รีเซต

10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ เกาหลีเหนือ แดนสนธยาที่น้อยคนจะเคยไป

10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ เกาหลีเหนือ แดนสนธยาที่น้อยคนจะเคยไป
Muzika
1 พฤษภาคม 2563 ( 09:00 )
47.4K

     เป็นหนึ่งในประเทศที่เรียกได้ว่าไม่มีที่ไหนในโลกจะเร้นลับได้เท่าอีกแล้ว สำหรับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า เกาหลีเหนือ นั่นเอง แม้เราจะรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่น้อยมากๆ แต่ช่วงหลังมานี้ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวสนใจ และเดินทางไปดูให้เห็นกับตาตัวเองมากขึ้น แดนเหนือแห่งนี้จึงเริ่มปรากฏกายให้เห็นมากกว่าเดิม และเพื่อให้คุณรู้จักที่นี่มากขึ้น เราเลยหยิบเอาเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับประเทศนี้มาฝากกัน

 

Chintung Lee / Shutterstock.com

 

1. เกาหลีเหนือไม่ใช่ทั้งเผด็จการหรือคอมมิวนิสต์

     ฟังดูแปลก แต่แม้จะถูกปกครองโดยระบบพรรคการเมืองเดียว แต่เกาหลีเหนือนั้นเรียกการปกครองแบบตนเองว่า "จูเช" ซึ่งเน้นการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก โดยนำหลักของลัทธิมาร์กซ์-เลนินมาพัฒนาอีกที การพึ่งพาตนเองตามหลักจูเชนั้นจะรวมทั้งด้านเศรษฐกิจ และการป้องกันตนเอง โดยเรียกร้องให้ประชาชนมีความภักดีต่อพรรค และตัวผู้นำอย่างเต็มที่

 

 

2. ไม่มีการเสียภาษีในเกาหลีเหนือ

     เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศบนโลกที่ประชาชนไม่ต้องเสียภาษีอะไรเลย มีเพียงหน่วยงานหรือองค์กรของเกาหลีเหนือที่ออกไปหารายได้จากต่างประเทศเท่านั้นที่ต้องจ่ายภาษี

 

 

3. ประชาชนชาวเกาหลีเหนือได้รับการปลูกฝังว่าเกาหลีนั้นเป็นประเทศเดียวกัน

     อย่างที่ใครๆ ก็รู้ว่าเกาหลีเหนือ และใต้นั้นแยกออกจากกันมานานแล้ว แต่ชาวเกาหลีเหนือจะได้รับการสอนในโรงเรียนเกาหลีนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว โดยมีกรุงเปียงยางเป็นเมืองหลวง

 

LMspencer / Shutterstock.com

 

4. ดอกไม้ประจำชาติ ที่ตั้งชื่อตามผู้นำ

     สำหรับเราอาจฟังแล้วประหลาด แต่นี่เป็นชื่อดอกไม้ประจำชาติเกาหลีเหนือครับ นั่นคือดอกกล้วนไม้ลูกผสม คิมอิลซุงเกีย (Kimilsungia) และดอกบีโกเรียลูกผสม คิมจองอิลเลีย (Kimjongilia) ซึ่งตั้งชื่อตามอดีตผู้นำเกาหลีเหนือทั้ง 2 คน นั่นคือคิมอิลซุง และคิมจองอิลนั่นเอง ซึ่งทุกๆ ปีเขาก็จะมีงานประกวดพันธุ์ไม้ซึ่งก็จะมีดอกไม้ 2 ชนิดนี้แหละที่เป็นตัวเอกของงาน

 

 

5. เกาหลีเหนือเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่

     โดยมีประเทศคู่ค้ารายสำคัญคือจีนนั่นเอง ซึ่งนับเป็นสินค้าส่งออก 60% ของประเทศ และยังติดอันดับ Top 20 ประเทศที่ส่งออกอาหารทะเลมากที่สุดอีกด้วย

 

 

6. ประธานาธิบดีของประเทศเกาหลีเหนือนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว

     คิมอิลซุงนั้นนอกจากจะเป็นผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีแล้ว ยังดำรงตำแหน่ง "ประธานาธิบดีตลอดกาล" (Eternal President) อีกด้วย สำหรับผู้นำในรุ่นถัดมาก็จะได้รับตำแหน่ง "ผู้นำสูงสุด" เท่านั้น

 

Maxim Tupikov / Shutterstock.com

 

7. การจัดแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ใช้จำนวนคนถึง 0.4% ของประเทศ

     เมื่อปี 2012 เกาหลีเหนือมีการจัดงาน Arirang Festival เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันครบรอบวันเกิด 100 ปีของอดีตประธานาธิบดีตลอดกาล คิมอิลซุง และมีการบันทึกลงในกินเนสบุ๊คว่าเป็นการจัดงานที่ใช้จำนวนคนมากที่สุดในโลกถึง 100,000 คน จัดการแสดงในสนามที่จุคนได้มากที่สุดในโลกด้วย ปัจจุบันการแสดง Arirang Festival นี้จัดขึ้นเป็นประจำในทุกๆ ปี และมีนักท่องเที่ยวมากมายไปเที่ยวในช่วงนี้ครับ

 

Chintung Lee / Shutterstock.com

 

8. เกาหลีเหนือมีหมู่บ้านเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อ

     หมู่บ้านคิจองดง (Kijong-dong) เป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้พรมแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1950 เพื่ออวดให้ฝั่งตรงข้ามเห็นว่าแม้ในที่กันดารอย่างนี้ เราก็มีหมู่บ้านสวยๆ มีไฟฟ้าเข้าถึงเหมือนกันนะ แต่ถ้าสังเกตุให้ดีจะพบความผิดปกติหลายๆ อย่าง เช่น แม่บ้านคนเดิมที่ทำความสะอาดกระจกใบเดิมอยู่ 15 ปี ทหารที่คอยลาดตระเวนในหมู่บ้านตลอดเวลา ไปจนถึงบ้านที่ถ้าส่องกล้องเข้าไป จะพบว่าข้างในไม่มีอะไรเลย กระทั่งกำแพง ฝ้า เพดาน หรือเฟอร์นิเจอร์ มีเพียงการเปิด-ปิดไฟที่ทำในเวลาเดิมอยู่ตลอดเวลา

 

 

9. เสาธงที่สูงที่สุดในเกาหลีเหนือ

     ที่หมู่บ้านคิจองดงยังมีความพิเศษอยู่อีกอย่าง นั่นคือเป็นที่ตั้งของเสาธงที่สูงที่สุดในประเทศ ความสูง 160 เมตร (เคยเป็นเสาธงที่สูงที่สุดในโลก จนกระทั่งถูกทำลายสถิติไปในปี 2010) และยังเคยใช้เป็นเสาที่ใช้ประกาศโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับประเทศเกาหลีเหนือ ให้ชาวเกาหลีใต้ที่อยู่อีกฝั่งพรมแดนได้ฟังอีกด้วย ซึ่งฝั่งใต้ก็โต้ตอบด้วยการเปิดเพลง K-POP เข้าข่มเช่นกัน ปัจจุบันทั้ง 2 ฝ่ายเลิกเปิดเสียงใส่กันไปเรียบร้อยแล้ว 

 

Astrelok / Shutterstock.com

 

10. ที่เกาหลีเหนือทุกคนต้องเป็นทหาร

     ประชาชนชาวเกาหลีเหนือทุกคนต้องได้รับการเกณฑ์ทหาร ทั้งชาย และหญิง ที่สำคัญคือเป็นถึง 10 กว่าปี ! ระบบการเกณฑ์ทหารของที่นี่นั้นเข้มข้นมาก โดยมีกฎให้ประชาชนทุกคนต้องเข้ารับใช้ชาติเมื่ออายุ 18 ปี เป็นเวลาทั้งหมด 13 ปีสำหรับผู้ชาย ทางด้านผู้หญิงก็เพิ่งเริ่มมีกฎหมายให้ต้องเกณฑ์ทหารด้วยเมื่อปี 2015 แต่ระยะเวลาจะสั้นกว่า นั่นคือตั้งแต่เรียนจบชั้นมัธยมปลาย ไปจนกระทั่งอายุ 23 ปี 

 

     ก็เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกสำหรับชาวเราอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความลึกลับนี่เองที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้หลายๆ คนเริ่มสนใจ อยากลองไปดูว่าจะเป็นแดนสนธยาอย่างที่เขาว่าจริงหรือไม่ ถึงอย่างไรแต่ละที่เขาก็มีวิถีการปกครองในแบบของตนเอง อย่าเพิ่งตัดสินจนกว่าจะได้ไปเห็นด้วยสองตาครับ 

===============