หยุดวันเสาร์-อาทิตย์เที่ยวที่ไหนดี เป็นคำถามที่วนเวียนกับเพื่อนสักพัก จนสุดท้ายตกลงกันว่าจะไปเกาะเสม็ด จากกรุงเทพฯ สู่ระยองใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงไม่ไกลมาก จากระยองสู่เมืองบ้านเพเพื่อไปท่าเรือสำหรับเดินทางไปเกาะเสม็ด ซึ่งท่าเรือที่นี่มีให้เลือกมากมาย เราเลือกเดินทางไปกับท่าเรือศรีบ้านเพ เพราะท่าเรือนี้สะดวกมีที่จอดรถให้บริการ ค่าจอดรถคืนละ 100 บาท (ราคาอาจต้องถามที่หน้างานอีกที สำหรับคนไป-กลับ หรือไปหลายคืน) ค่าเรือ 60 บาทต่อเที่ยว ไป-กลับ 120 บาท ก็จะคิดรวมไปทีเดียว เขาก็จะให้บัตรสำหรับจอดรถ บัตรขาไปและขากลับมาด้วยกัน ซึ่งตอนขึ้นเรือก็ให้บัตรขาไป ส่วนขากลับก็เก็บไว้ตอนกลับเข้าฝั่ง เราเดินทางโดยเรือเมล์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาที ลงที่ท่าเรือหน้าด่าน มีนางผีเสื้อสมุทรเป็นแลนด์มาร์คคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่ท่าเรือ ก่อนเข้าเกาะนักท่องเที่ยวต้องซื้อตั๋วเข้าอุทยานคนละ 40 บาท และต้องพกตั๋วไปตลอดการเที่ยวรอบเกาะ หรือออกทะเลเพื่อไปดำน้ำนะคะ เพราะบางจุดท่องเที่ยวจะมีการตรวจตั๋วของอุทยานทุกครั้งค่ะ เราเลือกพักที่ I-talay loft koh samed เป็นที่พักอยู่ติดกับท่าเรือหน้าด่านทำให้สะดวกในการเดินทาง ห้องพักก็สะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ และมีมื้ออาหารเช้าให้ด้วย แถมที่พักนี้ยังมีคาเฟ่เล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปนั่งจิบกาแฟ ชมวิวกันเพลินๆ https://www.facebook.com/italayloft/หลังจากนั้นเราก็เตรียมตัวไปดำน้ำ พวกเราซื้อทัวร์ของสินสมุทรทัวร์ https://www.sinsamutgroup.com/ เที่ยว 6 เกาะ ราคา 600 บาทต่อคน (มีอาหารเที่ยงให้ด้วย) ออกเดินทางประมาณเที่ยง เป็นการจอยทริป (การร่วมทัวร์ไปกับนักท่องเที่ยวคนอื่น) ไปขึ้นเรือที่อ่าวลูกโยน ซึ่งของเราเดินจากที่พักได้เลย ถ้าคนพักที่ไกลๆ เขาจะมีรถรับ-ส่งให้นะคะ จุดแรกที่เราไปคือ เกาะขาม ที่นี่เขาจะให้พวกเราแวะถ่ายรูป เที่ยวชมเกาะ แต่น่าเสียดายไม่เจอทะเลแหวกไปเกาะกรวย เกาะนี้เขาจะมีเจ้าหน้าที่อุทยานตรวจตั๋วด้วยนะคะ ไกด์จะแนะนำทุกขั้นตอน ซึ่งเราว่าดีมากๆ เลย ความจริงตามโปรแกรมเราต้องไปดำน้ำก่อน แต่ไกด์บอกว่าเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนแต่งตัวจัดเต็มมาก เขาเลยให้แวะถ่ายรูปสวยๆ ที่นี่ก่อน (ถูกใจเลยค่ะ ขอสวยก่อนลงน้ำ) เกาะถัดไป จะเรียกว่าไปก็ไม่ถูก เรียกว่าขับเรือผ่าน คือเกาะปลายตีน ซึ่งความประหลาดของเกาะนี้คือจะมีดินสีม่วงที่เกาะ มองจากไกลๆ ก็เห็น และสาเหตุที่เราไม่ได้ขึ้นเกาะนี้เพราะทางอุทยานกำลังฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณเกาะหลังจากผ่านช่วงมรสุมมา ไกด์เล่าว่าที่เรียกเกาะนี้ว่าปลายตีน เพราะรูปร่างเกาะเป็นแนวนอนยาว ตรงปลายเกาะเป็นทรงสูง ลักษณะคล้ายคนนอน ซึ่งคนที่เกาะเสม็ดนั่นเขานับถือเกี่ยวกับสุนทรภู่ พระอภัยมณี นางผีเสื้อสมุทร ดังนั้น เขาจึงมองว่าเกาะนี้คือปลายเท้าของนางผีเสื้อสมุทรนั่นเอง (เป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ) หลังจากนั้นคนขับเรือก็โชว์การดริฟท์ตีโค้งให้นักท่องเที่ยวตื่นตัวเข้าเกาะถ้ำค้างคาว ซึ่งเป็นจุดลงดำน้ำของชาวหมู่คณะ น้ำที่นี่ใส แต่ก็ลึกมากเช่นกัน ส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นปะการังแข็ง เช่น ปะการังโขด ปะการังสมองร่องยาว ปะการังเห็ด ปะการังดอกกะหล่ำ เป็นต้น หอยเม่นอาศัยอยู่ตามโขดหินและปะการัง เป็นสิ่งที่นักดำน้ำต้องระมัดระวังทุกครั้งเวลาลงน้ำนะคะ มีปลาหลากหลายพันธุ์ แหวกว่ายดูเพลินตา เช่น ปลาสลิดหิน ปลาสลิดทะเล ปลานกแก้ว ปลานกขุนทอง ปลาสินสมุทร เรียกว่าธรรมชาติละลานตาเลยทีเดียว พอดำน้ำเสร็จ เราก็มาแวะกินอาหารกลางวันที่เกาะกุฎี เกาะนี้จะเป็นจุดแวะพักให้สำหรับนักท่องเที่ยวกินอาหาร มีจุดชมวิว โต๊ะ เก้าอี้ผ้าใบ (เสียค่าบริการ) และศาลาสำหรับกินอาหารรวมทั้งห้องน้ำไว้บริการ อาหารที่ทางทัวร์เตรียมให้เป็นข้าวผัดไก่ มีไก่ทอดและไส้กรอก รสชาติอร่อยนักท่องเที่ยวกินได้ทุกคน แถมมีผลไม้ตบท้ายให้ด้วย หลังจากอิ่มแล้วก็นั่ง-นอนย่อยกันสักพัก เราก็ออกเดินทางต่อ เกาะทะลุ เป็นจุดไฮไลน์ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นจุดให้นักท่องเที่ยวชมเกาะที่ส่วนหนึ่งเป็นช่องเขาทะลุจนมองเห็นฝั่งตรงข้าม ใครไปก็ต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกันทั้งนั้น นอกจากนี้เกาะทะลุยังเป็นจุดดำน้ำที่สวยอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่ปะการังก็ไม่ต่างจากเกาะถ้ำค้างคาวมาก แต่สภาพแวดล้อมสมบูรณ์กว่าเดิม มีทั้งดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูน หอยมือเสือที่เราเห็นเยอะมากในจุดนี้ ปลาหลายพันธุ์ที่ไม่เคยเห็น สนุกเพลินจนลืมเวลา ขึ้นจากน้ำทีก็ขาสั่นหน่อยๆ ถ้าคุณคิดว่าที่เกาะนี้มีแค่นี้ ยังนะคะ เพราะเกาะนี้มีจุดชมวิวที่ต้องปีนขึ้นไปข้างบนอีก ไหนก็มาแล้ว ต่อให้ขาสั่นก็ต้องไปให้ครบเนอะ ทางเดินก็ไม่ได้ลำบากเท่าไหร่นะคะ มีบันไดขึ้น ต่อด้วยเส้นทางธรรมชาติที่ขรุขระเล็กน้อย แต่แนะนำให้สวมรองเท้าที่กันลื่นจะดีมาก เพราะตัวเรายังเปียกน้ำอยู่มีสิทธิ์ลื่นได้ง่าย และก็ไม่ผิดหวังที่มาค่ะ จากจุดที่เรายืนเห็นมุมสูงของทะเลกว้างมาก ยิ่งไปช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้ตก แสงสีส้มนวลอบอุ่นดูละมุมจนหยุดดูไม่ได้เลยค่ะ พอเราลงมาจากจุดชมวิว เราก็นั่งเล่นริมหาดสักพัก อาจเพราะคนที่อยู่ในทริปไม่มีใครรีบกลับเขาจึงจะพาเราไปชมฝูงค้างคาวออกหากินช่วงเย็นกัน แต่วันนี้ดันออกมาเร็ว จากจุดที่เราจอดเรือก็เห็นฝูงค้างคาวบินจากที่ไกลๆ แล้วยิ่งเราขับเรือไปจุดที่ใกล้มากขึ้น คุณพระ! ตัวใหญ่มาก บินวนๆ ออกหาอาหารตามธรรมชาติของพวกเขา เป็นอีกมุมของการชมธรรมชาติเลยค่ะ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ช่วงพระอาทิตย์ตก แสงสีส้มถักทอเป็นประกาย ส่องแสงราวกับบอกว่าเราต้องจากกันแล้วนะวันนี้ มันทั้งอบอุ่นและสวยจนเชื่อว่าใครมาต้องประทับใจแน่ค่ะ มื้อค่ำของเราเป็นหมูกระทะ ที่ร้านมันปูหมูกระทะ เหมาะสำหรับสายกินจุ เปลี่ยนบรรยากาศย่างหมูริมทะเลก็ได้อารมณ์อีกแบบ ลมทะเลพัดมาตลอดทำให้อากาศช่วงกลางคืนมันดีมาก หลังกินเสร็จเราก็ไปเดินเล่นกันที่หาดทรายแก้ว ไปเจอโชว์ไฟพอดี อลังการจนไม่แปลกใจว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงอยากมาชมโชว์ไฟที่นี่วันเดินทางกลับ เราไปขับรถมอเตอร์ไซค์ชมเกาะสักหน่อย อาจจะไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น เพราะตื่นไม่ไหว หลายหาดสวยมาก น้ำใส โดยเฉพาะหาดทรายแก้ว ที่หาดเป็นสีขาว สะอาดตา นอกจากนี้เรายังไปจุดชมวิวสำหรับดูพระอาทิตย์ตกที่เห็นมุมกว้างได้ทั่วเกาะ และแวะอ่าวพร้าว เป็นจุดสุดท้าย น้ำทะเลใส ปูลมเยอะมาก หลังจากนั้นเราก็กลับมากินอาหารเช้าของที่พัก เก็บของเตรียมกลับบ้าน เรือขากลับก็จะมาเป็นเวลาเหมือนขามาเกาะ เรายื่นตั๋วที่เราได้รับตอนขามาให้กับนายเรือตอนขึ้นเรือได้เลย (แต่ต้องจำให้ได้นะคะ ว่ามากับท่าเรืออะไร) การมาเที่ยวเกาะเสม็ด 2 วัน 1 คืน สำหรับเราถือว่าคุ้มมากเลยนะคะ ได้ทั้งดำน้ำ เที่ยวชมธรรมชาติ พักผ่อน ชาร์จพลังเพิ่ม มีความสุขมากๆ ค่ะ ค่าใช้จ่ายของเราไม่นับค่าเดินทางมาท่าเรือและค่าจิปาถะอื่นๆ ก็ตกคนละ 2 พันนิดๆ ค่ะ ถือว่าไม่แพงมากนะคะ ถ้าใครยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนใกล้ๆ เกาะเสม็ดก็เป็นตัวเลือกที่ดีอีกแห่งค่ะ Photo: ผู้เขียน และภาพดำน้ำจากบริการของ facebook / SinsamutGroupTourแชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”