ถ้าพูดถึงการเดินทางที่โหด มันส์ ฮาแล้วก็คงไม่พ้นที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าอยากไปสัมผัสสักครั้งหนึ่ง อยากลองไปสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติบนภูเขา และ สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่กำลังรอเราอยู่บนยอดภู เราต้องเรียกแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ว่า "ภูกระดึง" นั้นเอง สำหรับคนที่อยากไปพิชิตภูกระดึงนี้มีการเปิดให้บริการตั้งแต่ 1 ต.ค - 31 พ.ค. ของทุกปี ทุกๆปีจะมีเสน่ห์ที่ต่างกัน ถ้าพูดถึงการเดินทาง ถือว่าสะดวกมากทั้ง รถยนต์ (รถส่วนตัว) รถทัวร์ รถไฟ เครื่องบิน แบบสะดวกมากๆเลย ส่วนตัวคนเขียน ได้เดินทางโดย รถทัวร์ สายขอนแก่นไปจังหวัดเลย ตั้งแต่ 05:00 น. การเดินทางโดยรถทัวร์ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ แล้วนั่งรถโดยสารที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้เข้าอุทยาน 5 กม. ถึงที่หมาย (ที่อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง) เนื่องด้วยทางเราได้มีการวางแผนการเดินทางไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อนได้ทำการจองเต็นท์ และของอุปกรณ์เครื่องนอนต่างๆ ผ่าน online ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงสะดวกต่อการเข้าอุทยาน ผู้เขียนจะแบบเว็บที่ใช้จอง คือเว็บนี้นะค่ะ http://nps.dnp.go.th//reservation.php?option=area คนที่ต้องการไปเที่ยวชมธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติ ภูกระดึงส่วนเวลา 07:00 เปิดบริการเกี่ยวกับที่พักทั้งคนจองผ่าน online และไม่ได้เจอ online สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นภูได้ หลังจากเตรียมสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนและเพื่อนๆก็ออกเดินทางขึ้น ภูกระดึง ระยะทางสู่ยอดภูยาว 5 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่น่าตื่นเต้น!!และ เป็นครั้งแรกที่เราและผองเพื่อนได้มาพิชิตภูกระดึงลูกนี้ ไม่ได้เตรียมตัวเลยแต่ก็พร้อมที่จะมาชมธรรมชาติบนยอดภูกระดึงให้ได้ ระหว่างเดินทาง ทุกคนจะมีไม้เท้าเป็นของตัวเองคนละไม้สองไม้ ไว้ใช้ค้ำเวลาเดินขึ้นลงเขาไม่ให้ล้ม แล้วแต่คน บางคนก็วิ่งขึ้น 555+ ระหว่างเดินจนถึงระยะทาง 5,430 เมตร เราจะเจอป้าย "ซำ" ต่างๆ (คือ ปางกกค่า ซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก ซำกอซาง พร่านพรานแป ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน และซำแคร่) หรือ เรียกอีกอย่างคือจุดพัก (พักดื่มน้ำ กินข้าว กินแตงโม อร่อยมากบอกเลย><) และก่อนจะถึงบริเวณยอดภูที่เรียกว่า "หลังแป" เดินต่อแระมาณ 3,500 เมตร จึงจะมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ที่พัก จุดกางเต็นท์ และร้านอาหาร ต่างๆ ระหว่างการเดินขึ้นก็จะเจอนักท่องเที่ยวทั้งเดินขึ้นและเดินลงจากเขา บางคนก็พูดทักทายกันที่พึ่งเจอกันครั้งแรกระหว่างเดินทางขึ้นเขา ส่วนใหญ่ก็ช่วยให้กำลังใจกันเพื่อให้พิชิตยอดเขาให้ได้ พอขึ้นมาบริเวณ "หลังแป" แล้ว ก็พัก แวะถ่ายรูป "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง” เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเรามาถึงภูกระดึงแล้วนะ แล้วก็เดินทางต่อไปยังจุดรับกระเป๋าจากลูกหาบ คิดค่าบริการสัมภาระให้เรียบร้อยแล้วก็ไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัย ถ้าพูดถึงการมายอดภูกระดึงแล้ว ส่วนใหญ่จะพักอยู่ประมาณ 2-3 คืน (สำหรับผู้เขียน 3-4 คืน กำลังดี) เพื่อไปชมบรรยากาศของธรรมชาติยอดภู เดินไปตามจุดต่างๆ ให้ครบ เขามีบริการจุดเช่าจักรยาน ให้เราสามารถปั่นชมวิวได้ด้วยนะ วันแรกที่มาถึง หากใครยังไม่เหนื่อย ช่วงเย็นจะมีเจ้าหน้าที่ พาเดินไปชมจุดพระอาทิตย์ตกที่ “ผาหมากดูก” ที่อยู่ห่างจากบริเวณที่พักประมาณ 2,000 เมตร ส่วนยามเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ “ผานกแอ่น” โดยทุกๆ เช้า เวลาประมาณ 05.00 น. เจ้าหน้าที่จะนัดรวมตัวนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปชม ให้มารวมตัวกันที่หน้าศูนย์บริการ แล้วจึงออกเดินทาง พอชื่นชมพระอาทิตย์เสร็จแล้ว มาที่พักเพื่อมาอาบน้ำ กินข้าว พอกินข้าวเสร็จแล้วเราสามารถเดินชมธรรมชาติ ผู้เขียนและเพื่อนๆได้ เลือกปั่นจักรยานเพื่อชมวิว บนเส้นทางเขามีเส้นทางที่สวยงามที่สุด 6 แห่ง ชมถ่ายรูปแต่ละจุดจนครบแล้ว (ระหว่างปั่นจักรยานได้ยินเสียงลมจากภูเขาให้ความรู้สึกมันสามารถบำบัดร่างกายเราให้ไม่เครียดได้ความรู้สึกนี้มันช่างหาที่ไหนไม่ได้แล้ว) หลังจากถ่ายรูปเก็บความความทรงจำจนครบก็ปั่นกลับมายังเต็นท์ หรือเราสามารถพักชมพระอาทิตย์ตกดินก็ได้ แต่ส่วนมากทุกคนจะพักดูพระอาทิตย์ตกกัน เพื่อชมความสวยงาม พอชมเสร็จ กว่าจะปั่นจักรยานรอบผาต่างๆ กลับมาถึงที่พักก็ดึก จึงจะได้อาบน้ำและกินข้าวแล้วเข้านอน พอถึงเวลา 05:00 น. ใครที่ยังไม่เหนื่อยจากเมื่อวาน สามารถไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ได้ที่ “ผานกแอ่น” เพื่อนไปเก็บความทรงจำสวยๆของธรรมชาติ ก่อนจะกลับลงไปด้านล่าง "แล้ววันนี้ก็มาถึงเรายังชมธรรมชาติยังไม่หมดเลยแต่ต้องกลับแล้ว วันนี้ต้องลงภูแล้ว หลังจากอาบน้ำ กินมื้อเช้าเสร็จก็เดินถ่ายรูปกัน สักพัก ก็ลงภู " ถึงที่ทำการอุทยานก็บ่ายแก่ๆ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า กินข้าว แล้วก็เดินทางกลับขอนแก่น เป็นครั้งแรกของเราและเพื่อนๆที่ได้ไปพิชิตภูกระดึง เป็นการท่องเที่ยวแบบชิวมาก แต่ก็เก็บความทรงจำของธรรมชาติยังหมดเลย ระหว่างทางมีผู้คนให้พบปะมากมายทั้งขาขึ้นและขาลงให้พูดคุยกัน ทุกคนน่ารักมาก ทั้งแม่ค้าที่ขายของบนเขานั้น และเจ้าหน้าที่ก็ดูแลดี ทุกอย่างดีหมดดีจนอยากกลับไปเที่ยวอีกครั้ง ถ้ามีโอกาสก็อยากไปเที่ยวชมธรรมชาติของ "ภูกระดึง" ให้ได้เลย ภาพโดยผู้เขียนเอง