เล่าประสบการณ์ตรงเจอโจรที่อิตาลี หลายคนคงได้ยินมานักต่อนักว่า อิตาลีเป็นเมืองที่มีโจรชุกชุมมาก ไม่แพ้ฝรั่งเศสเลย ซึ่งส่วนใหญ่จากประสบการณ์เล่าของคนอื่นมา ผู้เขียนก็ได้ยินมาเหมือนกันค่ะก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวอิตาลี แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้การตัดสินใจผู้เขียนน้อยลงเลย สิ่งแรกที่กังวลก่อนไปเที่ยวอิตาลี นั่นคือความปลอดภัยของตัวเองและทรัพย์สิน และเมื่อผู้เขียนได้ก้าวเท้าถึงสนามบินมิลาน (Milana-Malpensa Airport) มันรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย ผู้เขียนเดินออกสนามบินแบบไม่ค่อยมีตม. อะไรที่เข้มงวดนัก มันผ่านง่ายเหลือเกิน!!! ผู้เขียนก็รู้สึกประหลาดใจ และเมื่อผู้เขียนได้มีโอกาสไปเที่ยวที่มหาวิหารมิลาน (Milan Cathedral) หลังจากที่ผู้เขียนได้ขึ้นจากสถานีรถไฟ ในสิ่งที่แปลกตาที่ผู้เขียนเห็นนั้น ท่ามกลางความยิ่งใหญ่และอลังการของมหาวิหารมันสะท้อนความระยิบระยับสวยงามให้ตราตรึงใจ แต่เมื่อหันมองบริเวณฝูงชนนักท่องเที่ยวที่มากมายนั้น ยังมีคนพื้นที่จำนวนมากเร่ขายดอกไม้ ดอกกุหลาบ เชือกผูก ให้แก่นักท่องเที่ยว คนเหล่านั้นยิ่งดูมันยิ่งไม่เหมือนคนพื้นที่ หากเหมือนคนอพยพที่ได้อพยพมาจากถิ่นฐานบ้านเกิดประเทศของตน แล้วมาอาศัยอยู่ในอิตาลี ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าคนอพยพเหล่านั้นมีที่พักอาศัยหรือไม่ หรือนอนอยู่ที่แห่งใด แต่ส่วนใหญ่พวกเค้านั้นมีผิวที่ดำเข้ม และหน้าตาไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ มันดูเหมือนไม่อันตรายนัก หากเป็นการขายดอกไม้แบบธรรมดา!! ผู้เขียนได้นั่งมองใกล้บริเวณมหาวิหารมิลานที่อยู่เบื้องหน้าของผู้เขียนนั้น สิ่งที่ผู้เขียนได้เห็น คือวิธีการขายดอกไม้ของพวกเขาเหล่านั้น เป็นเหมือนการยัดเหยียดเสียมากกว่า อย่างเช่น คนขายดอกไม้คนหนึ่ง เขายัดเหยียดดอกไม้ให้เด็กวัยประมาณ 3-4 ขวบ พอเด็กรับ ก็เหมือนกับตกหลุมพรางแก่เขาเสียแล้ว ผู้ปกครองต้องยินดีจ่ายในค่าดอกไม้ดอกนั้น แม้แต่พ่อค้าเชือก ก็มักเดินไปผูกเชือกให้กับนักท่องเที่ยวแบบไม่รู้ตัว แล้วนักท่องเที่ยวต้องจ่ายเงินโดยไม่เต็มใจ และบางพ่อค้าบางคนเดินตามไม่หยุดจนกว่าเขาจะขายได้ แม้กลเม็ดวิธีการขายของพวกเขาดูไม่อันตรายมากนัก แต่พวกเขาที่มาอยู่สถานที่แห่งนี้ช่างมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าผู้เขียนจะหันไปทางไหนก็มักเห็นพวกเขาเหล่านั้นเสมอ อย่างไรเสีย สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้อันตรายไปมากกว่า การเจอโจรบนรถไฟ ในขณะที่ผู้เขียนได้รอรถไฟในสถานีแห่งหนึ่ง เมืองมิลาน ท่ามกลางผู้คนที่หนาแน่น ผู้เขียนก็ยังคงยืนรอแบบปกติโดยไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่ทันใดนั้นเมื่อรถไฟมาถึง ผู้เขียนก็ได้เดินเข้าไปยังภายในตู้รถไฟแบบปกติ ผู้คนหนาแน่นมากจนอัดกันแน่น มีการดันตัวเข้ามาข้างในจากภายนอกรถไฟจนอัดเฉียบกัน มันดูเหมือนเป็นสิ่งปกติ หรือเป็นความตั้งใจของกลุ่มไม่หวังดีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในขณะที่ผู้เขียนอยู่ภายในตู้รถไฟนั้น ผู้เขียนก็เริ่มรู้สึกตัวนิดหน่อยของการเบียดสีกัน ผู้เขียนก็หันไปดูคนข้าง ๆ คนหนึ่ง เขาวางมือระดับต่ำบริเวณเอวที่พาดด้วยเสื้อคลุม แต่มันดูเหมือนไม่ธรรมดาล่ะซิ เพราะเสื้อคลุมเขาพาดลงบดบังกระเป๋าสะพายของผู้เขียนด้วย ผู้เขียนเลยดึงกระเป่าตัวเองออกมา พบว่า ซิปกระเป๋าของผู้เขียนเปิดออก จึงมองไปยังผู้หญิงคนนั้น ใช่ว่า! ผู้หญิงคนนั้นจะแต่งตัวเหมือนโจร หรือแต่งตัวสกปรกอย่างใด แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นกลับแต่งตัวดี ดูเหมือนคนทั่วไปธรรมดาที่แต่งตัวดูดีมีฐานะ และผู้เขียนยิ่งแน่ใจอีกครั้งด้วยการหันไปมองยังเพื่อนของผู้เขียน ก็เห็นมีผู้หญิงอีกสองคน ประกบหน้าและหลังเพื่อนของผู้เขียนอยู่ และดูเหมือนว่ากำลังจะทำอะไรบางอย่างต่อกระเป๋าเพื่อนผู้เขียนนั้น ทั้งสามคนนี้น่าจะเป็นกลุ่มที่มาด้วยกัน พวกเขาเริ่มรู้ตัวจึงแกล้งเกริ่นคุยว่าขึ้นผิดคัน ทันใดนั้นก็ถึงสถานีต่อไปพวกเขาทั้งสามคนก็รีบลงจากรถไฟแบบเร่งรีบ ไม่รีรอ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้แม้มันไม่ได้สร้างความเสียหายมากเท่าไหร่ เนื่องจากผู้เขียนมีความระวังตัวและป้องกันก่อนออกเดินทางแล้ว โดยผู้เขียนมีกระเป๋าสองใบ กระเป๋าใบแรกจะใส่ทรัพย์สินที่มีค่าแล้วสะพานแนบไว้ข้างในตัวจากนั้นค่อยใส่เสื้อทับทั้งเสื้อตัวนอกและเสื้อตัวใน ส่วนกระเป๋าอีกใบไว้สะพานทับอีกทีใส่ของทั่วไป ในขณะที่เพื่อนผู้เขียนก็เช่นกัน แต่หากว่าก่อนหน้านี้ผู้เขียนไม่ระวังตัว คงสูญเสียทรัพย์สินไปแล้วค่ะ หากบทความนี้มีประโยชน์และมีสาระ ช่วยติดตามผู้เขียนด้วยนะคะ สุดท้ายนี้ผู้เขียนนำภาพบรรยากาศรอบ ๆ มหาวิหารมิลานมาฝากค่ะ ขอบคุณค่ะ เครดิตรูปภาพ : ภาพหน้าปก โดยผู้เขียน, ภาพประกอบที่ 1-2 โดยผู้เขียน, ภาพประกอบที่ 3 ขอบคุณpixabay, ภาพประกอบที่ 4 ขอบคุณpixabay, ภาพประกอบที่ 5-6 โดยผู้เขียน