สวัสดีค่ะ นี่อาจจะเป็นบทความแรกที่เราเขียนนะคะ ถ้าเขียนงงๆยังไงก็ต้องขอโทษด้วย ทริปนี้เราไปกับเพื่อนอีก 3 คน ค่ะ เดินทางแบบไม่มีรถส่วนตัว ก็คือต้องหาเช่ารถไปรับไปส่งกันเอง ค่ารถเฉลี่ยแล้วตกคนละ 300 บาท รวมทั้งหมดแล้วขาไปและกลับ แม่กำปองจะอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 50 กว่ากิโลนะคะ นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ^^ ช่วงที่เราไปจะอยู่ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ ตอนแรกคิดว่าอากาศคงไม่หนาวแล้ว สบประมาทอากาศที่นั่นไว้เยอะแต่พอเอาเข้าจริง ยังไม่ต้องถึงหัวค่ำหรอกค่ะ แค่ช่วงสี่โมงห้าโมงเย็นก็เริ่มรู้สึกเย็นๆผิวกายแล้ว เห็นเราอ้วนๆแบบนี้ ไขมันก็ไม่ช่วยนะคะ บอกเลย แม่กำปองเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่แฝงไปด้วยสถานที่ชิคๆมากมาย แล้วก็มีสถานที่สำคัญทางศาสนาที่ถือว่าเป็นสถานที่สุด Unseen ของที่นี่เลยก็ว่าได้ 1.วัดแม่กำปอง หรือ วัดคันธาพฤกษา เป็นวัดเล็กๆในหมู่บ้านที่อยู่คู่กับหมู่บ้านมาอย่างยาวนาน การสร้างเป็นศิลปะแบบล้านนา ของจริงสวยกว่าในรูปมากนะคะ ฝีมือการถ่ายรูปเราอาจจะไม่มืออาชีพก็ได้แค่นี้แหละเนอะ ไม่เห็นน้ำที่ไหลผ่านใต้โบสถ์เลย บรรยากาศจริงๆจะได้ยินเสียงลำธารไหลผ่านตลอดทั้งวัน คือถ้าไปนั่งสงบจิตสงบใจคงช่วยได้เยอะมากค่ะ ร่มรื่นดีมากจริงๆ 2.ร้านชมนกชมไม้ ร้านชมนกชมไม้ ต้องบอกเลยว่าทางขึ้นไปยังร้านค่อนข้างโหด ไปถึงขั้นโหดมากๆ สำหรับเราเลยนะ ลักษณะจะเป็นทางขึ้นเนินเขา แบบชันมากๆ กว่าจะเดินถึงเล่นเอาเหนื่อยแบบหืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีโรคประจำตัวนะคะ อันนี้เตือนไว้ก่อน หน้ามืดเป็นลมกลิ้งตกเขาจะไม่คุ้มกัน แต่ถ้าจะค่อยๆเดินๆ แล้วหยุดพักแบบเราก็คงพอไหว ก็ถือว่าเป็นการผจญภัยแบบไม่คาดคิดอย่างนึงในทริปนี้จริงๆ ทางขึ้นจะเป็นลักษณะชันขึ้นเป็นทางขึ้นเขาสูงไปเรื่อยๆตามทาง เห็นในรูปดูปกติ แต่อยากให้ลองไปเผชิญความจริงกันดูสักครั้งนะคะ แล้วจะรู้ว่าที่เราบรรยายไม่ได้เกินเหตุเลยสักนิด แต่พอขึ้นไปถึงร้านแล้วได้เห็นวิว คือมันคุ้มค่าที่เหนื่อยเดินขึ้นมาจริงๆ ถึงกับต้องขอบคุณสองเท้าของตัวเองที่พาเดินมาจนถึงขนาดนี้ ข้างบนจะมีร้านกาแฟที่มีที่นั่งดูวิวแบบชิลๆ ราคาของเครื่องดื่มก็ทั่วๆไปเลยค่ะ จำราคาไม่ได้ แต่ไม่ได้แพงเว่อร์ มีเค้กให้เลือกทานกันได้ตามใจชอบ กาแฟหลักสิบ วิวหลักล้านของจริง 3.โฮมสเตย์ เฮือนอ้ายอู๊ด เราจองที่พักไว้ล่วงหน้าแล้วค่ะ จองกับทางที่พักโดยตรงผ่านทาง facebook fanpage ของทางโฮมสเตย์ ชื่อ เฮือนอ้ายอู๊ด เดี๋ยวยังไงจะทิ้งลิงค์ที่พักไว้ให้ที่ด้านล่างบทความนะคะ ที่พักที่แม่กำปองมีหลายที่ให้เลือกนะคะ ราคาก็จะไม่ต่างกันมาก สามารถหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าก่อนได้เลย แต่ที่เราเลือกที่นี่เพราะ เราอ่านรีวิวจากหลายๆคนที่เคยไปพักมา แล้วรู้สึกว่าที่นี่โอเคที่สุดสำหรับเรากับเพื่อนๆ ราคาช่วงที่เราไปพักรวมอาหารเช้า-เย็นแล้วอยู่ที่ประมาณคืนละ 750 บาทต่อคน ซึ่งถ้าเทียบกับบรรยากาศและวิวที่หาไม่ได้ในชีวิตประจำวันที่เราเป็นอยู่ ก็ถือว่าคุ้มนะ อาหารเย็นที่ทางที่พักจัดเตรียมไว้ให้เราค่ะ เป็นอาหารพื้นบ้านของทางเหนือ รสชาติอร่อยถูกปาก ไม่อิ่มเติมได้ด้วยนะคะ แต่แค่นี้สำหรับเราถือว่าอิ่มมากแล้วจ้า 4.ดอยกิ่วฝิ่น เป็นสถานที่ที่เราตั้งตารอเลยทีเดียว สำหรับดอยกิ่วฝิ่น การเดินทางแนะนำว่าให้หารถที่เป็นคนในหมู่บ้านพาขึ้นมาจะดีกว่านะคะ ทางค่อนข้างอันตราย ถ้าคนไม่ชำนาญทางจริงๆ เราตกลงกับทางที่พักไว้แล้วค่ะ ว่าอยากมาเที่ยวบนดอยกิ่วฝิ่น เขาคิดราคาเหมานะคะ 5 คนขึ้นไปก็ตกคนละร้อยนิดๆ เรามารอชมพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ ช่วงเช้าอากาศกำลังดี หนาวแบบพอทนไหว ไม่ทรมานมาก 15 องศาโดยประมาณ ปลายกุมภาแล้วไม่มีหมอก เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเต็มสองตาเลย วิวข้างบนสวยมาก แถมเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างเชียงใหม่และลำปางด้วยนะคะ เหมือนได้ยืน 2 ที่ในเวลาเดียวกันเลย ขากลับลงมาจากดอยกิ่วฝิ่นพี่โชเฟอร์ใจดี พาแวะอีกหนึ่งที่เที่ยวน้ำตกแม่กำปอง น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลากันเลยทีเดียว แค่แวะถ่ายรูปนะคะไม่มีใครลงเล่นน้ำหรอก หนาวค่ะ 5.ลุงปุ๊ด & ป้าเป็ง มาถึงที่สุดท้ายที่อยากแนะนำถ้าหากว่าคุณไปที่แม่กำปองแล้วไม่แวะที่นี่คือพลาดมากนะ เพราะว่า ที่นี่เป็นร้านกาแฟที่ฮิตที่สุดในหมู่บ้าน ด้วยลักษณะภายนอกของตัวร้านเองที่ดูเรียบง่าย แต่ด้านในมีที่นั่งจิบกาแฟที่ติดริมธาร ได้ยินเสียงน้ำไหล แค่คิดว่าได้นั่งจิบกาแฟรสที่ชอบ กลิ่นกาแฟหอมๆกับอากาศดีๆและเสียงลำธาร แค่นี้ก็ฟินแล้ว และนี่ก็คือทั้งหมดสำหรับ 1 วันและ 1 คืนกับการเที่ยวหมู่บ้านแม่กำปองนะคะ รวมๆแล้ว ก็ถือว่าเที่ยวได้นะ แค่วันเดียวก็เที่ยวได้แล้ว ถ้าหากใครยังไม่เคยไป ขอให้ไปให้ได้สักครั้งในชีวิตนะคะ แล้วคุณจะหลงรักหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ลิงค์ที่พัก เฮือนอ้ายอู๊ด https://www.facebook.com/chiangmai.homestay.maekampong/?epa=SEARCH_BOX ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบทความของเรานะคะ สวัสดีค่ะ