หลังจากได้ดูรายการหนึ่งทาง Youtube คำถามถึง 'พรหมลิขิต' ที่เพิ่งเกิดขึ้น กลับมาในความคิดเราอีกครั้ง และด้วยความต้องการไปไหว้ท้าวมหาพรหมที่เราเคยได้บอกกล่าวเรื่องราวเอาไว้ ทำให้เราตัดสินใจไปนิทรรศการ Scene Erawan: Destiny ณ ห้าง Erawan Bangkok บทความนี้ คือประสบการณ์ ความรู้สึก และคำตอบของคำว่า พรหมลิขิต ในแบบของเราจากนิทรรศการนี้ค่ะเดินทางมาถึงสีแยกราชประสงค์ เดินเลยศาลท้าวมหาพรหมมาทางถนนราชดำริ มาเจอกับห้าง Erawan Bangkok เข้าห้างเดินตรง เจอบันไดเลื่อนไปชั้น 1 ขึ้นไป และจะเจอกับงาน Destiny เลยค่ะ หากจองบัตรมาแล้ว ก็สามารถโชว์หลักฐาน เพื่อรับริสแบรนด์ และรอรอบเข้างานได้เลยค่ะ (มี walk-in เหมือนกันนะ)ส่วนแรกของงาน เป็นเหมือนการจุดประกายความอัศจรรย์และน่าพิศวงของพรหมลิขิต เรื่องราวที่เชื่อมโยงกับพรหมลิขิตที่นำเสนอ การนำพาเราไปนั่งครุ่นคิดถึงพรหมลิขิตที่ผู้จัดกำลังนำพาไป เร้าความรู้สึกและความตื่นเต้นที่จะได้พบเจอกับสิ่งที่ผู้จัดลิขิตมาให้ เป็นการเปิดประตูสู่การตามหาความหมายของพรหมลิขิตที่เราประทับใจมากค่ะส่วนต่อไป เราเปรียบเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เราเรียกว่า พรหมลิขิต ซึ่งก็คือการ 'เลือก' ของเรา โซนนี้ที่เราได้เลือก อาจจะทำให้หวนนึกถึง พรหมลิขิต หรือ สิ่งที่เราได้เลือกในอดีต อาจจะอยากรู้ว่า สิ่งที่ไม่ได้เป็นพรหมลิขิตของเราจะเป็นอย่างไร แต่เราก็ไม่อาจตั้งคำถาม หรือแม้แต่กลับไปหาคำตอบได้ เพราะ พรหม ได้ลิขิตมาแล้ว หรือเปล่านะ?เริ่มเข้าสู่การค้นหาคำตอบของ พรหมลิขิต ด้วยความสงสัย และองค์ประกอบฉากที่สร้างคำถามถึง พรหมลิขิต ที่ควรเกิดขึ้นจริง ๆ หรือเปล่า อาจสร้างความครางแครงใจ แต่ ณ ที่แห่งนี้ ก็มีจุดเริ่มต้นให้ได้ฟังความรู้สึก และเลือก พรหมลิขิตของตน เก็บความครางแครงใจไว้ และไปหาคำตอบในโซนต่อไปโซนต่อไป เป็นห้องกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยกิจกรรมเพื่อเข้าใจตัวตน และเข้าถึงคำตอบของ พรหมลิขิต ในแบบของเรามากขึ้น ไม่อยากให้รีบดูและผ่านไป ให้เวลาตัวเองกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ต่อตัว ลองออกท่าทาง ชมต้นไม้ มองสิ่งที่ซ่อนไว้ และเลือกพรหมลิขิตของเรากันต่อ บรรยากาศ องค์ประกอบ กิจกรรม และเรื่องราวที่หลากหลายของโซนนี้ ทำให้เราได้ใช้โอกาสปล่อยความรู้สึก คำพูด หรือแม้แต่อารมณ์ที่ไม่ได้กลับไปหาอย่างเนิ่นนาน เกิดความคิดถึงอย่างควบคุมไม่ได้ (ตัวอย่างที่เด่นชัดเลยคือ การต่อเลโก้ที่เคยเล่นตอนเด็ก ๆ เราได้ใช้เวลากับมันและรู้สึกเอนจอยมาก ๆ) มาถึงจุดสุดท้าย เราได้เลือกส่วนสุดท้ายของพรหมลิขิตของเรา และได้เห็นสิ่งที่ได้เลือกตลอดการเดินทางความหมายของ พรหมลิขิต กับนิทรรศการนี้ แต่งานยังไม่จบเพียงเท่านี้ เดินออกไปฝั่งตรงข้าม ฝั่งเดียวกับจุดเช็คอิน ยังมีของที่ระลึกจากงาน Destiny ให้ได้เลือกชมกันด้วยนอกจากของที่ระลึกที่ออกแบบเข้ากับงาน Destiny ก็ยังมีของอย่างอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานมาให้เลือกซื้อกัน มีโซนกระจกให้ถ่ายรูปสวย ๆ และจุดฝากส่งพรหมลิขิต ที่ได้จากนิทรรศการด้วย เดินไปทางขวา ก็มีโซนคาเฟ่อบอุ่น ๆ และเครื่องดื่ม Signature เฉพาะงานนี้ด้วย เดินช้อปนั่งดื่มกันเต็มที่เลยค่ะถือเป็นนิทรรศการที่สร้างความประทับใจให้เราอย่างไม่รู้ลืมมาก ๆ การจัดฉาก เรื่องราว กิจกรรมที่เป็นโอกาสให้ได้ค้นหาตัวตน ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้หวนนึกถึง พรหมลิขิตและเรื่องราว ที่(ใคร)ได้เลือกและเกิดขึ้นในชีวิต เราอาจไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนว่า พรหมลิขิต คืออะไร แต่ที่เรามั่นใจแน่ชัดเลยคือ พรหมลิขิต คือโอกาสในชีวิตที่ไม่มีวันหวนกลับไปเลือกใหม่ได้ แต่ถ้า "พรหม" ให้มา เราจะ "ลิขิต" มันขึ้นเอง สำหรับใครที่สนใจนิทรรศการนี้ สามารถดูรายละเอียดได้ทาง https://www.scenecraft.co/ และซื้อบัตรได้ทั้งราคาปกติ และราคานักเรียน-นักศึกษาผ่าน https://lifeverts.com/ticket/ ได้เลยนะคะ และให้บทความนี้ แทนขอบคุณไปยังเหล่าครีเอเตอร์ ผู้จัดงาน scenecraft พี่ ๆ staff ที่สร้างและดูแลเราในการเดินทางหาคำตอบของ พรหมลิขิต ครั้งนี้อย่างดี และหวังว่าผู้อ่านจะได้ไปนิทรรศการนี้ และได้ค้นพบเรื่องราว Destiny ของตัวเองนะคะะ There's a reason people like you and I found each other อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !