ทริปนี้เป็นการเดินทางทางรถยนต์ส่วนตัวช่วงเดือนมกราคม อากาศช่วงนั้นขอบอก...อากาศมันดีมากๆ อุณหภูมิประมาณ 18-20 องศา ขณะที่หลายๆคนกำลังวิ่งขึ้นเหนือ เราขอไปชมความงามและเสพบรรยากาศกับความหนาวทางอีสานตอนบนบ้าง นั่นก็คือ จ.นครพนมเนื่องจากเป็นช่วงระบาดของโรคโควิด เราจึงวางแผนเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ทำให้เพิ่งรู้ว่าถนนทางอีสานนี่สะดวก ถนนดี วิวข้างทางสวยไปตลอดทางเลย แถมอาหารก็อร่อยถูกปากทุกร้านเลยจ้าใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ-นครพนม ประมาณ 10 ชม เราแวะทานอาหารร้านอาหารท้องถิ่น แวะจิบกาฟ ตามเส้นทางผ่าน จนมาถึง นครพนม จุดแรกที่ตื่นเต้นตอนที่แล่นรถเข้าสู่ ลานพญาศรีสัตตนาคราช ที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองนครพนมที่สวยงาม ทรงพลัง อย่างรู้สึกได้ เราได้กราบสักการะพญาศรีสัตตนาคราชที่ตั้งหันหน้าออกทางฝั่งแม่น้ำโขง พญาศรีสัตตนาคราชเป็นองค์พญานาค 7 เศียร เป็นองค์พญานาคผู้ปกปักษ์รักษาผู้คนในแถมลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งเป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างประเทศไทยและ สปป. ลาว ทางฝั่งลาวมีทิวเขาที่งดงามมากเมื่อชมจากทางฝั่งไทยเราเลือกพักโฮสเทลเล็กๆ ใกล้กับลานศรีสัตตนาคราช เพราะบริเวณนั้นจะคึกคักตลอดตั้งแต่เช้ามืดไปจนค่ำ มีทางเดินเลียบแม่น้ำโขงไปตลอดทาง ช่วงเช้าสามารถนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนยามค่ำคืนมีผู้คนออกมาออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน เดินเล่น ทานอาหารริมทาง ยิ่งในช่วงหน้าหนาวนี้อากาศยามเย็นต้องพกเสื้อหนาวไปด้วยนะ กว่าเราจะถึงก็เย็นแล้วเราแวะทานอาหารค่ำที่ร้าน The Tree เป็นร้านอาหารบรรยากาศร่มรื่น ลมเย็น อาหารดีทั้งคาวหวานจากนั้นกลับไปจอดรถที่หน้าโรงแรมเพื่อไปเดินเล่นริมโขง เดินผ่านลานพญาศรีสัตตนาคราช ก็จะเจอร้าน 7/11 ที่ชั้น 2 ของร้านมีน้ำชากาแฟบริการและเป็นจุดชมวิวที่สวยจุดหนึ่งเลยเช้าวันที่ 2 ไปจิบกาแฟยามเช้าที่ร้าน 76A The Space เป็นร้านกาฟริมแม่น้ำโขงที่เป็นอาคารเก่าสไตล์โคโลเนียล ที่ไทยได้รับมาในสมัยที่ฝรั่งเศสล่าอาณานิคมและมีอิทธิพลในดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโขงนี้ อาคารนี้นำมาดัดแปลงเป็นร้านกาแฟเก๋ๆ ที่วัยรุ่นต้องแวะมาถ่ายรูปกันจากนั้นไปชมโบสถ์นักบุญแอนนา ที่เป็นโบสถ์คริสต์ที่เก่าแก่สวยงามริมแม่น้ำโขง เคยโดนระเบิดสมัยสงครามอินโดจีนเสียหายมาก และจากนั้นได้มีการสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้เป็นศูนย์รวมจิตใจให้แก่ชาวไทย ลาว ญวน จีน ที่อาศัยอยู่แถบนั้นแวะชมพิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นอาคารเรือนไม้ที่สร้างในปี พ.ศ. 2457 และในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยใช้ประทับแรมที่นี่เมืองครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎรนครพนม ภายในเรือนจึงมีการจัดแสดงห้องรับรองต่างๆ พร้อมเครื่องใช้ต่างๆ ในสมัยนั้น ส่วนด้านหน้าอาคารเป็นจุดที่ทุกคนจะแวะมาถ่ายรูปกันมื้อกลางวันแวะทานเบาๆที่ร้าน เตี๋ยวเต็มโต๊ะ 2 ที่ถนนคนเดิน ช่วงบ่ายขับรถไปเยี่ยมชมบ้านลุงโฮ ท่านโฮจิมิน ผู้เป็นบบุคคลสำคัญของเวียดนาม เป็นนักปฏิวัติที่ต้องการเป็นอิสระจากฝรั่งเศสจากสมัยสงครามโลกครั้งที่2 และท่านเป็นประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของเวียดนามเป็นคนแรกอีกด้วยโชคดีที่การเยี่ยมชมครั้งนี้มีลูกหลานชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มาให้ข้อมูลประวัติความเป็นมาของบ้านหลังนี้ ซึ่งน่าตื่นเต้นและรู้สึกชื่นชมการต่อสู่ของชาวเวียดนามอยู่ไม่น้อยเลยมื้อค่ำวางแผนจะไปดินเนอร์บนเรือ ล่องเรือชมโขงยามค่ำคืน ต้องไปรอขึ้นเรือที่หน้าท่าเรือเพราะไม่รับจองที่นั่งก่อนล่วงหน้า จะว่าไปแล้วบรรยากาศดี อาหารดี บริการเยี่ยมเลยเช้าวันที่ 3 วันนี้ตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น เราไม่ต้องตื่นเช้าเพื่อเดินทาง แค่เดินข้ามถนนจากที่พักไปริมแม่น้ำโขงก็นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ทันทีเลย สวยงาม อากาศเย็น บรรยากาศดีจริงๆสายๆ เขา Check out ออกจากที่พัก เพื่อเดินทางตรงไปยัง พระธาตุพรมวรวิหาร ซึ่งอยู่ในตัวเมืองห่างจากบริเวณลานศรีสัตนาคราช ประมาณ 45 นาที ได้กราบไหว้พระธาตุพนม ถือเป็นมงคลแก่ชีวิตมาก และเป็นธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันอาทิตย์ นับว่าเป็นความโชคดีที่ผู้คนไม่มาก เราได้กราบไหว้อย่างสงบ แล้วได้เดินชมรอบบริเวณพระธาตุ รวมถึงพระธาตุองค์เก่าที่ถล่มลงมาเพราะฝนตกหนักและฟ้าผ่าขอจบทริปนครพนม ณ ตรงนี้ นะ เพราะจากนั้นเราได้เดินทางต่อไปมุกดาหารซึ่งบรรยากาศของจังหวัดมุกดาหารงดงามไม่แพ้กันเลย ซึ่งจะมาเล่าให้ฟังในบทความหน้านะจ๊ะ#นครพนม #พญาศรีสัตตนาคราช #ริมโขง #แม่น้ำโขง #ท่าแขก #สปป ลาว #ลาว #จวนผู้ว่า #โบสถ๋นักบุญแอนนา #76A The Space #The Tree #พระธาตุพนม #มุกดาหาร #พญานาค #ถนนคนเดิน #อุโมงค์ไฟ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !