รีเซต

เปิดตำนาน แชงกรีล่า Shangri-La ที่เที่ยวจีน 4 พิกัด เที่ยวเมืองสวรรค์แห่งเทือกเขาหิมาลัย

เปิดตำนาน แชงกรีล่า Shangri-La ที่เที่ยวจีน 4 พิกัด เที่ยวเมืองสวรรค์แห่งเทือกเขาหิมาลัย
SummerB
13 ธันวาคม 2564 ( 18:30 )
40.4K

      คงไม่มีใครไม่รู้จัก แชงกรีล่า Shangri-La ที่เที่ยวจีน เมืองสวยแห่งเทือกเขาหิมาลัยที่เชื่อว่าเป็น ยูโทเปีย เมืองแห่งความสุขและความเป็นอมตะตามนวนิยาย The Lost Horizon ของนักเขียนชาวอังกฤษ James Hilton แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าที่นี่คือเมืองที่กล่าวถึงในนวนิยายจริงหรือไม่ แต่สถาปัตยกรรมอันงดงามเรืองรองที่ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาหิมาลัยก็ทำให้เมืองแห่งนี้ไม่ต่างจากสวรรค์บนดิน ตามเรามา เปิดตำนาน แชงกรีล่า ไปพร้อมๆ กัน แล้วไปดูพิกัดไฮไลท์กันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง

 

เปิดตำนาน แชงกรีล่า Shangri-La 

ยูโทเปียแห่ง เมืองจีน

 

ทำความรู้จักกับ แชงกรีล่า

         แชงกรีล่า (Shangri-La) เดิมมีชื่อว่า จงเตี้ยน (Zhongdian) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ มณฑลยูนนาน (Yunnan) เขตปกครองพิเศษของชาวธิเบตตี้ชิง ประเทศจีน ชื่อของเมืองมาจากการที่ภูมิประเทศส่วนใหญ่ของเมืองเป็นทุ่งหญ้า ซึ่งในภาษาจีน คำว่า "จง" แปลว่า ศูนย์กลาง "เตี้ยน" แปลว่า ทุ่งหญ้า หรือ อาณาจักร รวมกันจึงมีความหมายว่าอาณาจักรแห่งทุ่งหญ้านั่นเองค่ะ 

        แต่หลังจากที่ได้มีการกล่าวถึงเมืองแชงกรีล่า ที่เปรียบเสมือนเป็นยูโทเปียแห่งเทือกเขาหิมาลัยใน The Lost Horizon (1933) นวนิยายชื่อดังประพันธ์โดยนักเขียนชาวอังกฤษ James Hilton ทั้งความงดงามของเมือง วัฒนธรรม และสถานที่ตั้งตรงบริเวณเทือกเขาหิมาลัยต่างก็ตรงกับเมืองจงเตี้ยนที่ประเทศจีนหลายประการ ทางจีนจึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "แชงกรีล่า" ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา และพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบค่ะ

 

ตำนาน แชงกรีล่า

 

SL-Photography / Shutterstock.com

 

        ก่อนที่จะมาเป็นแชงกรีล่าตามนวนิยายของ James Hilton นั้น ความจริงแล้วความเชื่อเกี่ยวกับเมืองอันลึกลับที่เปรียบเสมือนสวรรค์บนดินนั้นมีอยู่ในทุกๆ วัฒนธรรม ซึ่งทางตะวันตกก็มีความเชื่อว่ามีดินแดนมหัศจรรย์แห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่ตรงบริเวณใดบริเวณหนึ่งของ เทือกเขาหิมาลัย (Himalayas) เทือกเขาขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ประเทศอินเดียไปจนถึงทิเบต และดินแดนที่ว่านั่นก็คือ แชงกรีล่า ซึ่งมีนครหลวงชื่อว่า ชัมบาลา (Shambala) นครแห่งความมั่งคั่งและบริสุทธิ์ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นต่างก็มีปัญญาอันสูงส่ง จิตใจบริสุทธิ์ เป็นอมตะ และไม่มีการรบราฆ่าฟันเพื่อแก่งแย่งชิงดีกัน

        ท่ามกลางความวุ่นวายและความสูญเสียครั้งใหญ่ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้คนจึงต้องการแสวงหาเมืองแห่งความสุขราวกับสวรรค์ที่ว่านั่น หนึ่งในนั้นก็คือ Nicholas Roerich จิตรกรและนักเขียนชาวรัสเซีย-อเมริกัน ที่เดินทางค้นหาเมืองแชงกรีล่าอย่างจริงจังจนกระทั่งไปถึงเมืองลาซา (Lhasa) เมืองหลวงของทิเบต เขาใช้เวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 1925-1928 ในการตามหาดินแดนดังกล่าว ก่อนจะมีหลักฐานเป็นภาพวาดที่เขาอ้างว่าเป็นภาพของเมืองแชงกรีล่านั่นเองค่ะ ภาพเหล่านั้นได้ปรากฏให้เห็นถึงบ้านเมืองอันเงียบสงบ สถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามท่ามกลางขุนเขาหิมะของเทือกเขาหิมาลัย รวมถึงผู้คนที่มีปัญญาสูงส่งเป็นอย่างมาก

 

 

        ต่อมาก็ได้มีการบรรยายถึงเมืองแชงกรีล่าในลักษณะคล้ายคลึงกันใน The Lost Horizon นวนิยายของ James Hilton ที่ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1933 รวมถึงการกล่าวถึงของดินแดนแชงกรีล่าในคัมภีร์พุทธของทิเบตอีกด้วยว่าเป็นดินแดนที่ต้องใช้สมาธิญานหรือการบำเพ็ญขั้นสูงในการแสวงหา จึงจะสามารถเข้าถึงดินแดนแห่งนั้นได้ค่ะ

        ในปัจจุบัน แม้จะไม่มีการพิสูจน์แน่ชัดว่าแชงกรีล่าและเมืองชัมบาลามีอยู่จริงหรือไม่ แต่ก็ได้มีการเอาตำนานเหล่านี้ไปเปรียบเทียบกับเมืองต่างๆ ที่มีอยู่จริงตรงแถบเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเมืองมีที่มีลักษณะภูมิประเทศและสถาปัตยกรรมที่ใกล้เคียงมากที่สุดก็คือ จงเตี้ยน มณฑลยูนนาน ในเขตปกครองพิเศษของชาวธิเบต ประเทศจีนนั่นเองค่ะ 

 

ที่เที่ยวแชงกรีล่า

 

1. ภูเขาหิมะสือข่า

Shika Snow Mountain

 

 

         หลังจากที่พัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ แชงกรีล่า หรือ จงเตี้ยน ก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชมความงดงามของวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และทิวทัศน์ของธรรมชาติที่รายล้อมอย่างไม่ขาดสายในแต่ละปี ไฮไลท์แรกที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ภูเขาหิมะสือข่า (Shika Snow Mountain) ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วย กวางสีแดง เรียกว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่คนทิเบตนับถือเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าใครที่ได้พบเห็นกวางบนภูเขาแห่งนี้จะโชคดีค่ะ 

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/HJgC8VZFibwRNKRR6 

==========

 

2. วัดซงจ้านหลิน

Songzanlin Monastery

 

 

         พอเข้าไปในเขตเมืองก็จะพบกับ วัดซงจ้านหลิน (Songzanlin Monastery) วัดเก่าแก่หลังคาสีทองอร่าม แลนด์มาร์คของแชงกรีล่าที่มักจะพบเห็นกันบ่อยในโปสการ์ดและรูปถ่ายโปรโมทเมือง ซึ่งถ้าอยากได้มุมที่เก็บบริเวณวัดและตัวเมืองแบบสวยปังอลังการก็ต้องไปที่ ทะเลสาบลาหมู่ยางชั่ว (Lamuyangcuo Lake) และถ่ายรูปย้อนจากทะเลสาบเข้าไปค่ะ รับรองว่าไม่มีพลาด 📸

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/p7cH3CeX3K7nY5bD8 

==========

 

3. วัดกุยชาน

Guishan Temple

 

 

       ต่อมาคือ วัดกุยชาน (Guishan Temple) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วัดต้าฝอ วัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของแชงกรีล่า ด้านในอาคารเป็นที่ประดิษฐานพระประทานองค์ใหญ่ และกงล้อมนต์สีทอง สูง 23 เมตร ที่ผู้คนนิยมไปหมุนวนพร้อมกับสวดมนต์เพื่อให้บทสวดดังก้องไปถึงสรวงสวรรค์ นอกจากจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังเป็นจุดชมวิวเมืองที่สวยมากๆ แห่งหนึ่ง อีกทั้งยังมีแสงสีประดับในยามค่ำคืน และเป็นสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองอีกด้วย

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/cLXMFD3uKAjq9hpr6 

==========

 

4. เมืองโบราณตู๋เค่อจง

Dukezong Ancient Town

 

BUNDITINAY / Shutterstock.com

 

       แน่นอนว่าห้ามพลาด เมืองโบราณตู๋เค่อจง (Dukezong Ancient Town) ที่มีอายุยาวนานกว่า 1,300 ปีมาแล้ว อีกทั้งยังมีความสำคัญสุดๆ บน เส้นทางขนส่งใบชาโบราณ (Ancient Tea Horse Road) ที่ทอดยาวตั้งแต่ คุนหมิง (Kunming) ตลอดไปจนถึงอินเดียเลยทีเดียว เราก็จะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนชาวเมืองแชงกรีล่า รวมถึงอาคารบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมโบราณเอาไว้เป็นอย่างดี ถือเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งที่ต้องมาสัมผัสให้ได้เลยค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/VJc9vHBxL4dETWsH9 

 

ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่พักสวย
แชร์ทริปสุดชิล โพสต์ภาพสุดปัง ของคุณได้แล้วที่ แอปทรูไอดี
คลิกเลย >> TrueID Travel Community <<