เรื่องและภาพ : ชานาพิ้ง เมืองสิงห์ เป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ในแขวงหลวงน้ำทา ดินแดนเหนือสุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ติดกับประเทศพม่า และประเทศจีน วิถีชีวิตของเมืองสิงห์ ยังคงเรียบง่ายมากๆ ถนนยังเป็นทางลูกรัง ส่วนใหญ่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองแบบชาวไทลื้อ (เป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุดในบริเวณนี้) เช้าวันนี้เรามาเดิน ตลาดเมืองสิงห์ ซึ่งตลาดนี้ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเมือง อีกทั้งยังอยู่ห่างจากชายแดนจีน (สิบสองปันนา) เพียงแค่ 12 กิโลเมตร แต่น่าเสียดายที่ คนไทยไม่สามารถข้ามฝั่งไปจีนโดยด่านนี้ได้ หากต้องการจะข้าม ก็จำเป็นต้องวนกลับไปเมืองหลวงน้ำทา และต่อไปยังด่านบ่อเต็นที่อยู่ห่างไปอีก 112 กิโลเมตร บรรยากาศในตลาดเช้านี้ค่อนข้างคึกคักและมีชีวิตชีวา แม้เราจะมาถึงตลาดเกือบ 8 โมงแล้วก็ตาม ชาวบ้านในชุดพื้นเมืองแต่งกายออกมาค้าขายสินค้า ผักผลไม้สดวางเรียงรายตลาดสองข้างทาง เอาเข้าจริง นอกจากแม่ค้าแล้ว ชาวบ้านที่เข้ามาเดินในตลาดนี้บางส่วนก็ยังแต่งตัวด้วยชุดพื้นเมืองเหมือนกัน ถือว่าเป็นเสน่ห์ที่สำคัญของตลาดแห่งนี้เลยทีเดียว ด้วยความที่คนส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์ไทลื้อ ภาษาจึงใกล้เคียงกับภาษาไทยเป็นอย่างมาก เพียงแค่มีคำศัพท์บางอย่าง และสำเนียงที่ต่างกัน จึงสามารถที่จะสื่อสารกันได้ หนังหมูแผ่นใหญ่วางขายในราคาที่ถูก แต่เราไม่สามารถซื้อกลับมาได้ เพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร (ฮา) แผ่นสีขาวๆ ที่เดาว่าน่าจะเป็น แป้งแผ่นบนเตาถ่าน และน่าจะทาน้ำพริก คงจะเป็นอาหารเช้าที่ราคาถูกและประหยัดสำหรับคนแถบนี้ เดินต่อไปอีกหน่อยจะเจอตลาดในร่ม ที่นอกจากจะมีผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ยังมีของกินเล่นมากมาย ขนมหวาน ลอดช่อง สาคู ขนมชั้น ขนมปังราดน้ำข้น ฯลฯ แกงถุงต่างๆ ขนมแห้งของขบเคี้ยว ของใช้ เครื่องประดับต่างๆ ให้เลือกซื้อ นอกจากนี้เรายังเจอ ร้านก๋วยเตี๋ยวตั้งเรียงราย สังเกตว่าพวงเครื่องปรุงของที่นี่จะหลากหลายกว่าไทย เพราะมีทั้งซีอิ้ว น้ำปลา น้ำมะนาว ซอสพริก (ของทุกอย่างนำเข้าจากไทย) แนบผักสดเป็นกระบุงใหญ่ แม่ค้ายิ้มแย้มแจ่มใสพยายามกวักมือเรียกเรามานั่งกิน ผู้เขียนก็ได้แต่ยิ้ม และบอกว่าพึ่งกินข้าวมาแล้ว คนลาวกินเส้นกันเยอะเหมือนคนไทย แต่อย่าคาดหวังเลยว่าก๋วยเตี๋ยวที่ลาวจะรสชาติถูกปากเหมือนก๋วยเตี๋ยวไทย ต้องออกตัวก่อนว่าผู้เขียนไม่ถูกโฉลกกับก๋วยเตี๋ยวลาวเท่าไหร่ ไม่ว่าจะกินกี่ร้านๆ ก็ไม่เจอร้านไหนที่ถูกใจเลย เพราะก๋วยเตี๋ยวลาวเหมือนน้ำแกงจืดๆ ที่ใส่ผงชูรสหนักๆ ดีที่เส้นจะเหนียวนุ่มกว่าของเรา แต่ยังไงก็ขอกลับไปซดน้ำแกงที่บ้านดีกว่า เราใช้เวลาเดินสำรวจตลาดเกือบครึ่งชั่วโมง แปดโมงกว่าแล้ว แต่ตลาดก็ยังคงคึกคัก ด้านหน้าตลาดเป็นท่ารถ เดาว่าคงเป็นท่ารถที่เข้าไปในเมือง และข้ามด่านไปยังจีน เมืองสิงห์ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวเต็มตัว แต่เป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลความเจริญจากการเข้ามาลงทุนของจีน จึงทำให้ปัจจุบันความเจริญตึกรามบ้านช่อง ได้รุกคืบเข้ามาเรื่อยๆ เราจะเห็นคนจีนเข้ามาค้ายขายบ้าง ป้ายตัวอักษรภาษาจีนเริ่มมีขึ้น ปะปนกับตัวอักษรลาว แต่มันก็คือเสน่ห์ของเมือง เสน่ห์ของบรรยากาศในความหลากหลายของชาติพันธ์ุ หากใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ก็มาได้ที่เมืองสิงห์ สปป ลาว โดยนั่งรถโดยสาร หรือรถส่วนตัว โดยออกจากประเทศไทยได้ที่ด่านเชียงของ - ห้วยทราย(บ่อแก้ว) และต่อมายังหลวงน้ำทา เมืองสิงห์ เวลาเดินทางอาจจะนานสักหน่อย แต่รับรองได้ว่าประสบการณ์สองข้างทาง จะเป็นคุณค่าที่ไม่มีวันลืม