เชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินชื่อหรือเคยไปร้านกาแฟ "บ้านอาจารย์ฝรั่ง" ใกล้กับวชิรพยาบาลกันมาบ้างแล้ว แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าที่นี่เคยเป็นบ้านของสกุลไกรฤกษ์ เมื่อเราได้ทราบข่าวว่ามีกิจกรรมนำชมบ้านสกุลไกรฤกษ์เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน เราจึงไม่พลาดที่จะเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษในครั้งนี้ สกุลไกรฤกษ์สืบเชื้อสายมาจากชาวจีนฮกเกี้ยนแซ่หลิม มีบุตรสองคนคือพระยาไกรโกษา (เริก) และพระยาอินทรอากร (อินหรือโง้ว) เมื่อมีการเริ่มใช้นามสกุลในสมัยพระบาทสมเด็จมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงพระราชทานนามสกุล "ไกรฤกษ์" ตามชื่อของพระยาไกรโกษานั่นเอง การนำชมในวันนี้เราเริ่มต้นกันที่ "บ้านเจ้าพระยามหิธร" เจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) เป็นเนติบัณฑิตคนที่ 1 ของประเทศไทยและเป็นสภานายกคนแรกของเนติบัณฑิตยสภา เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น สมุหพระนิติศาสตร์ในสมัยร. 6 และอธิบดีศาลฏีกา เจ้าพระยามหิธรซื้อที่ดินตรงข้ามกับที่ดินพระราชทานของญาติในสกุลไกรฤกษ์ นั่นคือ พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ และพระยาประเสริฐศุภกิจ ในตอนแรกเป็นบ้านไม้สัก ต่อมาในปีพ.ศ. 2465 สมัยร.6 เนื่องในโอกาสที่ท่านได้เป็นเจ้าพระยามหิธร จึงได้รับพระราชทานเงิน 70,000 บาทสร้างบ้านหลังใหม่ เดิมที่ดินมีขนาดใหญ่กว่านี้ แต่เมื่อมีการตัดถนนซังฮี้ทำให้พื้นที่แคบลง ปัจจุบันบ้านหลังนี้อยู่ในความดูแลของทายาทคือ ดร.วินิตา ไกรฤกษ์ และให้องค์การ Peace Corp เช่า ภายในบ้านปัจจุบันจึงดัดแปลงเป็นสำนักงาน และปกติแล้วจะไม่สามารถเข้ามาชมได้ สังเกตว่าบ้านโบราณในสมัยที่ยังไม่มีเครื่องปรับอากาศ จะสร้างเพดานสูง และดูทิศทางลม ประกอบกับต้นไม้ร่มรื่นในบริเวณทำให้บ้านเย็น บ้านหลังที่ 2 เป็นของ "พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ" ผู้เป็นมหาดเล็กรัชใช้ใกล้ชิดในร. 5 และเป็นผู้หนึ่งที่ได้ตามเสด็จพระพุทธเจ้าหลวงในคราวเสด็จประพาสยุโรปเมื่อพ.ศ. 2440 ซึ่งในคราวนั้นพระยาบุรุษได้รับพระราชทานเครื่องแต่งบ้านจากร้าน Maples ในลอนดอน และพระราชทานเพิ่มอีก 40 ชั่ง (3,200) บาทสำหรับแต่งบ้านและทำบุญ บ้านหลังนี้ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว และกรมศิลปากรเพิ่งบูรณะแล้วเสร็จในปีนี้ ปัจจุบันให้เช่าจัดงานหรือถ่ายละครไม่ได้เปิดให้เข้าชมทั่วไป นอกจากบ้านพระยาบุรุษแล้ว ยังมีอาคารบริวารอีกสามหลัง ซึ่งหลังหนึ่งก็คือบ้านที่เคยให้ศ.ศิลป์ พีระศรีเช่าเป็นเวลา 8 ปีในช่วงแรกที่เข้ามารับราชการในสยาม ภายในตกแต่งแบบมัวร์ และสัญลักษณ์ของเทพราแห่งอียิปต์ อ่างอาบน้ำภายในบ้านมีมาแต่เดิม ของจริงลึกมากทีเดียว กรมศิลปากรสามารถหากระเบื้องจากบริษัทเดิมมาเปลี่ยนได้ แต่สุขภัณฑ์ในบ้านเป็นของใหม่ บ้านหลังที่ 3 บ้านพระยาประเสริฐศุภกิจ (เพิ่ม ไกรฤกษ์) น้องชายของพระยาบุรุษ ได้มีโอกาสตามเสด็จไปรับใช้ร. 5 ในคราวเสด็จประพาสยุโรปเช่นกัน รวมทั้งการเสด็จประพาสชวา พระยาประเสริฐรับราชกาลมาจนถึงตลอดรัชกาลที่ 6 โดยได้รับตำแหน่งปลัดบัญชาการกรมมหาดเล็ก องคมนตรีและรองอธิบดีกรมมหาดเล็ก พระยาประเสริฐได้รับพระราชทานที่ดินข้างบ้านของพี่ชายจาก ร. 5 และต่อมา ร. 6 พระราชทานเงิน 38,000 บาทสมทบค่าสร้างบ้าน และเสด็จพระราชดำเนินมาเหยียบบ้านเป็นสิริมงคลด้วย บ้านหลังนี้ออกแบบโดยมาริโอ ตามานโญ สถาปนิกชาวอิตาลีผู้ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม ปัจจุบันบ้านหลังนี้กำลังซ่อมแซมจึงไม่ได้เข้าชมและไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูป อยู่ในพื้นที่ของดุสิตอเวนิวเนื่องจากทายาทได้ขายบ้านไปแล้ว ถัดไปเป็น "ตำหนักทิพย์" ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของ "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา" เนื่องจากที่นี่เป็นบ้านของท่านทูตศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ และม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์ จึงไม่สามารถถ่ายภาพด้านในได้แต่ก็ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพด้านนอกได้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา (21 เมษายน พ.ศ. 2432 — 23 มีนาคม พ.ศ. 2501) เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาชุ่ม เมื่อแรกประสูติทรงพระยศเป็น พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา ต่อมาในภายหลังทรงได้รับการสถาปนาเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา ชาววังออกพระนามว่า เสด็จพระองค์ใหญ่ มีพระขนิษฐาร่วมพระมารดา คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุจิตราภรณี หรือ เสด็จพระองค์เล็ก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภาประทับ ณ พระตำหนักอาทรทิพยนิวาสน์ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จมาประทับ ณ ตำหนักในสวนสุนันทา จนเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ได้ทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เสด็จออกไปประทับ ณ ตำหนักทิพย์ ถนนราชวิถี พระตำหนักทิพย์ออกแบบโดยสถาปนิกอังกฤษ Edward Healy เจ้าจอมมารดาชุ่มเป็นพี่น้องกับพระยาบุรุษ (นพ ไกรฤกษ์) และพระยาประเสริฐ (เพิ่ม ไกรฤกษ์) พระองค์เจ้าอาทรฯ จึงนับถือท่านทั้งสองเป็นน้า พระองค์เจ้าอาทรฯ ประสูติในรัชกาลที่ 5 และสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 9 จึงนับได้ว่าท่านมีพระชนม์ชีพยืนยาวถึง 5 แผ่นดินทีเดียว จะเห็นอักษร "อ" ซึ่งหมายถึงพระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา นับเป็นโอกาสอันดีที่ได้เข้ามาชมบ้านเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี และตำหนักทิพย์ ซึ่งยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทายาทสกุล "ไกรฤกษ์" และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากท่านเจ้าของบ้านทุกท่าน