**ถึงผู้ตรวจ พยายามลองใส่หลายครั้งมากค่ะ ใส่ภาพปกตินะคะ แต่ไม่ได้เข้าใจว่าทำไมเมื่ออัพโหลดเสร็จภาพมันจึงตะแคงข้าง เจตนาเพียงแค่อยากเพิ่มภาพเพื่อให้เรื่องราวสมบูรณ์ขึ้นไปอีกค่ะ** ยามสายของวันหนึ่ง หลังจากออกจากสนามบินนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เราได้ใช้บริการรถเช่า ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ มีบริการรถเก๋งให้เช่ามากมายหลายเจ้า สนนราคาก็ไม่แรงนัก ก็เป็นตัวเลือกต้นๆ เหมาะสำหรับเราผู้ชอบการเดินทางแบบชิลๆ ไม่แออัดและเร่งร้อน หลังจากจัดการเรื่องเอกสารเพียงอึดใจเดียว รถเก๋งอีโค่คาร์คันย่อม ก็เคลื่อนตัวออกจากสนามบิน ค่อยๆไปด้วยความเร็วเป็นมิตรต่อผู้คนบนท้องถนน จากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เราค่อยๆห่างออกจากความจอแจ และตึกรามบ้านช่อง จากถนนที่อัดแน่นไปด้วยรถมากมาย สู่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ระยะเวลาเกือบๆประมาณ 1 ชม.เราค่อยๆเลี้ยวเข้าสู่ทางเข้าที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด นี่สินะ ห้วยฮ่องไคร้ หรือที่มีชื่อเรียกเต็มยศว่า ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ชื่อห้วยฮ่องไคร้ นั้นมีที่มาจากภาษาเหนือ “คำว่า ฮ่อง เป็นภาษาเหนือ แปลได้ว่า ร่อง (ร่องน้ำ) ส่วนคำว่า ไคร้ ก็คือต้นไคร้ เป็นพืชน้ำที่เกิดตามร่องน้ำ บ่งชี้ได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่นั้นๆ” แต่กว่าจะมาเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของในหลวง รัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านทรงเห็นว่า พื้นที่นี้น่าจะฟื้นฟูได้ จากวันนั้นจนกระทั่งวันนี้ ผลจากการดำเนินงานเรื่องฟื้นฟูป่าตามแนวพระราชดำริก็ได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว พื้นที่อันกว้างใหญ่ มีหลายจุดที่อยากจะแวะชม ทั้งฟาร์มแพะ แปลงเกษตรทฤษฏีใหม่ หอเฉลิมพระเกียรติ ฯลฯ แต่อีกหนึ่งเส้นทางที่น่าสนใจคือเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ตลอดเส้นทางเดินสามารถชมต้นไม้นานาพันธ์ และสัมผัสความร่มเย็นของเงาไม้ ห่างไกลจากความแออัดของผู้คน นี่สิน่ะ ความสงบและร่มเย็น และที่สำคัญในเส้นทางแห่งนี้ เราจะได้เดินผ่านฝายแห่งแรกของห้วยฮ่องไคร้ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้น และทรงเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง ภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่มีแสงแดดทอดแสงรำไร ต้นไม้เล็กๆกำลังแตกหน่ออ่อนผลิใบ มองเห็นแสงความหวังที่กำลังเติบโต ต้นพริกไทยที่กำลังพันเกี่ยวลำต้นเลี้ยวลดไปมารอบโคนต้นไม้ ทุกอย่างล้วนพึ่งพิงซึ่งกันและกัน หากมองจากจุดหอชมวิว เราสามารถมองเห็นภาพต้นไม้น้อยใหญ่ในมุมสูง ได้เห็นผืนป่าและแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่กระจายตัวอยู่อย่างสมดุล เป็นการพักสายตาจากความอ่อนล้าได้ดี ภายใต้อ้อมกอดธรรมชาติของผืนป่าห้วยฮ่องไคร้เป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่จะอยู่ในความทรงจำไปอีกเนิ่นนาน