หลายคนอาจจะไม่ชอบเที่ยวฤดูฝน เพราะความเลอะเทอะ เฉอะแฉะ เปียกปอนแต่ว่าแต่ละสถานที่มักจะมีฤดูที่เหมาะกับที่นั่น และเราว่าฤดูฝนเนี่ยเหมาะกับทริปนี้ที่สุดแล้ว :)เก็บกระเป๋าแล้วเดินทางไป อีต่อง-เหมืองปิล็อก-สังขละบุรี กันค่า ทริปนี้เราใช้เวลา 3 วัน 2 คืน (2-4 ก.ย. 2565) เราเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืด เพื่อให้เดินทางไปถึงตัวเมืองกาญจนบุรีตอนเช้า แวะทานข้าว และคาเฟ่ แวะเที่ยวก่อนเข้าหมู่บ้านอีต่องกันคาเฟ่ที่เราแวะรอบนี้คือ The Village Farm to Cafe' พิกัด : https://goo.gl/maps/iLWzhA47hW6UuLT28 (อ.เมืองกาญจนบุรี)เปิดทุกวันตั้งแต่ 9:00-21:00 (ส-อา เปิดตั้งแต่ 8:00-21:00)คาเฟ่ใหญ่ อาหาร ขนม เครื่องดื่มครบค่ะ แต่เราทานข้าวมาจากตลาดแล้ว กะจะแวะมาเที่ยวและดื่มกาแฟ แต่ดันมาถึงตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดดี พนักงานให้ไปเดินเล่นก่อน 555 5 เห็นทางร้านมีบริการให้ยืมจักรยานฟรี ไม่รอช้าคว้าจักรยานไปปั่นเล่นกันดีกว่า ด้านในกว้างมากกก มีที่ให้ปั่นจักรยาน นั่งเล่น อยากจะปล่อยพลังหรือจะนั่งชิล ๆ ก็ได้หมด ถ้าไปช่วงเย็นจะดีมาก ๆ เพราะกลางวันมันร้อนนนน เข้าไปด้านในก็จะมีน้องห่านเดินกันน่ารักน่าชัง มีโซนคาเฟ่ด้านในให้เข้าไปถ่ายรูปนั่งเล่นได้อีก มีทุ่งดอกมากาเร็ต แต่ตอนเราไปยังไม่บาน กำลังบานช่วงตุลานี้แหละ ไปเร็วไปหน่อย อดเลยฮ่า ๆ เอาเป็นว่าเป็นอีกร้านที่เป็นจุดแวะเก็บภาพได้เยอะมากกกค่ะไปกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด พิกัด : https://goo.gl/maps/32Svbjf3FMwEhtpt5 (อ.ไทรโยค) เปิดทุกวัน 9:00-16:00 (ฟรีค่าเข้าชม)สถานทึ่สำคัญทางประวัติศาตร์ ที่บอกเล่าเรื่องราวการสร้างทางรถไฟของช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเจ้าหน้าที่ให้บริการแนะนำตั้งแต่ทางเข้าอย่างดีไม่มีงง มีวีดีทัศน์ให้ข้อมูลต่างๆ บอกเล่าเรื่องราวของเชลยศึกตอนนั้น ใครชอบประวัติศาสตร์น่าจะชอบที่นี่นะ มีอุปกรณ์การบรรยายเพร้อมหูฟังให้ยืม ฟังไปด้วยแล้วเดินไปเรื่อย ๆ ได้เห็นสถานที่จริง มีเศษซากประวัติศาสตร์จริงให้ได้ซึมซับบรรยากาศ เดินไปเดินมาก็อดคิดไม่ได้ว่า จะทลายภูเขาใหญ่ให้กลายเป็นช่องทางรถไฟ ต้องทำด้วยกำลังคนและเครื่องมือที่มียุคนั้น มันต้องลำบากขนาดไหน แต่มนุษย์ก็ทำได้ สุดท้ายแล้วอาจจะเป็นมนุษย์นี่แหละน่ากลัวนี่สุด ..ถึงเวลาเข้าโค้งกันแล้ววว ลุยไป หมู่บ้านอีต่อง-เหมืองปิล็อก กัน แค่ 399 โค้ง ใครไม่เคยมาไม่ต้องรี๊บบ ค่อย ๆ ไป ถนนไม่ได้แย่มากมาย รถเล็กไปได้สบาย หลับ ๆ ตื่น ๆ ไปหลายตลบ แวะจุดชมวิวสักหน่อย สุดท้ายก็มาถึงหมู่บ้านอีต่องแล้ว ชุมชนของชาวเหมืองที่เคยรุ่งเรือง ตอนนี้เหลือไว้ชุมชนที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนอยากมาเยือนณ เวลาสี่โมงเย็น หมอกเต็มไปหมด เหมือนหลุดมาอีกโลกเลย ใครที่ไม่ชอบฟิลลิ่งความชื้นแฉะ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ฝนชุก ที่นี่อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกของคุณนะ แต่สำหรับเราได้หมด ขอให้ได้เที่ยว 5555 จอดรถที่ลานตรงบ่อน้ำ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นหมู่บ้านและที่พัก นี่ก็แอบสงสัยในใจเหมือนกัน ความเหมืองมันน่าจะเถื่อน ๆ หน่อย แต่ทำไมมันน่ารักโรแมนติคล่าา หมู่บ้านไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่มันช่างเหมาะกับการพักผ่อนแบบสงบ ตัดขาดจากความวุ่นวายทั้งสัปดาห์ที่เจอมา แต่ถ้าใครยังแอบห่วงงานเบา ๆ ไม่ต้องกังวลไป เราใช้ TRUE และที่นี่ยังมีสัญญาณดี ยังติดต่อได้แน่นอน ถึงแม้ระหว่างทางที่มาจะหายไปบ้างตามประสาขับผ่านช่องเขา :Dเราได้ที่พักที่ Pilok Camp Coffee - ปิล๊อก แคมป์ คอฟฟี่ & โฮมสเตย์ ติดต่อที่พักผ่านทาง Line จองเสร็จสรรพเรียบร้อย ได้ห้องวิวบ่อน้ำ ชั้น 2 ในราคาเพียง 1,000 บาท พร้อมอาหารเช้า มีระเบียงให้นั่งจิบเครื่องดื่มชิล ๆ แต่ต้องขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปห้องพักไว้ มัวแต่นั่งเพลินพักผ่อนแล้วก็ลงไปถ่ายรูปเล่นรอเวลาที่จะขึ้นไป "เนินช้างศึก" ตอนแรกก็ลังเล เพราะฝนตก ฟ้าปิด หมอกหนา แต่มาถึงนี่แล้ว จะพลาดได้ยังไง สองแถวให้บริการพาขึ้นไปชมวิวเนินช้างศึกคนละ 50 บาท รถเต็มแล้วก็ออกเดินทางกัน ช่วงที่เราไปฝนเยอะ ทางขึ้นไม่ค่อยดี แต่พี่คนขับท้องถิ่นมืออาชีพจะไปกลัวอะไร เกาะแน่น ๆ ก็พอ เก็บภาพไม่ได้เลยจ้า เดี๋ยวตกรถ 55555 ขึ้นไปพบกับ .... ความขาวไปหมด ก็รั้นอะเนอะ ขึ้นมาเอามันส์แหละ ได้อีกฟิลสนุกดี เดินสูดหมอกอยู่พักนึง ก็พากันลงกลับหมู่บ้าน หาข้าวกิน พักผ่อนกันไปแต่ยัง มันยังไม่จบเมื่อสมาชิกทริปเดินผ่านบ้านอื่น ได้ยินเค้าคุยกันก็ไปหูผึ่งฟังเค้ามาอี๊ก "เห้ย เราได้ยินเค้าคุยกันว่ามีมอไซค์ให้เช่า พรุ่งนี้เช้าดูอากาศ ถ้าฟ้าเปิดเราเช่ามอไซค์ไปเนินช้างศึกอีกรอบกัน" ... สู้สิวะหญิง จึงตอบไปว่า "ไป เค" ไม่คิดค่าา ไปหมด และเช้าฟ้าก็เปิด ก็เลยหาเช่ามอเตอร์ไซค์ ได้มาจากตรงร้านขายของฝาก ดั้นด้นขึ้นไปกันมอเตอร์ไซค์อาจจะง่ายกว่ารถยนต์ แต่บางจังหวะทางชันขึ้นไม่ไหว ไม่รู้เพราะรถ หรือเพราะคนซ้อน บางช่วงก็ถนนเละเทะ ฮ่าาา ลงเดินก็ได้ฟะ และในที่สุดดดด คิดถูกแล้วที่ขึ้นมาอีกรอบ คนละเรื่องกับเมื่อวานเย็นเลย ดีจัง :)บรรลุภารกิจแล้วก็กลับที่พักเพื่ออาหารเช้าของเรา จากนั้นได้เวลาออกเดินทางต่อ ปลายทางสังขละ แต่เดี๋ยว ขอแวะเที่ยวก่อน ก็แหมมม มาถึงนี่แล้วอะน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ไม่แวะได้ไง เราไม่ได้หาสาระอะไรมามากมาย รู้แต่เป็นภาษาพม่า ฮ่าาา ไม่ได้ให้อะไรกับคนอ่านเลยให้ตายเถอะ แต่บอกแค่ว่า มาแล้วต้องแวะ อย่าพลาด มันดีจริง ๆ จะนั่งซึมซับบรรยากาศ ถ่ายรูป หรือจะเล่นน้ำก็ได้หมด ค่าเข้า 40 บาทคุ้มเลย มีเจ้าหน้าที่ดูแลสังเกตการณ์ตลอด แต่อย่าเข้าไปใกล้จุดน้ำตกมาก มันลึกเป็นแอ่งลงไป เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะหัวปวดเอาพิกัด : https://goo.gl/maps/ddBUm6G9ViqzjbGK8 ไปกันต่อที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เข้าไปเดินชมวิวหน่อย ไม่ต้องเสียค่าเข้าแล้วน๊า 40 บาทที่ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น ตั๋วใช้เข้าที่นี่ต่อได้เลยจ้า แอบมาส่องเขาช้างเผือก ที่สายรักการผจญภัยในป่าในเขาชอบมากัน ส่วนเราส่องอยู่ทางนี้ก็ทำเท่ไปก่อน กางเต๊นท์นอนที่นี่ก็น่าจะดีนะ สมาชิกกางให้ ส่วนเรานอนอะ 5555คืนที่ 2 เราจะไปกันที่สังขละบุรี คืนนี้เราไม่ได้จองที่พัก เพราะเราจะพาไปนอนเต็นท์กัน เนื่องจากเราเคยล่องเรือชม 3 วัด ไฮไลท์ของสังขละบุรีมาแล้ว รอบนี้เลยมาแบบมาเอาวิว ล่องลอย โต๋เต๋ เลยไม่ได้มีกิจกรรมอะไร ระหว่างทางก็แวะกินข้าว แวะชมวิวที่เขื่อนวชิราลงกรณ์ด้วย กว่าจะถึงสังขละก็เย็น ๆ แล้ว เล็งจุดกางเต็นท์คืนนี้ไว้ที่ Rainshine Resort ค่าบริการหัวละ 100 บาท ไม่มีไฟให้พ่วงน๊า วันนี้เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็ได้บันเทิงอยู่นะ เพราะทางลงมาจุดกางเต็นท์นี่ชันอยู่นะสาว หลุม ร่องต่าง ๆ ช่วงสั้น ๆ แต่ก็ได้มา 1 ครืดดด ขนาดมีคนช่วยลงไปดูทางดูเหลี่ยมให้นะ ยังจะพลาด 55555 ขับลงเอง ขับไปจิกเท้าไป เกร็งอยู่เลยไม่ได้รูปมาให้ดู สงสารรถแต่สนุกนะว่าไป รถเรามันต้องสู้! 5555 อะได้ที่ได้ทาง เล็งมุมกันแล้ว แต่..เหมือนฝนจะตกแฮะ ... แต่ได้แหละ ได้! ไป! ลุย! เริ่ม! ลมพายุอะเริ่มมาเลยยยย จากนักท่องเที่ยวกลายเป็นผู้ประสบภัยย่อม ๆ ลมแรงอย่างไม่หยุดยั้ง เต็นท์จะปลิวแล้วเก็บเร็วววววว อะเก็บเอาของขึ้นรถเหมือนเดิมเท่าที่จะทัน ส่วนเต็นท์นั้นไม่ทัน เก็บไม่ให้ปลิวได้ แต่ไม่ได้เก็บขึ้นรถ 555555555 เต็นท์ข้างเคียงก็เก็บไววิ่งไวเหมือนกัน แต่สุดท้ายหลังจากหยุดแล้วตก ตกแล้วหยุด วิ่งกัน 2 รอบ ก็ผ่านไป ฝนหยุด ลมสงบ จัดเตรียมที่นอนสำหรับคืนนี้แล้ว ก็มีสายรุ้งโผล่หน้าออกมาให้ได้ชมกัน ช่วงค่ำเราไปเดินเล่นที่ตลาดถนนคนเดิน เงียบเหงามากเกินกว่าจะเป็นวันเสาร์ ก็เลยกินข้าวซื้อขนม เครื่องดื่ม กลับมากินที่เต็นท์ นั่งฟังเพลงไปตามประสา ตื่นเช้ามากิจกรรมที่ต้องทำคือ เดินสะพาญมอญ แต่ไปมั้ย ไม่ไปจ้าาา เราเคยไปเดินมาแล้วก็เลยอยากเก็บบรรยากาศจากมมที่ไม่เคยอยู่มากกว่า เอาเป็นว่าใครอยากมากางเต็นท์วิวสะพานมอญ ที่นี่ก็เป็นอีก 1 มุมที่ได้วิวสะพาญมอญกว้าง ๆ อ้อ... ที่พักเค้ามีหมูกระทะให้สั่งได้ แต่เราไม่ได้สั่งก็เลยไม่รู้ว่าอร่อยมั้ย 😁เติมพลัง สูดอากาศแล้ว ก็กลับบ้านเราไปสู้กับงานต่อ เพื่อรอทริปถัดไป 🙂 ภาพ : ภาพทั้งหมดเจ้าของบทความถ่ายเอง บุคคลในภาพเป็นเจ้าของบทความเองจ้าแชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด