หลายคนชอบเที่ยวญี่ปุ่น 2ช่วงสำหรับคนชอบถ่ายรูปเดินชมสีสันธรรมชาติ ช่วงแรกปลายมีนาคมถึงต้นพฤษภาคม เพราะช่วงดอกบ๊วยและซากุระบานสีชมพู สีขาว สีพาลเทลสวยๆ ละมุนๆ อีกช่วงก็เริ่มตั้งแต่ปลายตุลาคมถึงต้นๆธันวาคมใบไม้เปลี่ยนสีกันเลยสีสันร้อนแรงแดงส้ม แต่จะมาแนะนำช่วงมิถุนายนถึงต้นกรกฎาคม ใช่จ้าช่วงหน้าฝนจ้า หลายคนถามว่ามีอะไรให้น่าเที่ยวไหม จริงๆญี่ปุ่นเที่ยวทุกหน้า เพราะใครชอบชมดอกไม้ ชอบธรรมชาติ ประเทศญี่ปุ่นมีทุกช่วงจริงๆ มิถุนายน-กรกฎาคม ดอกไม้เด่นคือ ไฮเดนเยียร์ หรือ อาจิไซ (Ajisai) ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งใช้ตัวอักษรในภาษาจีนที่ใช้ในชื่อของดอกไฮเดรนเยียมีความหมายว่า “ความหวัง”ดังนั้นจะมีเครี่องรางรูปดอก ไฮเดนเยียร์ให้เก็บอีกด้วย ในภาษาดอกไม้ ดอกอาจิไซ หรือ ไฮเดนเยียร์ หมายถึง ความผันแปร การเปลี่ยนใจ ความทะนงตน เฉยชา เป็นต้น ไม่แน่คนญี่ปุ่นอาจมองว่าดอกไฮเดรนเยียสื่อถึงความรักที่ไม่สมหวัง หรือความผกผันในชีวิต เพราะเอาไปเปรียบเปรยกับการโดนเม็ดฝนโปรยปรายหรือเปล่า หรืออาจเป็นเพราะสีของดอกที่ผันเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมของดอกอาจิไซก็เป็นได้ เอาเป็นว่า ลองดูการไปเที่ยวหน้าฝนของบีและการสำรวจเส้นชมดอกไม้ ใกล้โตเกียว เป็นไงมาดูกันค่ะ ส่วนตัวตอนที่ไปคือ วางแผนคร่าวๆ คือ จากโตเกียว เราจะไปพักที่โยโกฮาม่า2คืน เพื่อที่จะไปชมดอกไฮเดนเยียร์ที่ คามากุระกันค่ะ ต่อจากนี้ไปหาโดเรมอนที่ คาวาซากิ และจบที่โตเกียว ไปแบบทริปเรื่อย พลาดตรงที่ตั้งใจก็ไปหาเอาดาบหน้าได้ไปเครียด วางแผนหลวมๆไว้เนื่องจาก ไม่ใช่แค่คนญี่ปุ่นจะมาชม นักท่องเที่ยวจีน(เยอะมากค่ะ) และไทยอย่างเราก็มากัน ถึงไม่ใช่สถานที่ยอดฮิตต้องเช็คอินก็สวยสมใจ เอาเป็นว่าใครไม่เคยไปช่วงนี้ต้องลองไปค่ะ ไม่ผิดหวังแน่นอน จุดมุ่งหมายเมืองเก่าอย่างคามาคุระก็เป็นหนึ่งในสถานที่ชมดอกอาจิไซที่มีชื่อเสียงใกล้โตเกียว โดยมีสถานที่เด่นดังอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ วัดเมเกะซึอิน (Meigetsu-in Temple) วัดฮาเซะเดะระ (Hasedera Temple) และ วัดโจจุอิน (Joju-in Temple) ทั้ง 3 แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น "3 สถานที่ชมดอกอาจิไซที่สวยที่สุดในคามาคุระ" แต่นอกจากวัด 3 แห่งที่กล่าวมา ตามท้องถนนและบ้านเรือนทั่วไปก็สามารถพบเห็นดอกอาจิไซได้เหมือนค่ะ ช่วงดอกอาจิไซบานนี้ถือเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวของคามาคุระเลยทีเดียวค่ะ แต่ที่ได้เข้าไปคือ "วัดเมเกทสึอิน " คามาคุระ แถวยาวมาก มีรายการมาถ่ายทำด้วย คนแน่นมาจนต้องหลีกตัวเองนั่งกินขนมจิบชาในร้านที่ตั้งในวัดเลยทีเดียว คิดได้แล้วเลยขอเปลี่ยนจุดหมายโดยการคุยกันแล้วเราจะไปเกาะเทพเจ้ามังกร Enoshima Island หลายคนเรียกว่าเกาะแมว แต่ตอนไปถึงไม่ค่อยเจอแมวเท่าไหร่ จากได้ค้นๆเขาบอกว่า บนเกาะเอโนชิมะมีแมวอยู่ค่อนข้างเยอะ แต่น่าแปลกที่ไม่ใช่หัวข้อที่คนพูดถึงกันสักเท่าไร ถามว่ามีเยอะขนาดไหน เอาเป็นว่าถ้าไปเอโนชิมะแล้วไม่เจอแมวเลยสักตัวแปลว่าไปผิดเกาะ (ไปถูกเนอะเพราะไม่ค่อยเจอ) เพราะจำนวนแมวจรจัดน่าจะเยอะกว่าผู้อยู่อาศัยบนเกาะเสียอีก แมวจรจัดที่นี่จะไม่เกรงกลัวผู้คนเลยแม้แต่นิดเดียว อาจจะค่อนไปทางก้าวร้าวด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักท่องเที่ยวคงเข้าไปเล่นหรือถ่ายรูปกับมันมากเกินไป ศาลเจ้าที่จะพบเป็นแห่งแรกเมื่อมาเยอะเกาะเอโนชิมะคือ ศาลเจ้าเอโนชิมะ (Enoshima Shrine)วัดระยะทางก็ไม่ได้ไกลจากสะพานที่เดินข้ามมายังเกาะสักเท่าไร แต่กว่าจะเดินถึงตรงนี้ก็จะถูกร้านค้าระหว่างทางดูดเข้าไปหลายสิบนาที เมื่อเดินพ้นย่านการค้ามาแล้วก็ต้องผงะกับขั้นบันไดนับร้อยชั้น ถ้าใครพาผู้สูงอายุมาด้วยก็ไม่ต้องกังวล เพราะมีบันไดเลื่อนให้ขึ้นไปได้อย่างสบายๆ ได้ในราคา 600กว่าเยน เทียบได้ที่100 กว่าบาทเท่านั้นแหละ แต่มีแค่บันไดเลื่อนขึ้น ไม่มีบันไดเลื่อนลง ฉะนั้นถ้าผู้สูงอายุที่ข้อเข่าไม่ดีก็ไม่ควรพามาที่นี่ เมื่อขึ้นมาถึงแล้วผู้คนที่นี่ก็มักจะมาสักการะเทพเจ้าและขอพรทั่วไป แต่จะนิยมไปเสี่ยงเซียมซีมากกว่า ก่อนกลับหากหันหลังให้ศาลเจ้าก็จะมองเห็นวิวมุมสูงที่สวยงามมาก เสน่ห์ที่ของการมาเที่ยวที่เอโนชิมะก็คือสามารถชมทั้งทะเล ภูเขา ต้นไม้และดอกไม้ได้ในคราวเดียวกัน ตั้งแต่เดินข้ามสะพานเอโนชิมะเบ็นเท็น (Enoshima Benten Bridge) จากแผ่นดินใหญ่มายังเกาะเอโนชิมะ ได้เห็นหาดทรายของญี่ปุ่นที่เป็นสีเทาดำและทะเลญี่ปุ่น ในวันที่อากาศดีก็จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย เมื่อเดินขึ้นเขามาระหว่างทางก็จะได้พบชื่นชมกับต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์ตามฤดูกาล ดังนั้นเราไปหน้าดอกไฮเดรนเยียร์หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าดอกอาจิไซ (Ajisai) บานสะพรั่งเราก็จะยืนงงในดงดอกไฮเดนเยียร์กัน เตือนก่อนใครซื้อขนมระวังโดนเหยี่ยวโฉบขโมยไปกินด่วยนะ การเดินทางในญี่ปุ่นไม่ยากค่ะ เพราะว่ารถไฟถึงเพิ่งได้เสมอ สามารถเดินทางไปเอโนชิมะจากโตเกียว ส่วนใหญ่จะแวะเที่ยวที่คามาคุระ (Kamakura) ก่อน จึงขอแนะนำการเดินทาง 2 วิธีคือแบบไปเอโนชิมะโดยตรงจากโตเกียวกับแบบที่เดินทางจากคามาคุระ จากโตเกียวไปเอโนชิมะ ไปที่สถานีโตเกียว (Tokyo) หรือชินากาวะ (Shinagawa) นั่งรถไฟ JR Rapid Acty ฝั่งที่ไปโอดาวาระ (Odawara) ลงที่สถานีฟุจิซาวะ (Fujisawa) ประมาณ 35-45 นาที จากนั้นเปลี่ยนไปนั่ง Odakyu Enoshima Line – Katase Enoshima Line ลงสถานีปลายทางคาตาเซะเอโนชิมะ (Katase-Enoshima) ประมาณ 7 นาที หากขึ้นจากสถานีโตเกียวจะเสียค่าเดินทางทั้งหมด 1,126 เยน สามารถเดินจากสถานีไปที่เกาะเอโนชิมะใช้เวลาประมาณ 5 นาที ซึ่งจะมีอุโมงค์ใต้ดินให้เดินลอดสี่แยกไปได้ไม่ต้องข้ามถนน ข้อดีของเส้นทางนี้ เดินจากสถานีไปเกาะเอโนชิมะได้ใกล้ที่สุด ข้อเสียของเส้นทางนี้ ไม่ได้นั่งรถไฟย้อนยุคที่ติดทะเล / ไม่ได้เดินชมเมืองริมทะเล จากคามาคุระไปเอโนชิมะ(ใช้เส้นทางนี้ ได้นั่งเอ็นโด ไลน์ ชมทะเลและฉากในการ์ตูน Slam Dunk) เมื่อเข้าสถานีคามาคุระ (Kamakura) ให้ไปที่ชานชาลาหมายเลข 1 จากนั้นขึ้นรถไฟไปลงสถานีเอโนชิมะ (Enoshima) ใช้เวลาประมาณ 24 นาที เมื่อถึงแล้วเดินจากสถานีไปที่เกาะเอโนชิมะใช้เวลาประมาณ 12 นาที ระหว่างทางจะมีจุดช็อปปิ้ง คาเฟ่และร้านค้าริมทะเลให้หยุดพักได้เรื่อยๆ แต่ไม่แนะนำให้แวะนานๆ เพราะจะเสียเวลาที่จะได้อยู่บนเกาะเอโนชิมะค่ะ และถ้าช็อปปิ้งไปก่อนแล้ว ของก็จะพะรุงพะรังเป็นภาระในการเดินขึ้นเขาบนเอโนชิมะ ข้อดีของเส้นทางนี้ ค่าเดินทางถูกมาก / ได้นั่งรถไฟย้อนยุคที่ติดทะเล / ได้เดินชมเมืองริมทะเล ข้อเสียของเส้นทางนี้ เดินจากสถานีไปเกาะเอโนชิมะไกลมาก แต่ถ้าชอบชมวิวก็เอ็นจอย ทริปถัดไปเราจะไปคาวาซากิ ตามหาโอเรมอน ปาร์แมน และ คิวทาโร่กันค่ะ ขอเวลารวบรวมภาพก่อนนะ