เชียงคานที่รัก เมื่อเอ่ยถึง “เชียงคาน” ภาพจำจากโลกอินเตอร์เน็ตทำให้เรามองเห็น เมืองเล็กๆริมแม่น้ำโขงของจังหวัดเลย ภาพเรือนไม้ที่ปลูกเรียงรายไปตามถนนสายเล็กๆนั้น คือเสน่ห์อันน่าหลงใหลของเมืองอันเงียบสงบแห่งนี้ ฉันรู้จักเชียงคานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของคนไทย หลายกระทู้ที่เปิดอ่าน ท่ามกลางท่วงทำนองของทะเลอักษรที่เรียงรายหลายร้อยตัว พร้อมกับภาพถ่ายที่คลี่ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ออกมานั้น ได้กระตุ้นความรู้สึกของนักอยากเดินทางของฉันขึ้นมาในทันที ฉันเริ่มวางแผนลาพักร้อนกำหนดวันเดินทาง และปักหมุดลงไปว่า “เชียงคาน จังหวัดเลย” และนี่คือทริปแรกสำหรับการแบกเป้เที่ยวคนเดียวในชีวิตของฉัน ต้นเดือนพฤษภาคมคือฤกษ์งามยามดีที่ฉันยกเป้ขึ้นหลังมุ่งหน้าสู่สถานีขนส่งหมอชิต การผจญภัยเล็กๆแต่เป็นประสบการณ์อันยิ่งใหญ่สำหรับผู้หญิงที่เริ่มเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉันเลือกโดยสารกับรถทัวร์เนื่องจากสะดวกมากกว่าทางเลือกอื่น ตามคำแนะนำในรีวิว รถทัวร์คันที่ฉันนั่งเคลื่อนที่มาถึงแค่สระบุรีก็เกิดยางรั่ว ผู้โดยสารต้องนอนค้างคืนกันบนรถทั้งเมื่อยขบและอ่อนล้า กว่าทุกอย่างจะถูกแก้ไขและเดินทางต่อไปได้ก็สิบโมงเช้า ฉันมาถึงเชียงคานในเวลาที่พระอาทิตย์โบกมือลาโค้งขอบฟ้าไปนานมากแล้ว เมืองเล็กๆริมโขงแห่งนี้ต้อนรับฉันด้วยความสงบ ถนนหนทางไม่แออัดด้วยรถยนต์และผู้คน ที่นี่กับที่ที่ฉันเพิ่งจากมาช่างต่างกันราวโลกคนละใบ ในเช้าวันรุ่งขึ้น รอยยิ้มแรกที่เชียงคานมอบให้แก่ฉัน คือภาพขอบฟ้าสีหวานละมุน ก่อนจะอาบไล้ด้วยแสงสีทองของพระอาทิตย์ ฉันนั่งจิบกาแฟอุ่นๆที่ระเบียงของโฮมสเตย์ลุงไสว พร้อมกับสนทนากับลุงหลายเรื่องราว ลุงแนะนำให้ฉันรู้จักเมืองเชียงคานด้วยการ “ปั่นจักรยาน” หากทักษะในการปั่นเพียงน้อยนิดทำให้ฉันต้องปฏิเสธคำแนะนำของลุง และตัดสินใจใช้ขาของตัวเองก้าวเดินน่าจะปลอดภัยมากกว่า บ้านเรือนอันเงียบสงบ วิถีชีวิตอันเรียบง่าย วัฒนธรรมที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น ทำให้ฉันเริ่มหลงรักเมืองริมโขงแห่งนี้อย่างไม่รู้ตัว จะว่าไปแล้วบุคลิกของเชียงคาน มีส่วนคล้ายหลวงพระบางอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือผู้คน ช่วงสายๆฉันนั่งเรือหางยาวข้ามฝั่งไปเยือน สปป.ลาว บ้านพี่เมืองน้องอันใกล้ชิดเพื่อถ่ายภาพบรรยากาศ ที่เหมือนประเทศไทยของเราครั้งเมื่อ 50 ปีที่แล้ว สำหรับฉันแล้วให้ความรู้สึกละม้ายย้อนเวลากลับไปในวัยเยาว์อีกครั้ง รั้วไม้ไผ่ขัดแตะ บ้านไม้ยกพื้นสูง มีชานกว้างด้านหน้าหรือด้านข้าง ภาพเหล่านี้หายากยิ่งในประเทศไทยยุคปัจจุบัน กว่าจะข้ามฝั่งกลับมาเชียงคานอีกครั้งก็ร่วมบ่ายโมง อาหารเที่ยงมื้อแรกในเชียงคาน ฉันเลือก “ ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว” เมนูพื้นถิ่นของที่นี่ รสชาติละม้ายก๋วยจั๊บญวนผสมกับขนมจีนน้ำใสหมูของล้านนา รสชาติที่แปลกลิ้นสำหรับคนเมือง ทำให้มื้อนั้นผ่านไปด้วยความอร่อย ที่พักคืนที่สองของฉันเป็นโฮมสเตย์กึ่งร้านกาแฟ ตั้งอยู่บนถนนคนเดิน ห้องพักและสไตล์การตกแต่งเป็นไม้เก่าผสมปูนแบบเก๋ไก๋ ไอเดียเจ้าของโฮมสเตย์ถูกใจฉันไม่เบาทีเดียว ที่สำคัญที่นี่มีแมวประจำร้าน แน่นอนละ สำหรับสายเหมียวอย่างฉันย่อมไม่พลาดในการทักทายและจูบกอดให้สบายใจก่อนขึ้นห้องพัก บ้านชานเคียง ที่ เชียงคานอากาศร้อนอบอ้าวในช่วงบ่ายทำให้โปรแกรมเดินเที่ยวของฉันต้องหยุดพักชั่วคราว จนบ่ายคล้อยความร้อนรุมของอากาศเบาบางลง ฉันจึงเริ่มสำรวจบริเวณรอบนอกของเมืองเชียงคาน โดยรถมอเตอร์ไซค์ที่คนแถวนี้เรียกว่า “สกายแลป” สารถีนำเที่ยวของฉันก็คือหนุ่มใหญ่วัยเกษียน คุณลุงถวิลพานำเที่ยวที่วัดภูช้างน้อย วัดที่ตั้งอยู่บนเขาและเป็นจุดชมวิวเมืองเชียงคานและลำน้ำโขง ฉันใช้เวลากับการถ่ายภาพที่นี่ไม่นานนัก จากนั้นจึงย้อนกลับมาที่ถนนคนเดินในช่วงเย็น ผู้คนและร้านค้าเริ่มหนาแน่นกว่าช่วงบ่าย ของที่ระลึก อาหารหลายชนิดเรียงรายตลอดสองข้างทางของถนนคนเดิน เป็นที่ตื่นตาตื่นใจไม่น้อยสำหรับมนุษย์ที่เก็บตัวอยู่บ้านหลังตะวันตกดินอย่างฉัน คืนสุดท้ายในเชียงคานทำให้ฉันนอนไม่หลับ ด้วยความไม่คุ้นชินกับบ้านไม้และมุ้ง กว่าจะหลับลงได้ก็ล่วงเลยเกือบสว่าง หากก็ตื่นเช้ามาใส่บาตรด้วยรถทัวร์ที่ฉันจองไว้ออกแต่เช้า ฉันโบกมือลาเมืองเชียงคานด้วยความรู้สึกละมุนละไมในหัวใจ หลังจากการพบและลาจากกันในครั้งแรก ฉันได้ย้อนกลับมาเยือนเชียงคานอีกหลายครั้งเมื่อมีโอกาส ด้วยความรู้สึกละม้ายการมาเยือนบ้านอันแสนคุ้นเคยเสียกระนั้นภาพปก : canva.com โดย : เจ้าจันทร์ (ผู้เขียน) ภาพประกอบโดย : เจ้าจันทร์ (ผู้เขียน) 🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”