หากพูดถึงที่พักหลักร้อยวิวหลักล้าน ใกล้ชิดธรรมชาติ ในพิษณุโลกต้องนึกถึงที่นี่ บ้านสวนชมวิว มีจุดชมวิวเป็นต้นไม้รูปหัวใจ มีชิงช้าให้นั่ง ถ้าฝนฟ้าเป็นใจ ก็จะได้เห็นสายหมอกด้วย น่าสนใจมาก เลยตัดสินใจออกไปพิสูจน์ว่ามันสวยอย่างในภาพหรือเปล่า แม้ว่าการเดินทางมันจะค่อนข้างลำบากก็ตาม ✌ 🚎 และแล้วการเดินทางก็เริ่มขึ้น ซื้อตั๋วรถทัวร์กรุงเทพ-พิษณุโลก ลงรถที่ บขส.เก่า เพื่อต่อรถไปเนินมะปราง ด้วยรถพิษณุโลก-เนินมะปราง ลงปากทางวัดน้ำปาดตามรีวิวเปะ มันจะตื่นเต้นมาก ๆ 😄 และกลัว ๆ 😰 ก็ตอนที่ต้องโบกรถขึ้นไปที่พักเนี่ยแหละ ซึ่งถือว่าเป็นการโบกรถครั้งแรกในชีวิต☝ ตอนอ่านรีวิวก่อนเดินทางก็คิดในใจ มันจะปลอดภัยหรือเปล่าว่ะ จะเจอคนแบบไหนคิดไปต่าง ๆ นานา 👉แต่ความรู้สึกอยากเที่ยวมันมีมากกว่า มันเลยชนะความกลัว👈 ประสบการณ์จริงตอนโบกรถ ถือว่าเป็นโชคดีของเราที่มีเพื่อนโบกรถเพิ่มอีก 2 คน โบกรถคันแรก ประสบความสำเร็จค่ะ (บอกพี่เขาว่าไปที่พักบ้านสวนชมวิว หมู่บ้านรักไทย เขาพยักหน้า แต่พี่เขาดูงง ๆ เราก็ไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นหลังกระบะเลยค่ะ ระหว่างทางต้องจับแน่น ๆ เพราะทางค่อนข้างชัน และมีผิวถนนขรุขระเป็นหลุมในบางจุด)👍ในระหว่างเดินทางนี่แหละมันจะทำให้เราได้มิตรภาพใหม่ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้แชร์ประสบการณ์กับคนรอบข้าง (น้อง 2 คนที่ร่วมเดินทางได้เล่าประสบการณ์ของการโบกรถในที่ต่าง ๆ ให้ฟัง มีทั้งที่โบกแล้วได้ขึ้นรถ โบกแล้วไม่จอดก็มีเยอะแยะ)😁 เมื่อมาถึงที่พักก็รู้สึกว่าคุ้มค่าที่มาถึง วิวทิวทัศน์สวยในระดับนึง (แต่คนเยอะมาก ไม่รู้จะเยอะไปไหน) ติดต่อเรื่องห้องพักเสร็จก็เก็บของชาร์จแบตเตอร์รี่ต่าง ๆ (ลืมบอกห้องพักที่นี่มี 3 แบบ แบบแรกบ้านไม้สวยมาก เต็มค่ะ แบบที่ 2 บ้านไม้ไผ่ห้องน้ำรวมอยู่อีกฝั่งของถนน แบบที่ 3 เต้นท์ห้องน้ำรวม อยู่ฝั่งเดียวกับจุดชมวิว ไม่ต้องสงสัยอย่างจิราพรเลือกแบบที่ 3 แน่นอน ใกล้จุดชมวิวสุด ๆ แล้ว และมีหลายคนพาเต้นท์มากางเองอยู่ 2-3 หลัง) ⛺ นั่งชมบรรยากาศไปเรื่อย ๆ ก็ได้เจอน้อง 2 คนที่มาพร้อมกันอีกครั้ง น้องเขาก็นิสัยดีมาก ๆ พยายามจะให้เราขึ้นไปนั่งชิงช้าจะถ่ายรูปให้ (ตกลงได้นั่งชิงช้าจนได้) 📷 สักพักมีเจ้าหน้าที่ตำรวจแถวนั้นมาขอถ่ายรูปเป็นข้อมูลว่าได้มาตรวจพื้นที่แถวนี้แล้ว ขอข้อมูลชื่อ-ที่อยู่-เบอร์โทรศัพท์ สอบถามเราเรื่องการเดินทางต่าง ๆ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า (ปัญหาเรามีอยู่อย่างเดียวเรื่องโบกรถเนี่ยแหละ ก็ได้บอกลุงตำรวจไป ลุงตำรวจเลยแนะนำขากลับก็ให้ติดต่อกับที่พักให้เขาหารถให้ ส่วนใหญ่มีรถผ่านอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านแถวนี้หรือนักท่องเที่ยว) หลังจากนั้นก็นั่งชมบรรยากาศไปเรื่อย ๆ จนตะวันลับขอบฟ้า 🌄ได้เวลาอาบน้ำ เตรียมตัวนั่งดูดาว (เห็นข้อมูลในเว็บไซด์บอกว่าวันที่ 29-31 ก.ค. 60 จะมีปรากฎการณ์ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ เวลาที่เริ่มเห็น 21.00 น. มีโอกาสเห็นชัดหลังเที่ยงคืน ปรากฎว่าได้เห็นดาวแค่แป๊ปเดียว🌠 ท้องฟ้าปิด ฝนตกเม็ดเล็ก ๆ อย่างนี้ก็ต้องนอนสิค่ะจะรออะไร แต่นอนหลับไม่ค่อยสนิท เพราะเสียงคาราโอเกะที่พักข้าง ๆ ดังเกิน นี่คงเป็นข้อเสียอย่างเดียวของที่นี่ นอนพลิกไปพลิกมากว่าจะหลับ ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 3 เผื่อฝนหยุดตก ท้องฟ้าเปิดจะได้เห็นดาว แอบหวังเล็ก ๆ ตื่นมาตี 3 ฝนยังไม่หยุดตกเลย ปลอบใจตัวเองไม่เป็นไร เผื่อพรุ่งนี้จะได้เห็นทะเลหมอก) 😔 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1352095388172966&id=100001175539506 5.45 น. ตื่นขึ้นมาอยากดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น แต่หมอกดันไม่มี ก็ถ่ายรูปชมวิวไปเรื่อย ๆ ครัวของที่พักก็ยังไม่เปิดและยังไม่มีอาหารขาย โชคดีที่พกขนมปังไปด้วย ก็นั่งกินขนมปังไปชมวิวไป ฟินสุด ๆ 😍 สักพัก 8 โมง หมอกขึ้นค่ะ ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นการก่อตัวของหมอกครั้งแรก (ปกติไปถึงก็จะเห็นหมอกเกิดขึ้นอยู่แล้ว) มันเกิดขึ้นเร็วมาก ชอบมาก ๆ ก่อนกลับก็ขอพี่ที่พักเล่นชิงช้าสไลด์ (จะมีความเปิ่น ๆ 8 โมงยังไม่มีคนเล่น จิราพรจะเล่นค่ะ เข้าไปบอกพี่ค่ะขอเล่นชิงช้าสไลด์ได้ไหมค่ะก่อนกลับ ดีที่พี่เขาใจดีให้เล่น) สนุกดีค่ะ มันก็จะสูง ๆ นิดนึง (ต้องขอบคุณพี่ที่ดูแลชิงช้าสไลด์ และขอบคุณพี่ผู้หญิงที่เก็บภาพให้ ถ่ายเสร็จแล้วส่ง Line ให้ด้วย น่ารักมาก ต้องขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ) 🙏 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1352095538172951&id=100001175539506 และแล้วก็ถึงเวลากลับ (หมดเวลาสนุกแล้วสิ อยากเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้นานๆ อยากหลับตาอยู่อย่างนั้น ทำอยู่อย่างนั้น ฝันถึงวิวนี้เรื่อยไป 555++) กลับค่ะกลับ โบกรถต่อไป ก็เดินออกจากที่พักเพื่อโบกรถจากรีสอร์ทข้างๆ (โบกรถคนเดียวกลัวๆ นิดๆ) สักพักพี่ที่รีสอร์ทขี่มอเตอร์ไซด์ออกมาจะไปส่งเราให้ไปโบกรถที่ที่มีรถผ่านมากๆ แต่เราไม่ได้ไปกับเขา เพราะมีรถผ่านมาพอดี แต่มีคนเต็มรถไปไม่ได้ เขาก็ขับออกไป หันไปอีกทีเขาโบกให้เราไปขึ้นรถค่ะ (เขาขยับให้นั่งเป็นรถ 7 ที่นั่ง เขาเห็นเรามาคนเดียวเลยพอจะขยับให้นั่งได้ค่ะ ต้องขอบคุณในความมีน้ำใจของพี่ๆ เขาค่ะ) ลงรถตรงจุดวัดน้ำปาดเพื่อรอรถเนินมะปรางกลับเข้าพิษณุโลก ซึ่งได้สอบถามรถทัวร์ที่จะกลับกรุงเทพไว้แล้ว แต่ปรากฎว่าเมื่อถึง บขส. รถทัวร์เต็มค่ะ 😟 เลยตัดสินใจนั่งรถไฟกลับ🚂 โชคดีที่ได้ไปสอบถามเวลาไว้ว่ารถไฟจะมาถึงกี่โมง ในที่สุดรถไฟก็มาสายอีกจนได้ช้าไปเกือบ ๆ 2 ชั่วโมง 😕😕 เป็นรถไฟรอต่อขบวนที่มาจากเชียงใหม่ ตู้ที่เราขึ้นเป็นตู้ต่อนายสถานีเลยประกาศให้ไปขึ้นก่อนได้ (ตอนขึ้นก็เอ๋อ ๆ มึน ๆ ค่ะ เขาให้นั่งตามเลขที่นั่ง เลขที่นั่งอะไรค่ะงงสิค่ะ เราไม่เคยรู้เลยว่าต้องนั่งตามเลขที่นั่งที่โชว์อยู่บนตั๋ว นี่ขนาดไม่ได้ขึ้นครั้งแรกยังงง😵) ตอนขึ้นรถไฟก็เจอคุณลุงใจดี ชวนคุย เรื่องต่างๆ นั่งรถไฟไปสักพักเริ่มง่วงหลับไปได้นิดนึง 😴 ต้องสะดุ้งตื่น (นี่ขนาดใส่หูฟัง ฟังเพลงอยู่ยังได้ยินเลย) เสียงแม่ค้าทะเลาะกันประเด็นเรื่องขายไข่ต้ม 3 และ 2 ฟอง 10 บาท ด่ากันไปมากว่าจะจบ คุณลุงที่นั่งตรงข้ามบอกนี่ยังน้อยไปถึงขั้นตบกันก็มี 😏 หลังจากนั้นก็คุยกับคุณลุงและน้องผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ คุณลุงมาเรื่อย ๆ จนถึงอยุธยา ความง่วงเริ่มมาเลยใส่หูฟังหลับได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ตื่นมาก็คุยกันต่อ จนถึงสถานีบางซื่อที่เราจะลง กล่าวคำอำลากับคุณลุงใจดี ลุงบอกเดินทางกลับที่พักปลอดภัยนะ 😊 จบทริปนี้มีความประทับใจต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย มันมีหลากหลายความรู้สึก ขอบคุณการเดินทางที่ทำให้ได้เรียนรู้ในหลาย ๆ อย่าง เรียนรู้คน เรียนรู้ธรรมชาติ เรียนรู้การเดินทาง ขอบคุณบุญกุศลความดีที่ช่วยชักนำลูกให้ได้เจอแต่คนดี ๆ มีน้ำใจ เดินทางปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตรายต่าง ๆ ต่อจากนี้คงไม่มีอีกแล้วการเดินทางคนเดียวที่ต้องโบกรถ (ทริปโบกรถโดนสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด ฮือๆ😭 ก็เข้าใจแม่ และทุก ๆ คน ถึงความเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย ก็มันอยากไปนี่น๊า ถ้าไม่ดื้อก็คงไม่ได้ไป☺)… "ภาพปกและภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน"