“เก็บเรื่องมาเล่า โดยหนุ่ม สุทน” ทักทายกันวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 สุขใจเป็นยิ่งนักเมื่อได้เข้าในวิหารที่ประดิษฐานรูปหล่อ "หลวงปู่สด จันทสโร" หรือพระมงคลมุนีอดีตเจ้าอาวาส วัดปากน้ำภาษีเจริญกรุงเทพฯ ครั้งนี้ไปกันที่ "วัดจันทรังษี" ถนนสองฝั่งคลองของชุมชนบ้านนาตำบลหัวไผ่ อําเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง วัดจันทรังษี"วัดจันทรังษี" แห่งนี้ศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่สดได้ร่วมกันจัดสร้างรูปหล่อ "หลวงปู่สด จันทสโร" ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนอกจากนี้ยังมีรูปหล่อของพระวิปัสสนากรรมฐานประดิษฐานด้วย เช่น หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เป็นต้น สำหรับตัววิหารสร้างเป็นแบบจตุรมุขทรงสูงมีประตูสี่ด้านที่สำคัญอากาศเย็น ๆ เพราะมีลมพัดผ่านเข้าในวิหารเรียกเย็นกายเย็นใจ ส่วนหน้าวิหารมีรูปปั้นช้างพลายมงคลซึ่งก็มีเรื่องราวเล่าขานจากสามเณรสงัดในปี พ.ศ. 2495 เมื่อครั้งนั้น"หลวงปู่สด จันทสโร" ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตามประวัติของ "วัดจันทรังษี" สร้างมาในปี พ.ศ. 2446 ดูตามปี พ.ศ. ก็ตรงกับสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อสร้างเสร็จก็เป็นวัดเล็ก ๆ ของชุมชนชาวบ้านนาส่วนเรื่องเล่าขานมีอยู่ว่าในปี พ.ศ. 2495 มีหลวงตาทัยท่านได้ธุดงค์มาปักกรดอยู่ข้าง ๆ ป่าช้าวัดจันทรังษีครั้งนั้นสามเณรสงัดได้มาพบแล้วก็เห็นว่ารุ่งเช้าหลวงตาทัยจะออกบิณฑบาตทุกเช้าและข้าวปลาอาหารพอได้ฉันแล้วหลวงตาทัยก็จะให้นกหรือสัตว์ป่ากินทุกวันแต่อย่างไรก็ตามหลวงตาทัยได้ทำนายไว้ว่าในป่าแห่งนี้มีช้างอาศัยอยู่ด้วยชื่อ "พลายมงคล" เป็นช้างแสนรู้ดังนั้นภายหน้าวัดจันทรังษีจะเจริญรุ่งเรืองนี่คือคำทำนายของหลวงตาทัยอยู่ที่รูปปั้นช้างพลายมงคล!! ช้างพลายมงคลเสร็จแล้วก็เดินไปด้านหลังวิหารก็มี "วิหารพระแม่กวนอิมปางพันมือ" แกะสลักด้วยไม้จันทร์หอมอัญเชิญมาจากประเทศจีนเรียกว่าสถิตสี่ทิศขอพรได้ เช่น เรื่องโชคลาภหรือธุรกิจการค้าเป็นต้น วิหารพระแม่กวนอิมปางพันมือเสร็จแล้วให้ขับรถยนต์ข้ามไปอีกด้านหนึ่งของวัดจันทรังษีมีวิหารประดิษฐานองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ชาวบ้านเรียก "หลวงพ่อโยก" ทำไมถึงเรียกชื่อหลวงพ่อโยกอาจเป็นคำถามส่วนคำตอบจะเขียนเล่าเรื่องราวตามที่เล่าขานสืบทอดมาหลายชั่วอายุคนครั้งนี้สันนิษฐานว่า "องค์หลวงพ่อโยก" น่าจะมีมาก่อนการสร้างวัดจันทรังษีแน่แท้จริง!!!เพราะตามที่เล่าขานเมื่อครั้งอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาตอนปลายปี พ.ศ. 2309-2310 บริเวณนี้เป็นป่าไม้และยังมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ครั้งนั้นก็มีองค์พระพุทธรูปตั้งอยู่พื้นดินในป่าไม่มีฐานรองรับสันนิษฐานว่าน่าจะมีคนยกหนีภัยสงครามจากเมืองอ่างทองหรือในแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาแล้วตั้งอยู่ในป่าต่อมาพอชาวบ้านผ่านไปมาก็มองเห็นองค์พระพุทธรูปนั้นโยกได้!!คือโยกไปซ้ายแล้วก็ไปขวาอยู่ทุกครั้งที่เดินผ่านด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงเข้ามากราบบูชาขอพรแล้วก็ได้สมความตั้งใจวิหารหลวงพ่อโยกอย่างไรก็ตามมีเรื่องราวเล่าต่ออีกว่าองค์พระพุทธรูปน่าจะหล่อด้วยทองคำผสมสำริดชาวบ้านเกรงว่าถ้ากองกำลังทหารพม่าผ่านมาเห็นรู้ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำก็จะยกไปดังนั้นชาวบ้านจึงช่วยกันเอาปูนมาโบกหรือพอกองค์พระพุทธรูปไว้ที่เห็นทุกวันนี้ "หลวงพ่อโยก" เป็นพระพุทธศักดิ์สิทธิ์ปางสมาธิตามที่ชาวบ้านเล่าขานมาเชื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ขอพรได้ เช่น สอบเข้ารับราชการหรือขายบ้านขายที่ดิน เป็นต้น องค์หลวงพ่อโยกนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มีเรื่องราวเล่าสืบต่อมาถึงทุกวันนี้ด้วยเหตุผลนี้จึงมีคำกล่าวว่าถ้าหากไม่เชื่ออย่าลบหลู่น่าสนใจมาก ๆ "วัดจันทรังษี" ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านนาตำบลหัวไผ่ อําเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง "กินเที่ยวทั่วไทย เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ถ้าอยากรู้ต้องออกเดินทางไป...กับ...ผมหนุ่ม-สุทน” แล้วฝากติดตามฟังรายการ "กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์" ทางคลื่นข่าว fm 100.5 mhz ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน วัฒนธรรมและอาหารถิ่นของชุมชนได้ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. ขอบคุณและสวัสดีครับมากราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดจันทรังษีกันได้ครับ วัดกว้างขวางไปกราบให้ครบทุกจุดนะครับพิกัด "วัดจันทรังษี" https://maps.app.goo.gl/WPe1UUeBFA8w4GsE6เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์แฟนเพจเฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/#ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. #ติดต่อวิทยากรด้านการท่องเที่ยวได้ที่ได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ค #เที่ยวเพลิน #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #bigmaptravel อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !