รีวิวเที่ยวเชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน ฉบับขึ้นเขา ลงห้วย ท่องเมืองเก่าสวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ "เฟิร์นเว:)" จะมารีวิวเที่ยวเชียงใหม่เเบบ 4 วัน 3 คืน ฉบับขึ้นเขา ลงห้วย ท่องเมืองเก่า ที่ฝนตกทุกวัน!!!🌧️ ต้องบอกก่อนว่ารอบนี้เราไปกับเพื่อน 3 คน ใช้วิธีเช่ารถตู้พาเที่ยวนะคะ ใครที่กำลังมีแพลนไปเชียงใหม่ ตามไปดูกันได้เล้ยยยย🛻✨Day 1 : ท่าอากาศยานดอนเมือง > ห้วยกุ๊บกั๊บทริปนี้เราเลือกใช้การเดินทางโดยเครื่องบิน เพื่อประหยัดเวลาไปเพิ่มเวลาเที่ยวนะคะ ซึ่งเรากับเพื่อนทำการจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าผ่าน รวมราคาไป - กลับ คนละ 2,067 บาท โดยเครื่องออกจากสนามบินดอนเมือง 7.30 น. ถึงสนามบินเชียงใหม่ 8.40 น. ใช้เวลาประมาณ 1.10 ชม. (ปล. ใครที่คิดว่ากระเป๋าเกิน 7 กิโล แนะนำให้ซื้อกิโลล่วงหน้าจะถูกกว่านะคะ) พอถึงสนามบิน เรากับเพื่อนก็โทรเรียกคุณลุงขับรถตู้พาเที่ยวที่เราจองไว้ให้มารับที่ประตูทางออก ด้วยความที่เรามาถึงเช้ามาก ๆ เลยให้คุณลุงพาแวะทานอาหารเช้ากันซะเลย โดยคุณลุงเลือกแวะที่ร้านอาหาร "Boat Bakery (โบ๊ต เบเกอรี่)" มีทั้งอาหารตามสั่ง อาหารเหนือ และอาหารทั่วไปเลย เรากับเพื่อนเลยสั่งมาคนละ 1 อย่าง เป็นการเติมพลังให้กับการท่องเที่ยววันแรกในเชียงใหม่ของพวกเรา หลังจากนั้น ก็เริ่มเดินทางตามแพลนที่เราวางไว้กันเลย โดยที่แรกที่เราจะไป นั่นก็คือ..."ไหว้พระ เสริมดวง วัดอุโมงค์"วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ สร้างขึ้นราว ๆ กว่า 700 กว่าปีมาแล้วค่ะ เรากับเพื่อนเดินเข้าไปนมัสการเจดีย์วัดอุโมงค์ทรงระฆังตามเเบบศิลปะล้านนา ก่อนเดินลงมาสักการะพระพุทธรูปในอุโมงค์ที่ประกอบไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ เเละเต็มไปด้วยมอสส์สีเขียวอันชุ่มฉ่ำ โดยที่วัดอุโมงค์จะงดใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้นนะคะ ท่านใดที่มาเเล้วใส่กางเกงหรือประโปรงสั้นสามารถเช่าผ้าถุงสวมทับเข้าไปได้ มีค่าเช่าผ้าถุงคนละ 20 บาท ส่วนใครที่ต้องการสักการะบูชาพระพุทธรูป ทางวัดก็มีจัดดอกไม้ธูปเทียนให้ทำการไหว้ขอพรชุดละ 20 บาท เช่นกันค่ะ บอกเลยว่าคุณป้าคุณน้าที่เฝ้าซุ้มดอกไม้ใจดีมากกกก น่ารักสุด ๆ ใครไปสามารถเข้าไปทักทายกันได้นะคะ^^ อ้ออ ลืมบอกไปว่า ระหว่างทางเดินขึ้นมา ทางวัดจะมีป้ายคำสอนติดตามต้นไม้เต็มไปหมดเลย ให้ฟีลเหมือนไปเข้าค่ายธรรมะสมัยเรียนเลยค่ะ"ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม อาตมาก็ถามว่าพรุ่งนี้มีไหม ถ้ามีพาไปดูได้ไหม"วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) ที่ตั้ง : ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200พิกัด : https://maps.app.goo.gl/B5yWk7Qekpz9AVzz6ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย"สักการะพระธาตุดอยสุเทพ ใครมาเชียงใหม่เเล้วไม่มา ถือว่าไปไม่ถึง"หลังจากไหว้พระขอพรที่วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) เรากับเพื่อนก็มุ่งหน้าไปกันต่อที่ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร หนึ่งในวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ เเต่กว่าจะถึงเล่นเอาหูอื้อกันเลยทีเดียว พอมาถึงแล้วเรากับเพื่อเลยตกลงกันว่า ตอนขึ้นไปบนพระธาตุ เราจะใช้บริการลิฟต์รางไฟฟ้าขึ้นไป ส่วนตอนลงเราจะใช้วิธีการเดินเพื่อเก็บบรรยากาศนะคะ (แอบบอกว่าที่เลือกเดินลงเพราะมันเหนื่อยน้อยกว่าค่ะ55555) มีค่าบริการคนละ 20 บาท สามารถขึ้นเเละลงไปสองรอบเลยนะ สำหรับใครที่ไม่สะดวกเดินลงเเบบเราหลังจากขึ้นมาถึง เราก็เดินดูรอบ ๆ พระธาตุก่อน ทางวัดตกเเต่งเป็นส่วนหย่อมน่ารักมากก สีสันสดใสสุด ๆ เเละต้องบอกก่อนว่าชาวต่างชาติเยอะมาก ๆ ใครถอดรองเท้าไว้ตรงไหนต้องจำให้ดีเลยนะคะ55555 มาต่อกันที่การเดินวนรอบพระธาตุดอยสุเทพ เราเดินวนกันทั้งหมด 3 รอบ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ก่อนจะขอพรเเละออกมาเสี่ยงเซียมซีด้านข้าง ซึ่งคำทำนายช่างดีงามเป็นสิริมงคล เลยเก็บคำทำนายกลับบ้านกันทั้งสามคนเลยค่ะ สำหรับใครที่อยากถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับองค์พระธาตุ สามารถใช้บริการช่างภาพท้องถิ่นได้เลยนะคะ ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ที่ 150 - 200 บาท ได้รูปกลับไปเป็นที่ระลึกเลยค่ะ แต่เรากับเพื่อนเลือกที่จะถ่ายกันเองเพราะรูปเดียวมันไม่พอจริง ๆ 55555 ซึ่งหลังจากถ่ายรูปเสร็จ เราก็เดินลงบันไดมาเดินเล่นที่ร้านขายของบริเวณวัด มีทั้งของฝาก อาหาร เเละเสื้อผ้าเหนือเต็มไปหมด เพื่อน ๆ เราได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยค่ะวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารที่ตั้ง : ถนนศรีวิชัย ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่พิกัด : https://maps.app.goo.gl/wP1vbvHGYkAQnDsd9ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย / ค่าบริการลิฟต์รางไฟฟ้าคนละ 20 บาท"สัมผัสความสงบ วัดผาลาด กลางหุบเขา"ไปกันต่อที่ วัดผาลาด (สกิทาคามี) วัดป่ากลางดอยสุเทพที่ขึ้นชื่อเรื่องความสงบ ร่มเย็น ระหว่างทางที่เดินเข้าวัดมาต้องบอกว่า วัดมีความร่มรื่นมาก สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวเป็นธรรมชาติสุด ๆ โดยภายในวัดประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างให้เดินชมเเละขอพรหลายจุด อาทิ วิหารพระพุทธบาทศรีวิชัยโภคา รูปปั้นนรสิงห์ทรงพม่า หรือจะเป็นเจดีย์ทรงพม่าที่ตั้งอยู่ข้างวิหาร ทั้งนี้ยังมีอุโบสถริมน้ำริมรำธารที่สวยงามเเปลกตา สามารถมองออกไปเห็นเป็นวิวเมืองเชียงใหม่ได้สวยงามจนเรากับเพื่อน ๆ ตะลึงไปเลยค่ะ เราเดินชมวัดอยู่สักพัก ก่อนจะขอลาออกมาเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่อไปนั่นก็คือ...วัดผาลาด (สกิทาคามี)ที่ตั้ง : บ้านห้วยผาลาด 101, ถนน ศรีวิชัย อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200พิกัด : https://maps.app.goo.gl/kpH2T1pdcVn28kdZ9ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย"บ้านกุ๊บกิ๊บ ณ ห้วยกุ๊บกั๊บ"เมื่อใกล้เวลาที่เรานัดหมายกับที่พัก เราเลยกะเวลาเดินทางให้คุณลุงขับรถมาส่งเรากับเพื่อน ๆ ที่ Jungle De Cafe กื๊ดช้าง จุดนัดหมายที่ทางโฮมสเตย์ตั้งไว้เพื่อมารับเราขึ้นไปยังที่พัก เนื่องจากทางหมู่บ้านไม่เเนะนำให้ขับรถขึ้นไปเอง เพราะทางค่อนข้างโหดเลยค่ะ โดยคืนเเรกเรากับเพื่อนเลือกพักกันที่ บ้านกุ๊บกิ๊บ ณ ห้วยกุ๊บกั๊บ ซึ่งเรานัดกับทางโฮมสเตย์ว่าจะขึ้นห้วยรอบ 15.30 โดยทางที่พักจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รอบด้วยกัน สามารถเลือกเวลาที่สะดวกได้เลยนะคะพอมาถึงจุดนัดพบ คนจากโฮมสเตย์ก็มารอรับเเล้วค่ะ โดยรอบที่เราขึ้นไปมีพี่ ๆ กลุ่มอื่น ๆ มาอีกสองคน อยากชวนคุยมาก เเต่ระหว่างทางคือหัวเราะกันกับเพื่อนจนน้ำตาไหล เพราะทางทรหดฝึกกล้ามเนื้อเเขนเรามาก ๆ ใครมีเเพลนจะมาเเนะนำให้เตรียมร่างกายให้พร้อมรับเเรงกระเเทกจากดินเเดงนะคะ55555 เเละเเน่นอนว่าความทรมานจะหมดไปเเละเเทนที่ด้วยความสุขจากการรับชมวิวสวย ๆ ระหว่างทาง จนต้องเสี่ยงพลีชีพหยิบโทรศัพท์เครื่องเก๋ามาถ่ายภาพเก็บไว้เลยยพอถึงที่พัก เรากับเพื่อนก็ทำการเช็คอินเเละนำกระเป๋ามาเก็บในห้องพักกัน ก่อนจะออกไปเดินซื้อขนมที่ร้านค้าหมู่บ้าน เเละมานั่งรับลมที่ระเบียงห้องพักซึ่งกว้างพอให้เรากับเพื่อนนอนเงียบ ๆ ได้เเบบสบาย ๆ เรากับเพื่อนนั่งมองหน้ากันสักพักเเละคิดเหมือนกันว่านี่เเหละคือการออกมาใช้ชีวิตในเเบบที่มีความสุขที่สุด ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย อยู่กับธรรมชาติเเละหมูกะทะที่เราจัดมาเเบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ ก่อนจะนั่งฟังเพลงไปพร้อม ๆ กับฟังเสียงของเพื่อนร่วมทางที่ผ่านเข้ามาในหูให้รู้สึกอิ่มใจไปพร้อม ๆ กันในส่วนของที่พักนั้นมีห้องน้ำในตัว สะดวกสบาย ห้องพักมีกระจกที่มองเห็นวิวได้ชัดเจน เเถมมีอาหารเช้าให้ด้วยนะคะ น้อง ๆ ที่หมู่บ้านจะเป็นคนยกมาให้เเต่เช้าเลย หลังทานอาหารเช้าเสร็จเรากับเพื่อก็เก็บของเพื่อเตรียมเช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก ปล. ที่นี่จะเก็บค่าเสียหายทั้งหมดตอนเช็คเอ้าท์ทีเดียวนะคะ พี่ที่ดูเเลโฮมสเตย์น่ารักมาก มีคาเฟ่นั่งชิวด้วยค่ะ ส่วนใครที่อยากไปเดินป่า ชมพระอาทิตย์ขึ้น พิชิตยอดดอยผาสามเหลี่ยม สามารถเเจ้งทางพี่ที่ดูแลให้หาไกด์นำทางได้เลยบ้านกุ๊บกิ๊บ ณ ห้วยกุ๊บกั๊บที่ตั้ง : 292 ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 50150พิกัด : https://maps.app.goo.gl/5CiejzVWdJmpfsXKAค่าที่พัก : 850 บาท (มีห้องน้ำในตัว)ช่องทางการติดต่อ : 083 945 9966 / Facebook: https://www.facebook.com/BaanKubKibNaHuayKubKab/Day 2 : ห้วยกุ๊บกั๊บ > ม่อนแจ่มเริ่มต้นวันที่สอง ด้วยการตื่นขึ้นมาดูทะเลหมอกที่ค่อย ๆ ไหลเข้ามาตามซอกเขา เมื่อถึงเวลาเช็คเอ้าท์ เราก็เลือกให้โฮมสเตย์ไปส่งที่จุดนัดพบเดิมตอน 10.00 น. พอไปถึงข้างล่างคุณลุงก็มารอรับอยู่เเล้ว เเละด้วยความหิว เราเลยเริ่มต้นวันที่สองกันที่..."ร้านอาหารกาแล ม่อนเงาะ"ร้านอาหารหาแล ม่อนเงาะ เป็นร้านที่เราเจอระหว่างลงจากห้วยกุ๊บกั๊บนะคะ ทางร้านมีที่นั่งหลายโซนมาก ทั้งโซนเรือนกาแล โซนห้องแอร์ เเละโซนริมธาร เรากับเพื่อเลือกนั่งที่โซนเรือนกาแล บอกเลยว่าฟีลดีมาก สักพักพี่ ๆ ที่ร้านก็นำเมนูมาให้ดู เราเลยเลือกสั่งผัดไทกับน้ำมะนาวโซดาเพิ่มความกระชุ่มกระชวยสักหน่อย ก่อนออกเดินทางไปที่ต่อไป มือนี้เราเสียไป 154 บาทเท่านั้น ที่สำคัญผัดไทอร่อยมากกกร้านอาหารหาแล ม่อนเงาะ (สงวนศรี ม่อนเงาะ)ที่ตั้ง : ทางหลวงชนบทหมายเลข ชม.3052 ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 50150พิกัด : https://maps.app.goo.gl/nJsBvjYF5wzuCfMY7ค่าอาหาร : -"เที่ยวน้ำตกจำลอง ให้อาหารกระต่าย ณ แดนเทวดา"หลังจากทานข้าวเสร็จ เรากับเพื่อนก็ไปต่อกันที่ แดนเทวดา ต้องบอกก่อนว่าในเเพลนที่เเพลนมาไม่มีที่นี้อยู่เลยนะคะ เเต่ระหว่างทางเราดันเห็นป้ายเเนะนำ เลยให้คุณลุงเเวะซะเลย โดยมีค่าเข้าคนละ 100 บาท สามารถเดินชมได้ทุกโซนเลย เรากับเพื่อนเดินกันจนขาลากก็ยังเดินไม่ทั่ว สำหรับใครที่มีเวลาทั้งวัน เเนะนำให้เดินให้ทั่วเลยนะคะ มีเเต่โซนสวย ๆ ทั้งนั้นที่แดนเทวดามีน้ำตกจำลองสวยมาก ๆ เหมือนของจริงเลยค่ะ มีหมอกระหว่างทางเดินประหนึ่งเราอยู่ในสวรรค์เลย ระหว่างทางเดินก็มีเป็นฟาร์มกระต่ายเล็ก ๆ ให้เราเข้าไปให้อาหารน้องได้ ค่าอาหารชุดละ 20 บาท น้อง ๆ น่ารักนุ่มนิ่มมากแดนเทวดาที่ตั้ง : 288 ตำบล สันมหาพน อำเภอแม่แตง เชียงใหม่ 50150พิกัด : https://maps.app.goo.gl/HVC5LWQq1Xs4e7zE8ค่าเข้าชม : 100 บาทไปกันต่อตามแพลนที่ตั้งไว้ เราเลือกไปเที่ยวเเถว ๆ ม่อนแจ่ม เพื่อให้ง่ายต่อการเดินทางไปที่พักสำหรับคืนนี้ เเต่เเพลนที่วางไว้ต้องล่มหมด เพราะฝนเทลงมาเเบบคุมกำเนิดมาก เลยจบที่การไปนั่งกินปีกไก่ทอดที่คาเฟ่ระหว่างทาง ก่อนให้คุณลุงพาขึ้นไปส่งที่ที่พักสำหรับคืนนี้เลย"ภูดอย โฮมสเตย์ ม่อนแจ่ม"คืนที่สอง เรากับเพื่อนเลือกพักกันที่ ภูดอย โฮมสเตย์ โดยทำการจองเข้ามาล่วงหน้าผ่านระบบของทางโฮมสเตย์ เราพักเเบบห้องกระโจม 2 + 1 คน หารเเล้วตกคนละ 564 บาท (รวมอาหารเช้า) พอถึงที่พักเราก็ทำการเช็คอิน เเละสั่งอาหารเย็นล่วงหน้าให้ทางที่พักมาส่งตอน 18.00 น. เราสั่งยำกับหมูกะทะชุดใหญ่ (อีกเเล้ว) ระหว่างนั่งทานหมูกะทะ ชมวิวฝนตกบนดอย ก็มีพ่อค้าปลาเผามาขายปลา เราก็จัดปลาเผามาอีก 1 ตัว เรียกได้ว่าอิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจเลยค่ะ เลยพากันเข้านอน พร้อมตื่นมาทานอาหารเช้าที่ทางโฮมสเตย์เตรียมไว้ให้ อร่อยมากกภูดอย โฮมสเตย์ มีการตกเเต่งรอบข้างด้วยสวนดอกไม้ น่ารักมาก ๆ เเต่เราไปช่วงหน้าฝนเลยถ่ายรูปมาเเค่นิดเดียว ใครที่มีเเพลนจะไปเเนะนำให้เดินเดินชมสวนให้ทั่วเลยน้าา ซึ่งวันต่อมาเราเลือกเช็คเอ้าท์ตอน 9.00 น. คุณลุงมารับตรงเวลาเหมือนเดิม พร้อมเดินทางไปเยือนเมืองเชียงใหม่กันเเล้ว หลังจากอยู่ดอยมาสองวันภูดอย โฮมสเตย์ที่ตั้ง : ภูดอย โฮมสเตย์ แม่แรม อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ 50180พิกัด : https://maps.app.goo.gl/vyHeovA8pmLBM8uL8ค่าที่พัก : ขึ้นอยู่กับรูปเเบบห้องพักที่เลือกช่องทางการติดต่อ : 098 792 6492 / Facebook : https://www.facebook.com/Phudoihomestay/?locale=th_THDay 3 : ม่อนแจ่ม > ตัวเมืองเชียงใหม่สำหรับวันที่ 3 เรากับเพื่อแพลนไว้ว่าจะเที่ยวในตัวเมืองเป็นหลัก โดยจะเน้นไปที่วัดเยอะหน่อยนะคะ เพราะพยายามตั้งเป้าไว้ว่า 4 วัน เราจะไปให้ครบ 9 วัดค่ะ ออกแนวสายบุญหน่อย ๆ 55555"ร้านอาหารริมน้ำ ม่อนแจ่ม"ระหว่างทางลงจากม่อนแจ่ม ด้วยความที่เรากับเพื่อนอยากทานอาหารอีสาน คุณลุงเลยจัดการแวะ ร้านอาหารริมน้ำ ม่อนแจ่ม ร้านอาหารริมลำธารที่บรรยากาศดีสุด ๆ ทางร้านจัดโต๊ะให้เรานั่งตรงเเคร่ริมธาร ก่อนจะนำเมนูมาให้ เรากับเพื่อสั่งไปอย่างละ 1 เเต่ต้องเพิ่มออร์เดอร์ เพราะสำตำปูปลาร้าร้านนี้เเซ่บมากก อยากให้ทุกคนมาลองกันนะคะ เเถมราคาอยู่ในช่วงที่โอเคมาก ๆ ค่ะร้านอาหารริมน้ำ ม่อนแจ่มที่ตั้ง : 111 ตำบล แม่แรม อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ 50180พิกัด : https://maps.app.goo.gl/aX6Gxo3W6wA1quMaAค่าอาหาร : -"ขอพรความรัก วัดโลกโมฬี"หลังเติมพลังเสร็จ เราก็ตรงมายังตัวเมืองเชียงใหม่ และเลือกเข้า วัดโลกโมฬี เป็นที่แรก วัดนี้เพื่อนเรารีเควสมากว่าต้องมาให้ได้ เพราะต้องการมาขอพรเรื่องความรักกับ "พระนางจิรประภาฯ" ที่ว่ากันว่า "หากไม่รักจริง อย่าอธิษฐาน" ระหว่างรอเพื่อนเราขอพรเลยไปกดก้อนหินรูปหัวใจมาคนละดวง ซึ่งหัวใจที่เรากดได้สามารถทำนายนิสัยได้ด้วย เลยกะว่าจะเอาหินที่กดได้มาทำเป็นสร้อยคอซะเลยย ค่าตัวน้องอยู่ที่ดวงละ 75 บาทนะคะไหว้ขอพรเรื่องความรักเสร็จ เราก็เข้าไปสักการะเจดีย์ประจำวัด เเละกราบไหว้พระประธานในพระวิหารไม้เพื่อความเป็นสิริมงคล บอกเลยว่าสวยเเละสงบมาก เเละที่สำคัญ วิหารนี้เป็นจุดถ่ายรูปที่หลายคนที่เดินทางมาเชียงใหม่เเล้วต้องมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ทำให้อดคิดถึงเรื่องกลิ่นกาสะลองไม่ได้เลย55555วัดโลกโมฬีที่ตั้ง : 298/1 ถนน มณีนพรัตน์ ตำบล ศรีภูมิ อำเภอ เมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200พิกัด : https://maps.app.goo.gl/X2fAT6H8aBwJ2tKJ7ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย"วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร"มาต่อกันที่วัดที่ 2 ของวัน วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ที่ประดิษฐาน "พระสิงห์" หรือ "พระพุทธสิหิงค์" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่เเละแผ่นดินล้านนามาอย่างยาวนาน ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างสำคัญ อาทิ วิหารลายคำ พระเจดีย์กลางประจำวัดพระสิงห์ เเละพระอุโบสถศิลปะล้านนา เรากับเพื่อน ๆ เข้าไปไหว้พระขอพร ระหว่างเดินออกจากโบสถ์หันไปเห็นทางวัดมีการทำบุญถวายสังฆทานด้วย เรากับเพื่อเลยถวายสังฆทานพร้อมกันไปเลย เเถมได้สายสิญจน์มาป้องกันตัวคนละเส้นด้วยวัดพระสิงห์วรมหาวิหารที่ตั้ง : ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่พิกัด : https://maps.app.goo.gl/zvT78VrtEp6PekEH7ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย"ชมความอลังการ วัดเจดีย์หลวง วรวิหาร"ขับรถมาอีกนิด ก็มาเจอกับ วัดเจดีย์หลวง วรวิหาร ที่สร้างขึ้นในสมัยพญาแสนเมืองมา ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่าเจดีย์เหลือเพียงครึ่งองค์ เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ในสมัยมหาเทวีจิรประภา ตอนที่เราไปถึงต้องบอกว่าตะลึงกับความอลังการของเจดีย์หลวงมาก ๆ เเม้ฝนจะเทลงมาค่อนข้างหนัก เรากับเพื่อนก็เลือกที่จะเดินรอบเจดีย์เพื่อรับชมความสง่างาม นอกจากเจดีย์เเล้ว ภายในวัดยังมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่สำคัญด้วยอย่าง หออินทขิล เสาหลักเมืองเชียงใหม่ ใครที่มีโอกาสมา อย่าลืมเข้าไปสักการะกันนะคะวัดเจดีย์หลวง วรวิหารที่ตั้ง : 103 ถ. พระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200พิกัด : https://maps.app.goo.gl/86GvcKsL89oRwAN69ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม"วัดพันเตา"จบวันด้วยคุณลุงพาเรากับเพื่อน ๆ เเวะต่อที่ วัดพันเตา หรือ วัดปันเต้า ที่ภายในวัดมีวิหารหอคำสร้างด้วยไม้สัก ประดิษฐานพระเจ้าปันเต้า (พันเท่า) หลังกราบไว้เสร็จ เรากับเพื่อน ๆ ต้องรับขึ้นรถเนื่องจากฝนตกหนักมาก เลยไม่ได้ไปสักการะพระเจดีย์ด้านหลังเลย ไว้มาคราวหน้า เราต้องมาตามเก็บเเน่นอนค่ะวัดพันเตาที่ตั้ง : ตําบล พระสิงห์ 105 ถ. พระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200พิกัด : https://maps.app.goo.gl/wNeVGzgR2AUoEi6V9ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย"คาเมะ เชียงใหม่ ที่พักสไตล์มินิมอล"หลังจากไหว้พระวัดสุดท้ายเสร็จ ด้วยความที่ฝนเทลงมาหนักกว่าเดิม เราเลยให้คุณลุงไปส่งที่ที่พักคืนที่ 3 ของคืนนี้เลย โดยเราพักกันที่ คาเมะ เชียงใหม่ ที่พักสไตล์มินิมอล ที่ด้านล่างของที่พักเป็นคาเฟ่ด้วยนะคะ มีมุมให้ถ่ายรูปเพียบ ในส่วนของห้องพักจะตกเเต่งด้วยสไตล์มินิมอล มีห้องน้ำในตัว เรากับเพื่อนพักห้องดีลักซ์ทริปเปิลรูม 790 บาท ไม่รวมอาหารเช้า เราหารกับเพื่อน 3 คน ตกคนละ 264 บาท ส่วนใครที่ต้องการสั่งอาหารเช้ากับทางร้านก็สามารถสั่งได้นะคะ เซ็ทละ 100 บาทค่ะคาเมะ เชียงใหม่ที่ตั้ง : 94, 2 ถนน สนามกีฬา ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200พิกัด : https://maps.app.goo.gl/wM2fn8ATMrRFK94B7ค่าที่พัก : เริ่มต้นที่ 400 บาทพอทำการเช็คอินเเละเก็บของเสร็จเรียบร้อย เรากับเพื่อนเดินออกมาหาอะไรกินกันที่ตลาดนัดช้างเผือก ซึ่งเปิดทุกวัน เเละเเน่นอนสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเชียงใหม่ก็คือการกิน "สุกี้ช้างเผือก" ถึงร้านก็ทำการรับคิวเเละสั่งออร์เดอร์ผ่านลิงก์ที่ทางร้านให้มา สักพักร้านก็นำสุกี้มาส่งให้ มือนี้เราจ่ายไป 63 บาท (รวมน้ำ) ต้องบอกว่าของเขาอร่อยจริง ๆ ค่ะ หมูนุ่ม เส้นเด้ง ถูกหลักสุด ๆ ใครมาเชียงใหม่ ห้าพลาดเลยนะคะ!!!กินเสร็จ หนังตาก็เริ่มหย่อน ระหว่างทางเดินกลับที่พัก เรากับเพื่อน ๆ เลยเเวะซื้อขนมไปทานกับบนห้องสักหน่อย พูดคุยกันเรื่องการท่องเที่ยวที่ผ่านมาทั้ง 3 วัน พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายเเล้ว เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เลยตั้งใจว่าจะสร้างความทรงจำดี ๆ ในวันสุดท้ายต่อไป ตามไปดูกันต่อเลยนะคะDay 4 : ตัวเมืองเชียงใหม่ > ท่าอากาศยานดอนเมืองมาต่อกันที่วันสุดท้ายของทริปกันแล้วนะคะ เราตื่นมาทานอาหารเช้าและเช็คเอ้าท์กับทางที่พัก ก่อนคุณลุงจะมารับไปเที่ยวกันต่อ เเต่ต้องบอกก่อนว่าอันที่จริงช่วงเช้าเราเเพลนที่เที่ยวไว้เยอะมาก เเต่ฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตกเลย เราเลยตัดสินใจให้คุณลุงพาขับรถวนรอบเมืองซะเลย โดยได้คุณลุงทำหน้าที่เป็นไกด์คอยเเนะนำสถานที่สำคัญให้ คุณลุงใจดีมาก ๆ พอวนรถมาสักพัก ฝนก็เริ่มซาลง เราเลยได้แวะที่แรกของวัน..."ช้างม่อย ถนนยอดฮิตของนักคอนเทนต์"ช้างม่อย แลนด์มาร์กสุดฮิตที่ต้องมาเมื่อมาเยือนเชียงใหม่ นั่นก็คือ มุมถ่ายรูปกับร้านหวายสานล้านนา อย่างร้านหวายน้ำผึ้ง โดยมีจุดถ่ายรูป เเละคาเฟ่อีกมากมายที่อยู่ตลอดสายของถนน รับประกันความอร่อย มาถนนนี้ได้คอนเทนต์กลับไปเเน่นอน ตอนเราไปเป็นช่วงเช้า คนเลยยังไม่ค่อยเยอะ บวกกับฝนตกด้วย ซึ่งให้ฟิลชุ่มฉ่ำไปอีกเเบบค่ะถนนช้างม่อยที่ตั้ง : ถนนช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50300พิกัด : https://maps.app.goo.gl/q6brHdJ6fbtkgWpY9"เชียงใหม่ ซู อความเรี่ยม"ไปกันต่อที่ เชียงใหม่ ซู อความเรี่ยม สวนสัตว์เชียงใหม่ เรากับเพื่อนเลือกซื้อตั๋วที่ชมได้ทั้งสวยสัตว์เเละอควาเรี่ยมเลยนะคะ ในราคา 300 บาทต่อคน หากใครไม่สะดวกเดินสามารถนั่งรถรางเพื่อชมส่วนสัตว์ได้ค่ะ โดยรถรางจะจอดเป็นจุด ๆ เเละมาทุก ๆ 10 นาที รอไม่นานเลยน้า เเละเเน่นอนว่าเราไปตอนหน้าฝน น้องสัตว์หลายชนิดเลยไม่สามารถออกมาให้เห็นได้ เศร้ามาก เเงงงนั่งรถรางมาได้สักพัก ก็ถึง เชียงใหม่ ซู อควาเรี่ยม โซนใต้ทะเลของสวนสัตว์เชียงใหม่ บอกเลยว่าตื่นเต้นมากก เพราะไม่ได้รอดอุโมงค์ปลามานานเเล้ว น้อง ๆ น่ารักเเละตัวใหญ่มากนะคะ อุโมงค์ปลาที่นี่จะมีทั้งน้ำเค็มเเละน้ำจืดเลย ใครกำลังหาที่เที่ยว ลิสที่นี่เป็นหนึ่งในเเพลนได้เลยค่ะ สำหรับใครที่มากับเพื่อน ๆ เเล้วอยากเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึก ตรงประตูทางออกมีตู้ถ่ายภาพให้ได้ถ่ายกันด้วยน้าเชียงใหม่ ซู อควาเรี่ยมที่ตั้ง : 100 ถ. ห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200พิกัด : https://maps.app.goo.gl/2TxBxcVqCnhsAdSB8ค่าเข้าชม : 300 บาท (รวมค่าอวาเรี่ยม) / ค่ารถราง 50 บาท"แต่งตัวตามรอย กาสะลอง ซ้องปีบ วัดต้นเกว๋น"ไปกันต่อที่ วัดอินทราวาส (วัดต้นเกว๋น) เนื่องจากสายการบินเเจ้งมาว่าเครื่องบินจะดีเลย์ประมาณ 2 ชม.เราเลยขอให้คุณลุงพามาวัดต้นเกว๋น เพราะเพื่อนเราอยากเเต่งตัวเป็นซ้องปีบ พอมาถึงเราก็ตรงไปที่ร้านแต่งตัว ค่าบริการรวมชุดเเละทำผม อยู่ที่คนละ 150 บาท มีชุดให้เลือกหลายสีเลยนะคะ คุณป้าที่ร้านน่ารักมาก ๆ ค่ะหลังจากแต่งตัวเสร็จ เรากับเพื่อนก็เข้าไปสักการะขอพระในอุโบสถ ก่อนออกมาถ่ายรูปเเละสวมบทเป็นกาสะลอง ซ้องปีบ โดยมีเพื่อนอีกคนเป็นตากล้อง เราถ่ายรูปกันอยู่นานจนฟ้าใกล้มืด เเละฝนเริ่มตกลงมาอีกครั้ง เราเลยนำชุดไปคืน เเละออกเดินทางหาอะไรกินก่อนไปขึ้นเครื่องที่สนามบินวัดอินทราวาส (วัดต้นเกว๋น)ที่ตั้ง : บ้านต้นเกว๋น ซอย 3 ตำบล หนองควาย อำเภอหางดง เชียงใหม่ 50230พิกัด : https://maps.app.goo.gl/F47Wpj5ehVfVBWZb6ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม"ปิดทริปด้วยร้าน บ้านสวนกาแฟ อีสาน ซีรีส์"ระหว่างทางไปสนามบิน เรากับเพื่อเลยขอให้คุณลุงพาแวะร้านอาหารเพื่อทานข้าวก่อนกลับกันที่ บ้านสวนกาแฟ อีสาน ซีรีส์ ภายในร้านตกแต่งเเบบสไตล์มินิมอล มีอาหารอีสานครบรส เรากับเพื่อนสั่งกันมาอย่างละ 1 ต้องบอกว่าไก่ทอดอร่อยมากกก ใครมาต้องลองบ้านสวนกาแฟ อีสาน ซีรีส์ที่ตั้ง : 150 ซอย 1 เมือง เชียงใหม่ 50100พิกัด : https://maps.app.goo.gl/SBfoKNxCZahwKBUi6ค่าอาหาร : -หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ คุณลุงก็มาส่งเรากับเพื่อนที่สนามบินเชียงใหม่ ก่อนบอกลาคุณลุงด้วยความขอบคุณตลอดระยะเวลา 4 วันที่ผ่านมา เเละใช่ค่ะ เครื่องบินเราดีเลย์ต่อไปจน 22.42 น. ก่อนจะได้กลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัย พร้อมกับประสบการณ์เเละความทรงจำมากมายจบไปเเล้วกับทริปเที่ยวเชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน ฉบับเฟิร์นเว:) ขอบคุณที่ติดตามมาถึงวันสุดท้าย หวังว่าการมาแชร์ทริปนี้ จะเป็นแนวทางเเละแรงบรรดาลใจให้ทุกคนที่เข้ามาอ่าน ได้มีความสุขกับการท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กันนะคะ^^ที่มารูปภาพทั้งหมด โดยผู้เขียน#เชียงใหม่ #อำเภอเมืองเชียงใหม่ #วัดเชียงใหม่ #ห้วยกุ๊บกั๊บ #บ้านกุ๊บกิ๊บณห้วยกุ๊บกั๊บ #ม่อนแจ่ม #ภูดอยโฮมสเตย์ #วัดโลกโมฬี #วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร #วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ #วัดพันเตา #คาเมะเชียงใหม่ #kamekafe #เชียงใหม่ซูอควาเรียม #วัดต้นเกว๋น #เที่ยวเชียงใหม่4วัน3คืน #รีวิวเชียงใหม่ #แจกพิกัดเที่ยวเชียงใหม่ #Fernweh:) #คิดถึงเที่ยว อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !