เลือกที่จะเรียนรู้ ควรที่จะศึกษานอกห้องเรียนด้วยถึงจะถูก สวัสดีคะผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เราจะพาทุกท่านไป ผจญภัย เมืองโบราณ ที่มีชื่อว่า ด่านช้าง เป็นอำเภอเล็กๆ ที่ตั้งอยู่จังหวัดสุพรรณบุรี และมีอาณาเขตรอยต่อติดกับ จังหวัดกาญจบุรี อุทัยธานี ชัยนาท เป็นอำเภอที่เต็มไปด้วยหลักฐานโบารณคดีที่น่าศึกษา ทุกคนอาจมองมันคือเรื่องน่าเบื่อ บางคนอาจจะมองเป็นเรื่องน่ากลัว ขอให้คุณเปิดใจที่จะเรียนรู้ คุณจะสนุกกับมันคะ แหล่งที่เราไปผจญภัยนั้น มันคือ แหล่งค้นพบวัตถุโบราณของ ยุคหินใหม่ อายุราวกว่า 4,000 ปี สถานที่แรกที่เราจะพาไปนั้นก็คือ พิพิธภัณฑ์บ้านน้ำพุร้อน เป็นสถานที่จัดเก็บและโชว์โบราณวัตถุ แต่ว่า............ไม่ได่เข้า เพราะปิดปรับปรุงชั่วคราวน่าเสียดายมากซึ่งพิพิธภัทธแห่งนี้เป็นสิ่งที่ชาวบ้านในชุมชน ช่วยกันดูแล อนุรักษ์ รักษา ห่วงแหน มาก เพราะชาวบ้านช่วยกันสร้างระดมทุน ขอรับบริจาค มีจุดประสงค์จะให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ไว้ให้ชมฟรี ถามว่ามีหน่วยงานรัฐเข้ามาดูแลไหม? มีมาพร้อมกับงบประมาณเข้ามาดูแลให้มันดีกว่านี้ แต่ผลพลอยได้ที่ชาวบ้านได้รับคือ ไม่มีสิทธิ์ที่จะดูพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อีกต่อไป จึงทำให้ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านเกิดความไม่พอใจ จึงขอประกาศว่า จะขอดูแลพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานจะไม่ยอมให้หน่วยงานรัฐเข้ามาดูแลอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่มีชาวบ้านรวมด้วย เพราะที่ผ่านมาพวกเราดูแลกันได้ พิพิธภัณฑ์บ้านน้ำพุร้อน ผู้นำทริปของเราได้พาเราไปชมการทอผ้าที่สิ่งที่สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนบ้านพุน้ำร้อนซึ่งใช้ศาลาวัดเป็นสถานที่ในการทอ การทอผ้าในลักษณะแบบนี้หาชมได้ยากแล้วในประเทศไทย ผ้าที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชนถึงหลักหมื่น หลังจากได้เยี่ยมชมการทอผ้าเสร็จแล้วนั้น ผู้นำทริปของเราได้พาเราพร้อมเพื่อนๆไปยังสถานที่บ่งบอกว่าเป็นแหล่งที่มีโบราณวัตถุนั้นก็คืออออ ไร่อ้อยของชาวบ้านนนน ด้วยความอินดี้สุดๆๆขึ้นรถอีแต๋นไปกันจ้า คิดสะว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่บวกความบันเทิงที่ได้รับ ในใจนั้นเริ่มหวั่นๆ ขึ้นมาแล้วล่ะจะรอดรึไม่รอด ระหว่างเตรียมจะออกเดินทางกำลังเช็คสมาชิกในกลุ่มว่าอยู่ครบไหม? ปรากกฎว่า เพื่อนหายไปหนึ่งคน แล้วรถกำลังออกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว ตะโกนให้คนขับให้หยุดรถแทบไม่ทัน แล้วมองไปรอบๆพิพิธภัณฑ์เพื่อหาเพื่อน ในใจคิด........อยู่ไหน ตาไปประจวบเหมาะกับห้องน้ำ ปรากกฎว่า เพื่อนกำลังยืนส่องกระจกอยู่ โดยไม่รู้ตัวว่าพวกเรากำลังจะไปกันแล้ววว เมื่อเพื่อนได้ขึ้นรถแล้วเราเริ่มออกเดินทางกันเลยยยยยยยยยยยยย ระหว่างทางได้เห็นวิถีชีวิตในชุมชน การดำรงชีวิต การทำเกษตร ที่มีความสมบรูณ์ของธรรมชาติให้หลงเหลือได้เห็นอยู่บ้าง รถกำลังแล่น.........ชมวิวข้างทางไปเพลินๆ ผ่านทางโค้งชวนน่าหวาดเสียว กิ่งไม้ที่ยื่นออกมาไม่รู้จะโดนหัวเมื่อไรตอนรถกำลังแล่น ถ้าหลบไม่ทันก็โดน เมื่อมาถึงทางลูกรัง ฝุ่นตลบฟุ้งกระจาย จนถึงไร่อ้อยที่หมายของเรา ขามาขนาดนี้แล้วขากลับจะขนาดไหน เมื่อมาถึงไร่อ้อย ก็พบผู้ใหญ่บ้านที่รอเราอยู่แล้ว จากนั้นเริ่มบรรยาย ว่าทำไม? ถึงพาเรามาที่นี้แทนพิพิธภัณฑ์ เพราะที่นี้ก็คือแหล่งค้นพบโบราณวัตถุแห่งหนึ่ง และได้เรียนรู้จากของจริงจะเข้าใจกว่าในตำรามากขึ้นแน่นอน โบราณวัตถุที่ค้นพบนั้นได้ถูกจัดเก็บที่พิพิธภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อย แต่ที่เหลือไว้นั้น คือเศษหินกะเทาะ ที่มีเยอะเต็มไร่อ้อยแห่งนี้ ยิ่งชาวบ้านพรวนดินเตรียมที่จะทำการปลูก จะเจอเศษหินกะเทาะมากขึ้นเรื่อยๆ หินที่กะเทาะนั้นมันคือ หินดินดานที่มีความมน และ บางชนิดจะมีความมันเงากว่า ต่างจากหินดินดานในปัจจุบันมาก หลังจากฟังผู้ใหญ่บ้านบรรยายจบ ผู้นำทริปของเรา ให้พวกเราไปหาเศษหินกะเทาะ ที่อยู่ในบริเวณในพื้นที่ แต่ต้องระวังหินที่แตกต่างจากเศษหินกะเทาะ แต่ยากมากที่จะแยกออก หลังจากหาเศษหินกะเทาะอย่างสนุกสนานอยู่นั้น ถึงเวลาเดินทางกลับ ก่อนที่จะกลับ ผู้นำทริปจึงบรรยายข้อสรุปทิ้งไว้ว่า เมื่อเราย้อนไปเมื่อ 4,000 ปีที่แล้ว ถ้าเป็นยุคจะอยู่ในยุคหินใหม่ นักโบราณคดีสันนิฐานว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นโรงผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ ของคนในยุคหินใหม่ เป็นแหล่งผลิตที่ขนาดใหญ่มากๆดูจากเศษหินที่กะเทาะออกมาเป็นจำนวนมากทั่วไร่อ้อยแห่งนี้ การผจญภัยในด่านช้างของเรายังไม่หมดเพียงเท่านี้ เรายังมีอีกหลายๆเรื่อง หลายๆสถานที่ ที่อยากจะแชร์ประสบการณ์ แชร์ความรู้ มอบความสนุกให้ผู้อ่านได้อ่านผ่านการเขียน และอยากให้ทุกคนลองมาท่องเที่ยวสถานที่แห่งนี้ดู เป็นพื้นที่ชาวบ้านในชุมชน ช่วยกันดูแล ช่วยกันอนุรักษ์ เพื่อเป็นมรดกตกทอดไปถึงบุตรหลานในรุ่นต่อๆไป เพื่อศึกษาความเป็นมา วิชาประวัติศาสตร์จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป สุดท้ายนี้หวังว่าผู้อ่านจะได้รับความสนุกจากเรื่อง ผจญภัย บ้านพุน้ำร้อน ด่านช้าง สุพรรณบุรี ไ่ม่มากก็น้อย ไว้เจอกันใหม่ในเรื่องต่อไป ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามากันนะคะ ^^