อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อุตรดิตถ์ ประกาศเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบริเวณ “ลานสน” ประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป รีบฟิตขวาไปพิชิตลานสนภูสอยดาวและลงทะเบียนจองคิวกันเลยอุทยานฯ จำกัดนักท่องเที่ยวเดินขึ้นลานสนจำนวน 300 คน/วัน (จองผ่าน QueQ 210 คน และ Walk in 90 คน) เราจอง QueQ มาเรียบร้อยแล้ว ไม่กล้าเสียงกับการ Walk in เพราะเดินทางมาไกลและวันลางานมีจำกัด (อ่านวิธีการจองคิว ได้ที่นี่ วิธีจองคิวเข้า อุทยานภูสอยดาว เปิดเที่ยว 1 ก.ค. 2566 ผ่าน QueQ)ประสบการณ์แบกเป้ขึ้นภูก็มีแค่ครั้งเดียวคือเมื่อ 20 ปีก่อน ณ ภูกระดึง บัดนี้สมควรแก่เวลา แบกเป้เยือน ภูสอยดาว วัดกำลังขา บ่า ไหล่กันดูบ้าง ก่อนที่อีก 20 ปี ข้างหน้าจะต้องให้ลูกหาบเอาใส่เข่งแบกขึ้นไป (555) เลือกมาหน้าหนาว ไม่ใช่ว่าไม่อยากเห็นดอกหงอนนาคกับบรรยากาศหมอกหน้าฝนหรอกนะ แต่จากประสบการณ์ฝนตก นอนน้ำท่วมเต๊นท์ ลื่นหัวแตกที่ผ่านๆ มา ได้สอนให้เราเรียนรู้ว่าจะเที่ยวแบบผู้ประสบภัยทุกครั้งไปไม่ได้ ภาพที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นบรรยากาศของเดือนธันวาคม เมื่อปี พ.ศ. 2565 กับเวลา 3 วัน 2 คืนDay 0 วันเตรียมอ่านจากรีวิว คือเขาเดินทางกันกลางคืนมาถึงเช้ามืดแล้วก็เดินขึ้นเลย วิธีนี้เราคงไม่ไหว เดินทางมาไกลเกือบ 9 ชั่วโมง เราก็เลยจองบ้านพักอุทยานนอนรอก่อน 1 คืนเลย ตื่นเช้าจะได้มีแรงฮึบๆ อายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว ไขข้อก็ไม่ค่อยจะสมบูรณ์ ลงทะเบียน คิวคิว มาแล้ว มาถึงก็แจ้งเจ้าหน้าที่ที่ด่านเก็บค่าธรรมเนียม ชำระค่าเข้า รับแบบฟอร์มไปกรอกและบัตรคิวรอไว้พรุ่งนี้ จัดกระเป๋า-สัมภาระ-เสบียง พร้อมลุยDay 1 ชีวิตขาขึ้น เช้าวันใหม่ พร้อม! บรรยากาศคึกคักแต่เช้า เราออกจากบ้านพัก 7 โมงเช้า เริ่มมีรถเลี้ยวมาส่งนักท่องเที่ยวเป็นระยะ ทั้งรถยนต์ส่วนตัว และที่เหมากันมาเต็มคัน ลำดับเหตุการณ์ ณ ที่ทำการอุทยานฯ ด้านล่าง ก็ตามนี้ (1) เอาสัมภาระไปชั่งน้ำหนัก เพื่อเขาจะจัดคิวลูกหาบ แล้วก็ขอเขาชั่งเป้ตัวเองอยู่ที่ 8 กิโล ลูกหาบ 1 คน อาจขนของหลายๆ เจ้ารวมกัน ตามน้ำหนักที่เขาแบกได้ 30 กิโลกรัมบวกๆ จากนั้น (2) เดินต่อไปยื่น ณ จุดลงทะเบียนขึ้นลานสน (ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว) เพื่อชำระค่าลูกหาบและค่ามัดจำขยะก่อน (3) เดินมาขึ้นรถยนต์ของทางอุทยานฯ ไปส่งที่น้ำตกและ (4) ผ่านจุดตรวจตั๋ว เริ่มเดินขึ้นลานสนภูสอยดาวได้เมื่อมาถึงน้ำตก ก็พักเข้าห้องน้ำถ่ายรูปเล่นทำใจหน่อย ไม่ต้องรีบภูไม่หนีเราไปไหนอยู่แล้ว ใครจะสั่งอาหาร/ห่อข้าว ทานข้าวเช้า-กาแฟมีร้านค้าตรงข้ามป้ายน้ำตกและร้านสวัสดิการ คอยบริการอยู่ไม่ต้องกลัวหิว เราเริ่มเดินขึ้นประมาณ 8 โมงนิดๆ อากาศวันนี้พอดีๆ หายใจลึกๆ แถวนี้ไม่มี pm แน่นอน การพิชิตภูสอยดอยจะต้องผ่านเนินวัดใจทั้งหมด 5 เนิน คือ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ซึ่งเป็นเนินสุดท้ายที่ลาดชันที่สุดก่อนถึงยอดเขา จินตนาการได้ไม่ยากตรงตามชื่อณ เนินส่งญาติ เป็นจุดที่หลุดจากน้ำตกมาแล้ว เป็นป่าไผ่ ถ้าจะหันหลังกลับ ถอดใจก็ให้ตัดสินใจเดี๋ยวนี้ พี่ลูกหาบคนแรกแซงเรามาพักอมฮอลล์อยู่ตรงนี้แล้ว สำหรับเราลูกอมอาจไม่พอ ขอไข่ต้มเพิ่มพลังไปเลยละกัน ช่วงนี้จะมีบันไดเป็นช่วงๆ ไปเนินปราบเซียน เป็นทางดินให้เดินขึ้นยาวๆ ไป แต่ก็มีทางราบสลับให้พักบ้าง ก่อนจะไปสู้กับเนินต่อไปเนินป่าก่อ หลุดจากเนินมาก็เป็นทางราบชันน้อยๆ เดินสบายๆ มีลูกก่อเขียวๆ หล่นตลอดทางเนินเสือโคร่ง คือมันมีต้นเสือโคร่งที่เขาใช้ไปดองยา แต่ก็ไม่รู้ว่าต้นไหน หลังต้นไม้ไปจะมีจุดที่ชันแบบ ชันเลย ถ้าหน้าฝนน่าจะเสี่ยงมากทีเดียว เราอาศัยไปเรื่อยๆ มีน้องลูกหาบช่วยพ่อขนเป้มา 2 ใบ เปิดเพลงตื๊ดๆ ให้สนุกไปด้วยก่อนจะไปต่อ เนินมรณะ เรามาถึงจุดพักสุดท้ายตรงนี้เกือบเที่ยง พี่พี่ลูกหาบบอกพักกินข้าวก่อนเลย ก็เลยจัดเต็ม นั่งพักเที่ยงกินข้าวกลางวันพร้อมเขาไป และพักย่อยจุดสุดท้าย ไป 1 ชั่วโมงเต็มๆ (เพราะเราย่อมรู้ว่าไม่ควรใช้กำลังหักโหมหลังกินข้าวเสร็จใหม่ๆ หรือแค่ข้ออ้างเพื่อทำใจ) แต่อย่างไรวันนี้อากาศเป็นใจ เมฆก้อนใหญ่บังแดดไว้ให้ ไม่งั้นแดดยามบ่ายคงทำร้ายกันไม่น้อย เพราะจุดนี้เป็นสันเขาไม่มีเงาต้นไม้ใหญ่แล้วถามความรู้สึกว่าเดินยากไหม บอกเลยว่าไม่ยาก มีทางชันสลับกับทางราบเป็นระยะ จุดโหดๆ ก็อยู่แค่ตอนท้ายๆ ทุกคนมีระดับการเดินของตัวเอง เราอาศัยเดินเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักชมวิว กินขนม กินข้าว กินผลไม้ที่มีไปเต็มเป้ มีจังหวะที่ข้อเท้าเจ็บแปรบเล็กน้อยซ้ำแผลเก่าจากการเหยียบก้อนหินบิดข้อเท้าผิดไปหน่อยบวกกับการแบกน้ำหนักเพิ่ม แต่ไม่รุนแรงถึงลานสนก็เกือบบ่ายสาม เดินไปต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อรายงานตัว และรับสัมภาระที่ลูกหาบขนมาถึงไว้ก่อนเช่าถังน้ำ-ขันน้ำ เพื่อใช้ไปรองน้ำจากก๊อกแล้วก็หิ้วไปใช้ในห้องน้ำเอง หิ้วไปล้างจาน หิ้วมาไว้ล้างมือแลกเหรียญไว้กดน้ำ (อ่านรีวิวมาแล้ว แต่ก็ลืมเก็บเหรียญไว้ เอาไปซื้อขนมหมด ดีที่เขายังมีให้แลก)จุดนี้มีตู้กดน้ำดื่มและตู้ชาร์จโทรศัพท์มือถือขาดเหลือ หิวข้าว สั่งข้าวไข่เจียว ต้องการชาบูก็มาถามหาเอาจุดนี้ ชาบูดอยจะขนมาจากข้างล่างโดยลูกหาบช่วงเย็นจากนั้นก็เลือกทำเลกางเต๊นท์ เก็บสัมภาระ และอาบน้ำ (แนะนำว่ามาถึงบ่ายแก่ๆ ก็อาบได้เลย ถ้ารอค่ำคิวจะเยอะมาก) แล้วก็นั่งดูผู้คนทะยอยเดินขึ้นมาจับจองพื้นที่กางเต๊นท์ และเดินไปเล่นชมพระอาทิตย์ตกเฝ้าดูแสงสุดท้ายของวัน ผู้คนที่มาถึงก่อนมาจับจองมุมสวยๆ พร้อมวางเก้าอี้สนามถ่ายรูปเก๋ๆ กันไป ส่วนดอกหงอนนาคยังมีให้เห็นแค่พอทำความรู้จักอยู่เล็กน้อยเดินกลับมาก็เห็นผู้คนล้อมวงพูดคุย และปาร์ตี้หมูกระทะชาบูดอยควันโขมง หนากว่าหมอกไปอีก ส่วนเราก็ทำอะไรทานง่ายๆ ด้วยข้าวของที่เตรียมมา พอค่ำเดินมากดน้ำ ดูฟ้าจะสอยดาวกับเขาบ้าง มีบางคนก็มาตั้งกล้องรอดาว ปรากฎว่าฟ้าไม่เปิด กลับไปมุดเต๊นท์นอนดีกว่า...ฝันดี ราตรีสวัสดิ์หลายคนมักเอาที่นี่ไปเปรียบกับภูกระดึง ที่นี่ถูกจัดระดับความยากอยู่ที่ระดับ 3 ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร กับความสูง 1,633 เมตร ในขณะที่ภูกระดึง คือระดับ 2 ระยะทาง 9 กิโลเมตร กับความสูง 1,316 เมตร ถ้าถามความรู้สึกเราที่เดินขึ้นพร้อมกับเป้ 8 กิโลกรัมในวัย 40+ แล้ว คือไม่ต่างมาก เพราะมาในคอนเซปต์ เหนื่อยก็พัก หนักก็วาง ว่างก็กิน หอบก็หยุด ถ่ายรูปชมวิว ชมต้นไม้ใบหญ้าไป ไม่ได้มาทำสถิติ*** ตู้กดน้ำใช้ได้อยู่ในวันแรกที่มาถึง และช่วงสายของวันที่สอง ช่วงเย็นวันที่สองกลับมากดไม่ทำงานล่ะ (น้ำอาจจะหมด เครื่องทำงานไม่ทัน เพราะผู้คนหนาแน่นมาก)*** ตู้ชาร์จเมือถือ ไม่ได้ลองใช้ เพราะขี้เกียจนั่งเฝ้า เอาเวลาไปเดินเที่ยวเล่นดีกว่า*** ถ้าไม่ห่อข้าว กินไม่เก่ง หรือกลัวหนัก ควรพกอาหารที่ให้พลังงานสูงติดตัวมาทางระหว่างเดินขึ้น เมื่อรู้สึกหิวหรือร่างกายต้องการก็พักเติมพลังงงานเข้าไป เช่น ลูกอม Energy Gel หรือ Energy Barเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 8.00-16.30 น.เวลาแนะนำ : ฤดูฝนชมไอหมอกและทุ่งดอกหงอนนาค ฤดูหนาวชมดาวและล่าช้างค่าเข้าชม : ค่าธรรมเนียมตามอัตราเข้าพัก/ ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติพิกัด : อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์เพจ : อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว - Phu soi dao National Parkภาพถ่ายโดยผู้เขียน#เที่ยวอุตรดิตถ์ #พิชิตยอดเขา #พิชิตลานสน #ภูสอยดาว #สองขาพาเที่ยว #เที่ยวฤดูหนาวอยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !