“วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร” เรืองฤทธิ์คู่พระบารมี เป็นวัดประจำรัชกาลที่10 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยกวัดวชิรธรรมสาธิต ขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เพื่อเฉลิมพระเกียรติในพระราชพิธีสถาปานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฏราชกุมาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 เดิมชื่อ วัดทุ่งสาธิต ก่อสร้างโดย นายวันดี เป็นคฤหบดี เชื้อชาติลาว ตั้งอยู่กลางทุ่งระหว่างคลองเคล็ดกับคลองบ้านหลาย ประชาชนเรียกว่า วัดทุ่ง หรือวัดกลางทุ่ง เป็นศูนย์กลางของชุมชนและเจริญรุ่งเรืองอยู่ราว 50 ปี ก็ค่อย ๆ เสื่อมลงเพราะขาดการอุปถัมภ์และกลายเป็นวัดร้างในที่สุดนานถึง 60 ปีเศษ จึงได้รับการยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดที่มีพระสงฆ์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2506 พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กลักษณะทรงไทย สถาปัตยกรรมล้านนา หลังคาลด 3 ชั้น ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ พื้นปูด้วยไม้สักมุขหน้าแบะมุขหลัง พื้นปูด้วยหินอ่อน ประตูและหน้าต่างทำด้วยไม้สักแกะสลัก ฝาผนังมีรูปมหาเวสสันดรชาดกและภาพพระพุทธเจ้าแสดงพระยมกปาฎิหาริย์ ภายในมีแท่นพระปรางค์ 3 องค์ พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย พระมหาเจดีย์จุฬามณีศรีล้านนา จำลองแบบมาจากเจดีย์วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน กว้าง 25 ศอก สูง 49 ศอก ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 25 องค์ พระธาตุอรหัน.ต.สาวก 289 องค์ พระพุทธรูปทองคำ 2 องค์ ผู้มีจิตศรัทธาได้นำแหวนเพชร สร้อยทองคำและสิ่งของเก่าแก่ต่าง ๆ บรรจุไว้เพื่อสักการะบูชาพระเจดีย์และพระบรมธาตุ พระวิหาร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ลักษณะทรงไทย สถาปัตยกรรมล้านนา หลังคามุงกระเบื้องประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับลายปูนปั้น พื้นปูด้วยไม้สัก ประตูหน้าต่างทำด้วยไม้สักแกะสลัก ผนังภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะสมัยสุโขทัย พระนามว่า “พระพุทธมหามุนีศรีหริภุญชัย” การเดินทางมาที่วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร มาโดย BTS ลงสถานปุณณวิถี เข้าซอยสุขุมวิท 101/1 อาจเลือกต่อรถแท็กซี่ หรือนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างจากหน้าปากซอย ราคาประมาณ 40 - 50 บาท ถ้าเลือกนั่งรถ 2 แถวแดงจะอ้อมกว่า วัดจะอยู่ค่อนข้างไกลลึกเข้าไปในซอย เครดิตภาพทั้งหมด “ภาพถ่ายโดยผู้เขียน”