ใครกำลังมองหาทริปสนุก ๆ ในโตเกียวแต่ไม่อยากกระเป๋าเบากันบ้างคะ วันนี้เราจะมารีวิววิธีเที่ยวญี่ปุ่น 5คืน 6วัน ในโตเกียวกันค่ะ ขอบอกว่าจริง ๆ เราตั้งงบเอาไว้แค่ 15000 บาท ค่ะ แต่ปรากฎว่าพอเที่ยวจริง ๆ ดันใช้เงินไม่ถึง 10000บาทซะงั้น ราคาที่ว่ามารวมทุกอย่างหมดแล้วยกเว้นค่าตั๋วเครื่องบินนะคะ ทริปของเราอาจจะเหมาะกับสายลุย ๆ แบกเป้ไป ด้วยงบประหยัดนะคะ น้อง ๆ นักเรียน หรือเด็กพาร์ทไทม สามารถใช้วิธีนี้ได้สบาย ๆ เลยค่ะ อันดับแรกใครที่เป็นมือใหม่ไปต่างประเทศคนเดียว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือบัตรเติมเงินที่เราสามารถซื้อเงินตราต่างประเทศได้ ช่วงนี้ค่าเงินเยนตก ค่อย ๆ แลกสะสมไว้ ถือเป็นไอเดียที่ดีค่ะ แนะนำเป็นบัตร SCB Planet การ์ด กดเงินที่ญี่ปุ่นได้จริง ซื้อของไม่โดนชาจเพิ่มแน่นอน และที่ขาดไม่ได้เลยคือซิม เล่นเน็ตที่ญี่ปุ่นได้15วัน ส่วนช่วงที่เราไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง จองตั๋วมาได้ราคาประมาณ 3000กว่า ๆ อยู่ที่ช่วงโปรโมชั่นของสายการบินด้วยนะคะ ช่วงที่ตั๋วแพงสุด ๆ คือฤดูใบไม้ผลิ ในเดือนตุลาอากาศจะแปรปรวนนิดหน่อย วันนี้ร้อนมาก พรุ่งนี้หนาวมาก อีกวันฝนตก ต้องเตรียมตัวดี ๆ เลยค่ะ และอย่าลืมซื้อประกันก่อนเดินทางเผื่อไว้ด้วยนะคะ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ1200 ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือตกเครื่อง ซึ่งแนะนำเป็นประกันตัวนี้เลยค่ะ msig หรือใครมั่นใจจะไม่ทำก็ได้แต่ไม่แนะนำเท่าไหร่ค่ะ มาถึงอันดับแรก วิธีจองที่พักราคาประหยัด ก็จะจองผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีนั้นก็คือ Agoda และ Booking.com ด้วยความที่ว่าการท่องเที่ยวคนเดียวแบบลุย ๆ เราก็จะเน้นเป็นที่พักแบบประหยัดอย่าง Hostel ที่เป็นห้องรวมแบบเตียงใครเตียงมัน หรือที่รู้จักกันในหมู่คนไทยคือ โรงแรมแบบแคปซูล บางคนอาจจะติดภาพจำว่ามันไม่สะดวกหรืออะไรก็ตาม แต่อยากบอกตามประสบการ์ณว่า โรงแรมแบบนี้ในญี่ปุ่นสะดวก และสะอาดมาก ๆ และเกือบทั้งหมดของโรงแรมแบบนี้ อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ แถมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในก็ครบ มีเหมือนโรงแรมทุกอย่างเลย นี่คือตัวอย่างโรงแรมที่เราจองมาได้ในราคาประหยัดและคุณภาพดีสุด ๆ ซึ่งส่วนใหญ่โรงแรมประเภทนี้เราสามารถเลือกได้ว่าจะพักห้องรวม ห้องสำหรับผู้หญิงเท่านั้น หรือผู้ชายเท่านั้น เพื่อความสบายใจของผู้พัก เวลาค้นหาก็ใช้คียเวริ์ดคำว่า "Hostel" ในการค้นหาโรงแรมค่ะ ส่วนเรื่องการเดินทางแนะนำเราซื้อมาเป็นบัตร Greater Tokyo Pass บัตรนี้ใช้เดินทางได้ทั่วโตเกียวและบริเวณเขตชานเมืองนะคะ ใช้ได้ 5 วัน ราคาอยู่ที่ 6500เยน (1430บาท) สามารถจองผ่านklookได้เลยค่ะ เป็นค่าเดินทางแบบเหมา ๆ นักท่องเที่ยวที่มาญี่ปุ่นมักได้เปรียบเพราะส่วนใหญ่ได้ราคาโปรโมชั่น จ่ายถูกกว่าคนญี่ปุ่นเสมอ ที่พักเราจะเรียงให้ดูตามราคาที่จ่ายไปจริง ๆ เลยนะคะ ซึ่งเราพักที่ละ 2 คืน ยกเว้น yokohama พัก 1 คืนค่ะ เป็นห้องแบบหญิงล้วนทั้งหมด ใช้งบไปทั้งหมด 3,225 บาท หรือประมาณ 14,660 เยน ในการพัก 5 คืน ไม่มีจ่ายเพิ่มค่ะ สบู่ แชมพู มีให้ทุกที่ มาเริ่มต้นด้วยการเที่ยววันแรกกันค่ะ เราพักที่ Plat hostel Asakusa ฝากกระเป๋าก่อนเช็คอินได้ค่ะ วันแรกซื้อโคร็อคคเกะทานไป 1 ชิ้น ราคา 350 เยน ประมาณ 77บาทค่ะ ของร้าน Asakusa Menchi ต่อด้วยอาหารกลางวันที่เราสั่งเซ็ทอาหารเช้ามา ราคาประมาณ 682เยน (150บาท) ของร้าน Denny's Asakusa และที่ดีสุด ๆ เลย คือ บาร์น้ำที่นี่ฟรีค่ะ จะดื่มนม ดื่มน้ำผลไม้ กาแฟ เราสามารถไปกดได้ด้วยตัวเองเลยค่ะ (ตามภาพด้านล่างจริง ๆ มีแพนเค้กด้วยนะคะ มาเสริฟช้านิดนึง) ร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่สำหรับเรา ยิ่งถ้าเป็นร้านที่ต้องบริการตัวเอง ราคาไม่แพงขนาดนั้นค่ะ แทบจะเท่าไทยหรือถูกกว่าที่ไทยด้วยซ้ำ และข้อดีคือร้านอาหารญี่ปุ่นทุกร้าน จะมีบริการน้ำดื่มฟรีอีกด้วย หลังจากทานเสร็จเราก็เดินเล่น เที่ยววัดอาซากุสะ ขอพรและทำนายดวงชะตาค่ะ หมดไป 200เยน (44บาท) เอาจริง ๆ ไม่คิดว่ามันจะกินเวลาเยอะมาก แต่ถ้าใครได้ลองไปเดินแถวอาซากุสะ จะรู้สึกว่าทำไมแปป ๆ ก็ประมาณ 3ชม. ผ่านไปซะแล้ว แถมยังเพลิดเพลินกับเพลงยุค city pop ที่เปิดกันเยอะมากในย่านนี้ค่ะ พอตกเย็นเราก็ไปทานSushiroสาขาอาซากุสะค่ะ อยากบอกว่าสะดวกมากและระบบดีสุด ๆ มากินคนเดียวใช้เครื่องจองคิวรอคิวเรียกแล้วเดินไปตามเลขบนหน้าจอได้เลยค่ะ ราคาของที่นี่ถูกกว่าของไทยมาก ตกอยู่ที่ชิ้นละ120เยน (26บาท) มื้อนั้นหมดไปทั้งหมด 720เยน (158บาท) เท่านั้นเองค่ะ สรุปวันแรก ใช้ไป 429 บาทค่ะ วันที่ 2 เราตื่นสายนิดหน่อยนะคะ เนื่องจากมัวแต่อัพรูปลงโซเชี่ยลจนนอนดึก ตื่นมาก็ทานอาหารร้านเดิมเลยค่ะ แต่สั่งอีกเซ็ทเป็นToast Breakfast Set ประมาณ 495เยน (108บาท) หลังจากทานอาหารเสร็จก็ประมาณ11โมง เรานั่งรถไฟต่อไปที่ Ghibli Museum ก่อนมาต้องจองล่วงหน้า 1 เดือนนะคะ เพราะเต็มเร็วเวอร์ ค่าตั๋ว1000เยน(220บาท) สามารถจองผ่านลิงค์ที่แนบมาได้เลยนะคะ หลังจากเที่ยวเสร็จเราก็เดินเล่นไปเรื่อย ๆ จนไปเจอกับสวนสัตว์เล็ก ๆ ใกล้ ๆ เลยแวะเดินซะหน่อย ค่าเข้า 180เยน (39บาท) หลังจากเที่ยวเสร็จก็ประมาณ5โมงเย็นเราก็นั่งรถไฟกลับค่ะ เวลานี้คนอัดแน่นมาก ๆ ไม่ไหว พอกลับมาถึงที่พักก็ไกลพอควรค่ะ ประมาณทุ่มเกือบสองทุ่ม ก็หาอะไรกินที่ร้านสะดวกซื้อแทนค่ะ ข้าวปั้นอร่อยมากและราคาถูกค่ะ เราทานข้าวปั้นไปกับสปาเกตตี้ หมดไปที่ 330เยนค่ะ (72บาท) เอามานั่งกินในโรงแรม หลักจากทานเสร็จก็เดินเล่นแถวอาซากุสะต่อเลยค่ะ ตอนมืด ๆ สวยมาก สรุปวันที่ 2 ใช้ไปทั้งหมด (439บาท) วันที่ 3 ทานอาหารแถวอาซากุสะใกล้ที่พักที่ Hoshino Coffee เซ็ทอาหารเช้า ซึ่งมีขายถึงแค่ 11.00 เท่านั้น มือเช้า 480เยน (105บาท) ราคานี้รวมอาหารและเครื่องดื่มค่ะ แต่เราต้องการดื่มน้ำพีชเพิ่ม เลยไปคาเฟ่ Miffy ที่อาซากุสะค่ะ ร้านน่ารักหวานแหววมาก เครื่องดื่มก็อร่อย รสพีชโซดาสุด ๆ หมดเงินไป 518เยน (113บาท) ต่อด้วยเที่ยว Teamlab Planetค่ะ ค่าบัตรจองมาก่อนอยู่ที่ 3,600 เยน (792บาท) หลังจากนั้นก็ไปสวนสัตว์ Ueno ค่ะ ค่าบัตร 600เยน (132บาท) น้อง ๆ น่ารักมาก ที่นี่ใหญ่มาก ๆ ใหญ่จริง ๆ เดินอยู่ 3 ชม.นิด ๆ กินเวลาไปถึง 16.00 ต่อด้วยทานอาหารเกาหลีที่ร้าน Hongkong Noodle (香港飯店0410 上野店) แต่ขายอาหารเกาหลี เชฟเป็นคนอินเดีย ฟังดูอาจจะงง ๆ ค่ะ 555 แต่มันคือเรื่องจริง ราคาประมาณ 980เยน (215บาท) หลังจากทานเสร็จก็เดินเล่นต่อที่ถนนคนเดินแถวนั้นค่ะ แล้วก็ไปต่อที่สถานีโตเกียว ให้คนแถวนั้นช่วยถ่ายรูปให้ค่ะ ^_^สรุปวันที่ 3 ใช้เงินไป 1357บาทค่ะ ภาพโตเกียวใช้กล้องFilmถ่ายค่ะ เก็บตกภาพเพิ่ม วันที่3ไปเที่ยวเยอะเกินค่ะ ภาพเยอะมาก วันที่ 4 วันนี้ตื่นค่อนข้างสายเลยอดข้าวเช้า เก็บไว้ไปกินที่ ๆ เรากำลังจะไปค่ะ ไปที่ national museum of nature and science ค่าเข้า 630เยน (138บาท) ต่อด้วยทานอาหารกลางวันที่นั่นเลย เป็น แฮมเบริก หน้าตาอาจจะดูธรรมดาแต่จริง ๆ แล้วอร่อยอยู่นะ ราคา 680 เยน (149บาท) หลังจากเที่ยวเดินที่นี่เสร็จแล้วก็นั่งรถไฟต่อไปที่ชิบุย่า จริง ๆ เราไม่ได้วางแพลนว่าจะเที่ยวไหนเท่าไหร่ ไปเรื่อย ๆ แถมได้เพื่อนคนญี่ปุ่นด้วยนะ แต่ถ้าลงรายละเอียดจะยาวเอาค่ะ 555 ที่ญี่ปุ่นฟ้าจะเริ่มมืดตั้งแต่ 16.00กว่า ๆ ค่ะ คิดว่าคนไทยอย่างเราต้องไม่ชินแน่นอน บางคนอาจจะคิดว่าแปป ๆ ก็หมดวันแล้ว เราก็หนึ่งในนั้นค่ะ แต่อยากจะบอกว่าเมืองตอนช่วงเวลานี้คือสวยและมีสเน่ห์มาก ยิ่งคาเฟ่ที่เรามาแถวชิบุย่า ชื่อว่า Mr.friendly cafe ขายแพนเค้กที่หน้าตาแบบขนมปังขิง 7ชิ้น เราจ่ายไป 345เยน (75บาท) เอาจริง ๆ ก็อิ่มเลยนะ กินแทนข้าวเย็นได้เลย เพราะไปถึงก็ประมาณเกือบหกโมงแล้ว หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นต่อที่ชิบุย่าตามห้าง และห้าแยกชิบุย่า แล้วก็กลับที่พักไปกินทงคัตสึต่อเพราะตั้งใจจะมากินนานแล้ว ร้าน Tonkatsu oribe ค่ะ ประมาณ 890 เยน (195บาท) สรุปวันที่ 4 ใช้งบไป 557 บาท วันที่ 5 แบกเป้เดินทางไป Yokohama หลงทางอยู่ชั่วโมงนิด ๆ เป็นสถานีที่ไม่ต่างจากชินจุกุ ไปซับซ้อนมาก ชานชาลามีเป็นร้อยแปดพันเก้า เราต้องตื่นเช้าเช็คเอ้าประมาณ 6 โมง เนื่องจากวางแผนไว้ว่าจะเที่ยวคามากุระ ก็เอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรม Grandcustoma แล้วก็รีบวิ่งไปขึ้นรถไฟสถานีใกล้ ๆ เพราะกลัวเที่ยวไม่คุ้ม วัดต่าง ๆ สามารถนั่งรถเมล์ไปได้ค่ะ เรามีเดินบ้างก็จ่ายค่ารถบัสไป 210*2 เยน (92บาท) มีของกินขายค่อข้างเยอะและนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร เราเลยไปนั่งอยู่ร้านอาหารร้านนึงแต่ต้องขออภัยนะคะ เราจำชื่อไม่ได้จริง ๆ ราคาเซ็ทนี้อยู่ที่ประมาณ 1500เยน (330บาท) เท่านั้นเอง แล้วประเด็นคือเราทานไม่หมดด้วย เสียดายสุด ๆ อิ่มไปถึงตอนเกือบเย็นเลย เป็นราคาที่ปกติกินข้าวได้ตั้ง 2 มื้อ จริง ๆ ไม่แนะนำให้ทำตามนะคะ555 กินแต่พอดีสั่งแต่พอดีพอค่ะ จะประหยัดได้เยอะกว่านี้ แต่พอดีตอนนั้นเราหิวโหยมากไปหน่อย ส่วนค่าเข้าวัดที่เราไป Kotoku-in ราคา300เยน (66บาท) เที่ยวเต็มวันเราก็กลับมาที่โรงแรม ไปซื้อชีสเค้กมากินราคา 500 เยน (121บาท) โรงแรมที่เราพัก น้ำและเครื่องดื่มฟรี ข้าวแกงกะกรี่และซุปฟรีค่ะ กินได้ตั้งแต่เช้ายันเย็นกี่ถ้วยก็ได้ไม่คิดเพิ่มค่ะ แค่ไปตักเอง โรงแรมนี้ค่อนข้างดีมากจนอยากรีวิว มีทั้งแชมพู สบู่ โลชั่น และเครื่องม้วนผม หวี ครีม และโลชั่นค่ะ รวมถึงชุดนอน ผ้าเช็ดตัวและเช็ดหัวแยก ราคาก็ตามที่แปะไว้เลยค่ะ ราคาเท่านั้นจริง ๆ คุณภาพคือดีทะลุ5ดาวไปมาก ๆ แล้วที่ว้าวกว่าคือมีเครื่องนาฬิกาปลุก TV และหูฟังในแต่ละแคปซูลด้วยค่ะ สรุปวันที่ 5ใช้เงินไป 609 บาท ก็คือหมดไปแต่กับของกิน รีวิวหน้าตาเครื่องตั้งนาฬิกาปลุกซะหน่อย เช้าวันที่ 6 วันสุดท้ายค่ะ ไฟล์บินกลับเราคือ 6 โมงเย็น บังมีเวลาเที่ยวอยู่นิดหน่อย ต้องเอาให้คุ้มค่ะ เราไปเดินแถวชินจุกุ คนค่อนข้างแออัดมาก ๆ จุดประสงค์คืออยากไปซื้อเครื่องรางคิตตี้ แต่พอไปถึงคือเขาขายหมดเป็นเดือน ๆ แล้วค่ะ เศร้าเลยทีนี้ เลยตัดสินใจเปลี่ยนแพลนนั่งรถไปชิบะ เพราะเราต้องขึ้นเครื่องจากสนามบินนาริตะ ไปเที่ยวแถวนาริตะซังแทนค่ะ นั่งรถไฟเป็นเงิน 1800เยน (400บาท) จองผ่านklookค่ะ ส่วนกระเป๋าฝากล็อคเกอร์ไว้ 350เยน (77บาท) ที่สนามบิน ไปเดินเล่นในวัด แมวเยอะมาก ๆ แต่จับไม่ได้สักตัวเพราะน้องหวงตัวมาก ไหว้พระ ขอพร ก็ซื้อเครื่องรางช่วยเรื่องการสอบแทนค่ะ 1200 เยน (264บาท) มีทานข้าวเป็นอุด้งที่สนามบิน 560 เยน (123บาท) อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะคิดว่าเราแทบไม่ใช้เงินไปกับอย่างอื่นเลยใช่ไหมคะ แต่ความจริงคือเรารวบรวมเงินที่เหลือจากงบประมาณที่ตั้งไว้มาซื้อเครื่องสำอางและของฝากค่ะ จากงบที่ตั้งไว้ ใช้จริงแค่ประมาณ 8500บาท ตีเป็นเลขกลม ๆ นะคะ แต่ได้เที่ยวสนุกและคุ้มมาก ๆ เงินที่เหลือจากนี้เราเอามาช้อปกระจายเลยค่ะ จากมุมมองรวม ๆ คนส่วนใหญ่จะลงเงินไปกับค่าโรงแรมที่ทำให้งบมันค่อนข้างบานปลายค่ะ ส่วนร้านอาหารเราทานทั่วๆไปง่าย ๆ เลยค่ะ หรือใครที่งบเหลือจากนี้จะไปร้านอาหารที่ตัวเองชอบหรือซื้อของตามใจชอบก็ได้เลยค่ะ ของที่เราช้อปมาค่อนข้างแน่นกระเป๋า เราก็เอาเงินส่วนที่เหลือไปจ่ายค่าโหลดกระเป๋าแทนค่ะ สรุปตั้งงบไว้ 15000 บาท ใช้จริง 8300 บาทนิด ๆ แต่จากตอนที่เราไปค่าเงินอยู่ที่ 0.22-0.23 นะคะ ตอนนี้เหมือนมีแนวโน้มค่าเงินตกลงไปมากกว่าเดิม ยังไงก็ลองเอาไปปรับใช้ตามได้เลยนะคะ สิ่งที่รีวิวมายืนยันว่าเป็นความจริง ไปมาจริง ๆ ตามภาพเลยค่า ส่วนเรื่องทริคการจองตั๋ว ส่วนใหญ่จะถูกช่วงฤดูร้อนเป็นต้นไปค่ะ วิธีของเราคือช่วงที่จอง มีโปรของ Vietjet พอดี 2000 นิดๆ แต่ปลายทางเป็นฟุกุโอกะ เราเลยนั่งเครื่องมาฟุกุโอกะ แล้วต่อสายการบิน Peach ของญี่ปุ่น ราคา 1200บาท มานาริตะค่ะ ค่าตั๋วก็คือถูกสุด ๆ แต่อาจจะเหนื่อยนิดหน่อย ใครที่รักสบายไม่ค่อยแนะนำค่ะ มาถึงตรงนี้เรามาสรุปเป็นบัญชีง่าย ๆ ให้ทุกคนคำนวณกันเลยนะคะ ค่าเดินทาง 5 วัน 1,430 บาท ค่าโรงแรม 5 คืน 3,225 บาท รวมค่าใช้จ่ายเบื้องต้น 4,655 บาท - วันที่ 1 ค่ากิน 77+150+158 = 385 บาท เข้าวัด 44 บาท รวมเป็น 429 บาท - วันที่ 2 ค่ากิน 108+72 = 180 บาท Ghibli Museum 220 บาท สวนสัตว์ 39 บาท รวมเป็น 439 บาท - วันที่ 3 105+113 + 215 = 433 บาท Teamlab Planet 792บาท สวนสัตว์ Ueno 132บาท รวมเป็น 1,357 บาท - วันที่ 4 national museum of nature and science ค่าเข้า 138 บาท 149 + 75 + 195 = 419 บาท รวมเป็น 557 บาท - วันที่ 5 ค่ารถบัส 92 บาท ค่ากิน 330 + 121 = 451 บาท ค่าเข้าวัดที่เราไป Kotoku-in 66 บาท รวมเป็น 610 บาท - วันที่ 6 ล็อคเกอร์ 77บาท ซื้อเครื่องราง 264บาท ค่าข้าวที่สนามบิน อุด้ง 123 บาท ค่าเดินทางไปนาริตะ 400 บาท (จองผ่านklook หรือไปตามแมพก็ได้ค่ะ ราคาต่างกันไม่เยอะ) รวมเป็น 864 บาท เงินที่เหลือจากนี้ จากงบหมื่นห้าเราก็เอาไปซื้อของช้อบปิ้งของเราใคร ใครตั้งงบเกินกว่านี้ ก็สามารถเที่ยวแบบชิว ๆ ไปนั่งคาเฟ่ ซื้อของได้สบายเลยค่ะ แต่จำไว้ว่าเราต้องมีเงินสำรองในการท่องเที่ยวเสมอนะคะ เพราะคนส่วนใหญ่ถ้าตั้งงบน้อยเกินไปก็อาจจะลำบากได้ค่ะ ยังไงสามารถนำวิธีเราไปปรับใช้กับทริปของหลาย ๆ คนได้เลยนะคะ การท่องเที่ยวแบบนี้มักจะเหมาะกับนักเรียน นักศึกษาที่อดออมเงินมาหรือเด็กพาร์ทไทม์มากค่ะ ไว้มีโอกาสไปส่วนอื่นของญี่ปุ่นจะมารีวิวเพิ่มแน่นอนค่า ภาพประกอบโดยผู้เขียน ภาพปก canva.com เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !