ญี่ปุ่น ประเทศในฝันของใครหลายๆ คน แต่บางคนก็คิดว่าการไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะจังหวัดขึ้นชื่ออย่างโตเกียวจะต้องใช้งบเยอะแน่ๆ วันนี้เราจะมารีวิวเที่ยวญี่ปุ่นในงบ 35,000 บาท ที่ได้ทั้งไปดูภูเขาไฟฟูจิ ทะเล และ Disneyland มาดูแพลนคร่าวๆ กันเลยดีกว่า Day 1 : ดูน้องแมวที่ Shinjuku Day 2 : ไปวัดดังอย่าง Sensoji Temple และ Shopping ที่ Ueno Day 3 : Disneyland Day 4 : ภูเขาไฟฟูจิ Day 5 : Kamakura ต่อด้วย Shibuya Day 6 : เก็บตกย่าน Akihabara และ Ueno แพลนคร่าวๆ ก็จะประมาณนี้ ก่อนจะมาประเทศญี่ปุ่นเราจะต้องกรอก Visit Japan ให้เรียบร้อย ดูวิธีกรอกได้ที่ : สอนกรอก Visit Japan 2024 ผ่านมือถือ แบบละเอียดทุกขั้นตอน Day 1 เริ่มต้นการเดินทางเราได้ตั๋วเครื่องบินจาก Traveloka มาในราคา 11,892 บาท ไป-กลับ กับ Air Macau เป็นสายการบินแบบ Full service มีอาหารให้บริการบนเครื่อง แต่จะต้องต่อเครื่องที่ประเทศมาเก๊า พอมาถึงสนามบินนาริตะ ผ่านตม. อะไรเรียบร้อยแล้ว เราก็จะเข้าเมืองด้วยรถบัส (ซื้อได้ที่เค้าท์เตอร์บริเวณประตูทางออก) ในราคา 1300¥ (ประมาณ 310 บาท ค่าเงิน 24฿/100¥) ถือว่าถูกมากๆเลย และใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงสถานีโตเกียว จากนั้นเราจะเดินไปที่ที่พัก (เนื่องจากหลงทางในสถานี ไม่รู้ต้องซื้ออะไรตรงไหน เลยเดินไปตั้งหลักที่ที่พักก่อน) ที่พักของเรามีชื่อว่า Hotel Horidome Villa จองผ่าน Agoda ได้ในราคา 10,330 บาท ทั้งหมด 5 คืน ในราคานี้คือคุ้มมาก ห้องอาจจะแคบไปสักหน่อย แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พนักงานบริการดี และที่สำคัญอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งด้วย สามารถเดินไปได้เพียง 5-10 นาที สิ่งที่เราคิดว่าคุ้มมากๆในการมาโตเกียวก็คือการซื้อบัตร Subway/Metro Pass เราจองผ่านแอพ Klook เป็นแบบ 72 ชั่วโมง (จริงๆซื้อที่เครื่องก็ได้ แต่สำหรับเราจองผ่านแอพสะดวกกว่า ไม่ต้องพกเงินสด) ซึ่งในระยะเวลา 72 ชั่วโมงก็สามารถขึ้นเมโทรและรถไฟใต้ดินได้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในโตเกียว เวลาจะเริ่มนับหลังจากที่เราแตะบัตรสถานีแรก ราคาใบละ 350 บาท ส่วนซิมการ์ดจะเลือกซื้อเป็น esim 7 วัน ราคา 713 บาท เพื่อที่จะได้ไม่ต้องถอดซิมไปมา สถานีแรก เราก็เป็นที่สถานี Shinjuku เพื่อไปดู Animation แมวสามสี สำหรับย่านนี้คนจะเยอะมาก แสงสีเสียงจัดเต็ม มีห้างและร้านอาหารมากมาย และยังใกล้กับย่าน Kabukicho ซึ่งเป็นแหล่งที่คล้ายกับ Red light district ที่ Amsterdam ใครที่สายเที่ยวกลางคืนจะต้องชอบที่นี่ เป็นย่านที่คึกคักพอสมควรเลย ส่วนความประทับใจที่เรามีในย่านนี้ก็แค่น้องแมวสามสีเลย รวมค่าใช้จ่ายวันแรก 23,595 บาท (อาหารแล้วแต่คน) Day 2 วันนี้เราจะใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่วัด Sensoji วัดดังที่มีโคมไฟแดงถ้าใครมีแพลนมาญี่ปุ่นก็ต้องเคยเห็นผ่านตามาบ้าง จากที่พักเราจะนั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานี Asakusa ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง เป็นย่านที่เราชอบมากๆ ให้บรรยากาศแบบชิลล์ๆ เป็นที่ที่ถ่ายรูปตรงไหนก็สวย ออกมาจากสถานีก็จะเจอศาลเจ้าเล็กๆ แค่นี้ก็ดูสวยแล้ว เดินผ่านศาลเจ้านี้มาก็เจอกับสะพานสีฟ้า ที่มีวิวของ Tokyo Skytree มีถนนสำหรับให้เดิน และเป็นอีกมุมที่ถ่ายรูปสวยมากกกกก จากนั้นเราก็เดินไปวัด Sensoji เป้าหมายของเราต่อ ที่นี่คนเยอะมากๆๆๆ ใครอยากถ่ายรูปก็ต้องทำใจไว้เลยว่าติดคนแน่ๆ เราถ่ายมาแต่ป้ายเพราะด้านล่างป้ายมีแต่คน นักท่องเที่ยวหนาแน่นมาก ด้านในจะมีตลาดทั้งของกินและของที่ระลึก มีให้เลือกหลากหลายมาก ราคาส่วนมากจะไล่ๆกัน ซึ่งของบางอย่างก็ไม่แพงเลย เดินชอปปิ้งจนสุดตลาดพึ่งเห็นว่าทางเข้าจริงของวัดอยู่เกือบท้ายๆตลาดเลย แล้วก็ก่อนทางเข้าจะมีมุมที่เห็น Skytree คือชอบมุมนี้มาก มันดู Art ต่อมาก็จะเป็นวัดจริงๆแล้ว ด้านในก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ขอพร มีเซียมซีใส่เสี่ยงในราคา 100 เยน ถ้าใครโชคดีก็ให้เก็บเอาคำทำนายกลับบ้าน แต่ถ้าใครได้คำทำนายว่าจะโชคร้ายก็ให้ผูกคำทำนายทิ้งไว้ที่วัด เป็นอะไรที่น่าสนใจ ยอมรับว่าตอนแรกรู้สึกเฉยๆกับวัดมาก ดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไรนอกจากโคมสีแดงที่เด่น แต่พอตัดสินใจเดินออกแล้วผ่านอีกมุมนึงของวัดคือเปลี่ยนจากความรู้สึกเฉยๆเป็นความประทับใจเลย เพราะทางด้านซ้ายมือของวัดมีโซนๆนึงที่เงียบสงบ และสวยมากกก มีบ่อปลาคราฟที่มีเหรียญอยู่ก้นบ่อ ให้เดาก็คงเป็นการขอพร แล้วโยนเหรียญลงไป แต่คือกำลังจะกลับ มาเจอมุมนี้เลยเป็นมุมที่ทำให้เราอยู่ต่อจนค่ำ หลังจากกลับจากวัด เปิด Google Maps ดู ก็เห็นว่าย่าน Ueno อยู่ไม่ห่างกันมาก เราก็เลยไปซื้อเสื้อกันหนาวที่นั่น ของถูกมาก ใครมา Shopping ที่ญี่ปุ่นคือคุ้ม มีทั้งแบรนด์ดังที่ราคาถูกกว่าไทย และเสื้อผ้ามือสอง รวมถึงร้านอาหาร คือ Ueno ของถูกมากๆ *ค่าใช้จ่ายวันที่ 2 ของเรามีแค่ค่าอาหารและ Shopping ซึ่งเป็นค่าที่ผันแปรได้ตามบุคคล* Day 3 วันนี่เราจะใช้เวลาทั้งวันไปกับ Disneyland ซึ่งซื้อตั๋วผ่านแอพ Klook อีกเช่นเคย ได้มาในราคา 1938/คน โดยเราจะเดินทางจากที่พักไปที่สถานี Maihama โดย JR Line ไปกลับ 469¥ (110 บาท) พอไปถึงก็ซื้อที่คาดผมมาต่อเลยในราคา 2000¥ (480 บาท) เรามาช่วง 10 โมง ได้ถ่ายกับปราสาทแบบเต็มที่ คนไม่ค่อยเยอะ คือสานฝันวัยเด็กสุดๆ แนะนำว่าให้โหลดแอพ Disney resort ไว้ เพราะเราจะสามารถดูได้ว่าเครื่องเล่นไหนเหลือเวลารอเท่าไหร่ สำหรับเราเครื่องเล่นที่เราประทับใจมากๆ แต่ไม่ได้ถ่ายมาคือ - Star tour : จะเป็นให้เราใส่แว่น 3D เข้าไปในเครื่องเล่นที่เปรียบเสมือนยานจริง รอคิวไม่นาน และบอกเลยว่าเหมือนยานอวกาศจริงๆ แบบทำถึงมาก สมจริงมากกกก จังหวะยานใกล้ตกใดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนจะตกจริงๆ เหมือนเราอยู่บนดาวจริงๆ คือต้องลอง งงมากว่าทำไมคนถึงน้อย ทั้งที่เครื่องเล่น Amazing ขนาดนี้ - ปราสาทเจ้าหญิงเบล : ถ้าได้ดูการ์ตูนมา จะรู้เลยว่ามันเหมือนมาก เหมือนเราหลุดไปในการ์ตูน 10000000/10 ประทับใจสุดๆ แต่ข้อเสียอย่างเดียวเลยคือรอคิวนานมากๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงเลยที่รอ - The jungle cruise : vibes ดีมาก นั่งรถรางแบบชิลล์ เพลินมาก เหมือนมานั่งพักหลังจากเดินมาทั้งวัน สายชิลล์ชอบแน่ จังหวะผ่านป่าคือดีงาม - Pirates of the Caribbean : นั่งเรือล่องน้ำเหมือนดูเขารบกันจริงๆ อย่างกับเอากัปตันแจ็คมาจริงๆ คือทุกคนต้องไปลองด้วยตัวเอง มันคุ้มมากๆ ตั๋วเข้าคือถูกไปเลยถ้าเทียบกับประสบการณ์ที่ได้ ส่วนอันนี้โมจิจาก Toy Story มีมา 3 ลูก ไส้ด้านในไม่ซ้ำ ราคา 400¥ (96 บาท) คืออร่อยเลยแหละ รวมค่าใช้จ่ายวันที่สาม 2,624 บาท (ไม่รวมค่ากิน) Day 4 วันนี้จะเป็นวันที่ออกนอกโตเกียว ซึ่งเราจะไปดูภูเขาไฟฟูจิกัน เราก็ตื่นแต่เช้ากะจะนั่งบัส แต่ก็ผิดแผนเพราะบัสมีรอบบ่ายสองกว่าเท่านั้น ก็เลยต้องเปลี่ยนเป็นนั่ง keio แล้วต่อด้วย JR Line แทน ราคาไปกลับอยู่ที่ 3180¥ (764 บาท) เราได้เขียนการเดินทางแบบละเอียดไว้ที่บทความก่อนหน้านี้ อ่านได้ที่ : https://intrend.trueid.net/post/447248 ที่นี่เจดีย์ Chureito คนรอถ่ายรูปเยอะสุดๆ วิวคืออลังการจริงๆ คุ้มค่าที่เดินขึ้นมาดู แต่ที่ที่เราประทับใจมากกว่าดันเป็นทางขึ้นมา ที่มีต้นเมเปิลสีแดง สำหรับเรา มุมนี้ดูมีเอกลักษณ์และสวยไปอีกแบบ หลังจากลงมาเราก็เดินเล่นที่หมู่บ้าน คือย่านนี้ดีมาก สงบเหมือนอยู่คนละโลกกับโตเกียว เป็นอีกหนึ่งวันที่เหมือนออกมาพักผ่อน ดูบรรยากาศสวยๆ ชมเมืองชิลล์ๆ ฟีลชนบท คือชอบความรู้สึกนี้มากๆ ไม่อยากกลับเลย สรุปค่าใช้จ่ายวันที่สี่ 1,093 บาท (เนื่องจาก Pass เราหมดเลยซื้อแบบ 48 ชั่วโมง ราคา 275 บาท) Day 5 วันนี้ที่รอคอย วันที่เราจะได้ไป Kamakura เมืองติดทะเล ที่มีวัดดัง หาดทรายดำ และรถไฟสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเราจะเดินทางด้วยรถไฟไปกลับ 1900¥ (456 บาท) ต่อด้วยซื้อ Enoden Pass 800¥ (192 บาท) คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ส่วนรถไฟสาย Enoden จะเป็นรถไฟสีเขียวสุด Cute โดยที่แรกที่เราแวะคือวัด Kotoku in วัดพระใหญ่สีเขียวที่งามเด่นเป็นเอกลักษณ์มีค่าเข้า 300¥ (72 บาท) ภายในมีแค่พระใหญ่แค่นั้นเลย ไม่มีอะไรแล้ว แต่ก็เป็นจุด signature ที่เขาว่ากันว่าถ้าใครไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึง ก็เลยแวะ ปล. ตรงข้ามวัดมีร้าน 100¥ ใครจะซื้อของฝากเล็กๆน้อยๆ จัดเลย คุ้มมาก สถานีต่อมาคือ Inamuragasaki หาดทรายสีดำแบบดำจริงไม่มีฟิลเตอร์ บรรยากาศชิลล์ คนไม่เยอะอย่างที่คิด สวยแปลกตา ใครมาต้องแวะ สถานีถัดไปคือ Kamakura koko mae เป็นที่ที่เราคาดหวังที่สุดเพราะอยากถ่ายกับรถไฟ แต่คนเยอะจนท้อ ใครคาดหวังจะได้รูปคือต้องมาเช้าไปเลยเท่านั้น แต่สิ่งที่มาทำให้ความผิดหวังหายไปก็คือทะเลฝั่งตรงข้าม ชอบบรรยากาศแบบนี้มากๆ และสถานีสุดท้ายก็คือ Enoshima สถานีนี้เหมาะกับคนมาหาของกิน เพราะของกินเยอะมาก นอกจากนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ก็เดินเพลินดี หลังจากกลับจาก Kamakura เราก็ไปที่ Tokyo Tower ต่อ ก่อนไปญี่ปุ่นรู้สึกเหมือนเสาสัญญาณบ้านเรา ตอนแรกว่าจะไม่ไป แต่คืนสุดท้ายแล้วอยู่แถวนั้นพอดี ก็เลยไปสักหน่อย พอไปคือของจริงสวยมาก ยิ่งใหญ่อลังการ คือผิดคาดมากๆ เพราะสวยกว่าที่คิด ต้องเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ ต่อมาเป็น Shibuya ที่มาดูแค่ 5 แยก เป็นอีกย่านที่คึกคัก และมีแหล่ง Shopping เยอะ เรา shopping จากที่นี่ รู้สึกว่าถ้าซื้อครบ 5000 จะได้ Tax free ซึ่งเราก็ซื้อจนครบ โดยมีแต่ของกินเท่านั้น รวมค่าใช้จ่ายวันที่ห้า 648 บาท (ไม่รวมอาหารและ Shopping) Day 6 Last Day วันนี้เรามีเวลาถึงเย็น ก็เลยไปเก็บตกย่าน Ueno อีกสักรอบ แล้วก็ค้นพบว่ามีที่สวยๆซ่อนอยู่นั่นก็คือใน Ueno park มีวัดเล็กๆอยู่ด้านใน แถมสวยด้วย ส่วนที่ที่เราพึ่งมาเจอทีหลังก็คือตลาดปลาที่ของถูกมาก รวมถึงขนมที่เหมือนกันกับที่เราซื้อมาเมื่อคืน มาซื้อที่นี่ถูกกว่า คือแบบรู้สึกพลาดมาก รอบหน้าถ้ามาจะมาซื้อของแต่ตรงนี้ และปิดท้ายวันสุดท้ายด้วยย่าน Akihabara ย่านที่รวมเกม ของเล่น ตู้กาขาปอง หนังสือการ์ตูน โมเดล ฟิกเกอร์ต่างๆไว้ในที่เดียว เป็นที่ที่อยู่ได่ทั้งวันไม่มีเบื่อ และเป็นที่ที่เหมาะกับการรอเวลาไปขึ้นเครื่องเครื่องมาก พอใกล้ถึงเวลาเราก็นั่ง keisei จาก สถานี Oshiage station ไปที่ Narita ราคา 850¥ (204 บาท) ถูกกว่าขามาอีก เป็นการนั่งรถไปสนามบินที่ถูกมาก รวมค่าใช้จ่ายวันสุดท้าย 426 บาท (เรามีซื้อ Subway 24 ชั่วโมง) รวมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งหมด 28,386 บาท (ไม่รวมค่าอาหารและ Shopping ซึ่งถ้ารวมค่าอาหารไปด้วยสำหรับเราอยู่ในงบ 30,518 บาท (ไม่รวม Shopping ซึ่งแล้วแต่คน) จากทริปนี้จะเห็นได้ว่าถ้าวางแผนดีๆ โตเกียวก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด แร่ถ้าสาย shopping น่าจะถล่มทลายเพราะว่ามีของน่าซื้อเต็มไปหมด และที่สำคัญของกินอร่อยทุกอย่าง ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เหมาะกับคนที่เริ่มต้นมาต่างประเทศมาก เพราะวิวดี ราคาดีและปลอดภัย สุดท้ายนี้คือเราประทับใจทุกอย่างในญี่ปุ่นและต้องมีซ้ำแน่นอน 100% สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่าา สามารถติดตามแบบคลิปวิดิโอได้ที่ : https://youtu.be/qc9JvUtlVpw?feature=shared เครดิตรูปภาพทั้งหมดโดย Travel the Story ข้อมูลเพิ่มเติม Google Maps Horidome Hotel Shijuku Sensoji Temple Ueno Park Disneyland Chureito Kamakura Tokyo Tower Shibuya Akihabara อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !