การเดินผ่านมาแต่ละซำเราจะได้ชมป่าไม้ต่างๆนานากันไป ไม่ว่าจะเป็น ป่าเต็งรัง และป่าเบ็ญจพรรณ ซำนี้เราไม่ได้หยุดพัก แต่พยายามไปต่อเรื่อยๆ จนถึงซำกกหว้า (Sum-Kok-Wa) เดินมาครึ่งทางแล้วตั้งเป้าหมายแรกไว้ที่หลังแป เราหยุดพักที่ซำกกหว้า พักกินข้าวเเล้วไปต่อ ก่อนถึงหลังแปจะต้องผ่าน ซำกกไผ่ (Sum-Kok-Pai) ซำกกโดน(Sum-Kok-Done) และซำแคร่(Sum-Krae) เราเดินไปถึงหลังแปเกือบๆ บ่ายสอง ถึงแล้วค่ะหลังแป เราใช้เวลาไปเกือบ 6 ชั่วโมง (นั่งคิดว่า ตั้งแต่ขึ้นมาอยากจะถอยหลังกลับนี้ไม่ได้เลย มีแต่ไปต่ออย่างเดียว 5555) ใครที่มาพิชิตภูกระดึงนี่เรานับถือความพยายามเลย ลืมเล่าถึงลูกหาบ นับว่าเป็นอีกเสน่ห์ของภูกระดึงเลย ยิ่งการขึ้นมาบนภูกระดึงต้องใช้ความพยายามมากเท่าไร เราว่าสิ่งที่ได้กลับไปมันมากกว่าภาพถ่าย ไปต่อเลยศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางอีก 3,500 เมตร ทางเดินเป็นพื้นราบแล้วค่ะ กำลังคิดว่าจะถึงวังกวางกี่โมง และแล้วถึงบ่ายสามโมงกว่า ๆ เริ่มติดต่อที่พัก เต็นท์ เครื่องนอนที่เช่าไว้กับทางอุทยาน รอกระเป๋าสัมภาระกับพี่ๆ ลูกหาบ ต้องบอกว่าสภาพอากาศตอนที่เราขึ้นไปถึงวังกวางมีแดดอยู่แต่อากาศเย็นสบายมาก ตกเย็นของวันนี้ พักผ่อนหาอะไรกินเพิ่มพลัง ด้วยความที่อากาศเย็นเราเลือกหมูกระทะ กับน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ด้วยความเหนื่อยเเละล้าจากการเดินขึ้นมาทั้งวันทำให้อาหารมื้อเย็นนี้ เป็นมื้อที่อร่อยมากๆ หลับสบายแล้วละคืนนี้ 5 พฤศจิกายน 2564 จากประกาศของเจ้าหน้าที่ ถ้านักท่องเที่ยวคนใดอยากชมพระอาทิตย์ขึ้นให้มารอที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวในเวลา 05.00 น. ในเวลาตีห้าของวันเราและเพื่อนร่วมทางที่มาต่างมารอเจ้าหน้าที่ พากันเดินไปที่ผานกแอ่น ทุกคนต่างพากันเดินไปคล้ายกับการเข้าค่ายพักแรม ต้องบอกว่าเช้าวันนั้นไม่ทำให้เราผิดหวังเลย ได้เห็นหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยลับกับวิวมองลงไป มันกว้างใหญ่ไพศาลมากๆ หลังจากกลับจากผานกแอ่น กินข้าวเช้า อาบน้ำเตรียมตัวเก็บบรรายากาศบนภูกระดึง เริ่มจากไปรับจักรยานที่เราเช่าไว้ ตั้งใจว่าอยากจะเก็บสถานที่ต่างๆบนภูให้หมด เจ้าหน้าที่ให้เราใช้ทางออกทางด้านหลัง ปั่นไปจะเจอกับลานพระแก้ว พร้อมกับไหว้สักการะบูชาพระพุทธเมตตา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ จากนั้นไปต่อที่น้ำตกถ้ำใหญ่ และสระอโนดาต หลังจากไปสระอโนดาต เริ่มวางแผนการเปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง ทีแรกเราตั้งใจจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก แต่ทางที่ไปได้มีสองเส้นคือเส้นที่จะไปผานาน้อย และผาเหยียบเมฆ เราเลือกเส้นที่จะไปโผล่ผานาน้อย เพราะกลัวกลับค่ำแล้วไม่เห็นผาที่เหลือ แต่สุดท้ายมานั่งคิดว่าชมพระอาทิตย์ตก ผาอื่นก็น่าจะชมได้ ไปต่อจนถึงผาหล่มสัก แล้วกลับมาชมพระอาทิตย์ตกที่ผาจำศีลตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ ที่มาของภาพ : Bike ticket Phukradueng เอาจริงๆ เราว่าวิวของแต่ละผาสวยไม่ต่างกันเลยค่ะ ระยะทางแต่ละผาก็ไกลกันพอสมควรการปั่นจักรยานมีขึ้นมีลง มีไสบ้าง สนุกกันเลยทีเดียว ตลอดทางพบเจอกับเพื่อนร่วมเส้นทาง มีการส่งยิ้มทักทายกัน บางครั้งจอดพักแปปเดียว เพื่อนร่วมทางที่เราเคยแซงมา แซงเราไปแล้ว 5555 ได้เห็นความพยายามที่มาของการพิชิตที่ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ "บางสิ่งบางอย่างเราอาจเข้าไม่ถึงคุณค่าของมัน จนกว่าจะได้มาสัมผัสเอง" ที่นี่ก็เช่นกันค่ะ ใครบอกว่าสวยยังไงเราอาจรับรู้แต่ไม่สามารถสัมผัสได้ ครั้งแรกในชีวิตกับการพิชิตภูกระดึงได้รู้อะไรหลายๆ อย่าง ธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา ความพยายามในตัวเรา ต้องบอกว่าที่นี่ทำให้เราหลงรัก หลงรักในความเป็นภูกระดึง คิดว่าคงไม่มีแค่ครั้งแรกแล้วค่ะ เย็นวันนั้นเรารอชมพระอาทิตย์ตกที่ผาจำศีล ด้วยความที่ชื่อผาจำศีล เงียบสงบมาก ๆ อาจจะเป็นผาเดียวที่ไม่มีร้านค้าอยู่ด้วยเลยไม่ค่อยมีคนแวะ การรอชมพระอาทิตย์ตกของวันนั้นเก้อเลยค่ะ ลับเข้าก้อนเมฆไปเลย "อย่าคาดหวังกับธรรมชาติเลยเนาะ" จากนั้นเราก็ปั่นจักรยานกลับที่พักกันค่ะถึงเกือบๆสองทุ่ม ค่ำคืนนั้นเราเดินเล่นเก็บบรรยากาศบนภูกระดึง ต้องบอกว่าการดูดาวบนภูนี้สวยมากๆ ดาวเต็มฟ้าเหมือนตอนดูกับพ่อแม่ตอนสมัยเด็กๆเลย แต่เราอาจจะเก็บภาพมาไม่สวยเท่าไรนะคะ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันขึ้นภูกระดึงถึงวันลง เราได้เห็นภาพน่ารักๆ จากหลายๆท่านที่มา บางคนมาคนเดียว บางคนมากับแฟน บางคนมากับครอบครัว ไม่ว่าจะอย่างไร เราคาดว่าที่นี่คงให้ความสุขและความสบายใจกับทุกคนได้ไม่น้อยเลย "การเดินทางไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน จะครั้งแรก หรือหลายๆ ครั้งกับที่เดิมๆ เราเชื่อว่าเรื่องราวและความทรงจำไม่เคยที่จะเหมือนเดิมเลยสักครั้ง" ภาพประกอบบทความจากเพจ :ไปเที่ยว มาเล่า ข้อมูลเพิ่มเติม :https://www.facebook.com/PSunan1990 อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !