รีเซต

รู้จัก "Free Dive" เทรนด์ดำน้ำสำหรับสาวๆ ที่ชอบอวดบิกินี

รู้จัก "Free Dive" เทรนด์ดำน้ำสำหรับสาวๆ ที่ชอบอวดบิกินี
ไทยรัฐ
2 กุมภาพันธ์ 2562 ( 12:14 )
1.3K

เรื่องของการถ่ายรูปลงโซเซียล ดูเหมือนจะเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกนิยม ไม่ใช่แค่เพียงสาวไทย แน่นอน...การมีรูปถ่ายที่สวย ดูคูล ยังไงก็ต้องตาต้องใจชาวโซเซียล เรียกไลค์เรียกคอมเมนต์ได้มากมาย ถ้ายิ่งได้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นรูปอาหาร ภาพท่องเที่ยว โดยเฉพาะโชว์หน้าอวดหุ่น...นี่ต้องไลค์รัวๆ จริง 

 

วันนี้ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จึงมีเทรนด์การถ่ายรูปมาแนะนำ แต่เป็นเทรนด์การถ่ายรูปในน้ำ หรือดำน้ำถ่ายรูป อวดหุ่นสวย โชว์บิกินี ที่เรียกว่า "Free Dive" (ฟรีไดฟ์) ซึ่งเราจะพาทุกคนไปรู้จักเทรนด์ดำน้ำถ่ายรูปแบบใหม่ ก่อนอื่นต้องบอกว่า...ไม่ใช่ว่าใครจะดำน้ำลงไปถ่ายก็ได้นะ มันต้องร่ำเรียนกันก่อน เพื่อความปลอดภัยในชีวิต และการได้มาซึ่งภาพสวยๆ ใต้น้ำแบบนี้ ต้องมีครูจ้า ซึ่งแน่นอนครูที่จะมาสอนเราฟรีไดฟ์ คือ "ดร.โป้ กุลเดช สินธวณรงค์" ผู้คว่ำหวอดในวงการโลกใต้น้ำ (Sea Mastermind) ไปค่ะ...เราไปเปิดโลกเรียนรู้พร้อมๆ กัน เชื่อซิ...โลกกลมๆ ใบนี้ยังมีอะไรน่าสนใจอีกมากมายนัก

กว่าจะได้ดำดิ่ง

สมัยก่อนคนจะรู้จักการดำน้ำรูปแบบเดียว คือ Scuba หรือการดำน้ำลึก ที่จะมีอุปกรณ์เกี่ยวข้องมากมาย ซึ่งบางคนรู้สึกว่าอุปกรณ์มันหนักมาก แล้วก็ใช้เวลาเรียนเยอะ คือต้องใช้เวลาเรียนถึง 4 วัน กว่าจะได้ใบประกาศ และลงไปดำดิ่งในใต้น้ำได้

อะไรคือ Free Dive?

ตอนนี้คนต้องการอะไรที่เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ก็จะมีการดำน้ำอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งก็อยู่ในน้ำได้นานเหมือนกัน ถ้าฝึกฝนถูกต้อง เราเรียกว่า "Free Dive" หรือฟรีไดฟ์

ง่ายแสนง่าย สะดวกแสนสะดวก

ชื่อก็บอกแล้วว่า Free แล้วก็ Dive คือการดำน้ำแบบอิสระ ก็คืออุปกรณ์นั้นมีแค่ฟินหรือตีนกบที่ยาวๆ เท่านั้น ซึ่งฟินของฟรีไดฟ์ มันจะยาวกว่าของการดำน้ำแบบสกูบา แต่กลับมีน้ำหนักเบามากเวลาที่อยู่ในน้ำ เพราะมันทำมาจากวัสดุพิเศษ จากนั้นก็มีแค่หน้ากาก เพียง 2 สิ่งนี้เราก็สามารถ Free Dive ได้แล้ว

ยุคแห่งการอวดภาพ

ฟรีไดฟ์ มันเหมาะมากๆ สำหรับยุคนี้ ยุคที่คนต้องการถ่ายรูปภาพ อวดรูปภาพ ต้องดำน้ำแบบฟรีไดฟ์ เพราะฟรีไดฟ์จะดำน้ำในระยะที่ไม่ลึกมาก ประมาณ 5-10 เมตร ซึ่งมันเหมาะเจาะกับการถ่ายรูปสวยๆ จริงๆ เพราะการลงน้ำแค่ 5-10 เมตร มันยังมีแสงสว่างส่องถึง ปะการังก็จะสวยๆ ทั้งนั้น ดังนั้นเราไม่ต้องดำน้ำลงไป 20 เมตรเหมือนสกูบา

ความแตกต่าง

มันแตกต่างจากการดำน้ำลึก ภาพที่ได้มันก็จะเบลอๆ จะไม่เห็นหน้าตัวเอง เพราะอุปกรณ์เยอะเต็มไปหมด แต่ฟรีไดฟ์มันจะได้ถ่ายรูปแบบเห็นใบหน้าตัวเอง เพราะมีแค่หน้ากากอันเดียว

เทรนด์คนไทย

ด้วยคนไทยชอบถ่ายรูป เวลาไปไหนก็อยากโชว์รูปสวยๆ ลงโซเซียลเป็นธรรมดา ทำให้ตอนนี้คนก็หันมาเรียนฟรีไดฟ์กันเยอะมาก เพราะมันใช้เวลาเรียนสั้น แค่ 2 วันก็สามารถดำน้ำแบบฟรีไดฟ์ได้แล้ว

ตำนาน..."Free Dive"

จริงๆ การดำน้ำแบบฟรีไดฟ์มีมาเป็นร้อยๆ พันๆ ปีแล้ว อย่างพวกชนเผ่าต่างๆ เขาก็ดำน้ำจับปลาจับของทะเลขึ้นมา แต่อันนั้นอาจผิดวิธี ก็เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตกันไป แต่ด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬาสมัยใหม่ เค้าก็เอามาฝึกให้ถูกต้องมากขึ้น ให้เป็นการใช้อย่างถูกต้อง สอนให้รู้ว่าอันตราย ถ้าเกิดฟรีไดฟ์ผิดวิธี มันจะเป็นอย่างไร

สุภาพสตรีชอบมาก

คุณสุภาพสตรีสามารถใส่บิกินีลงได้เลย คุณได้รูปสวยๆ ผู้ชายจริงๆ ใส่แค่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวก็ได้ เพราะมันไม่ลึก น้ำก็จะไม่เย็น แถมยังพร้อมถ่ายได้รูปสวยๆ ตลอดเวลา

เคลื่อนที่ไว โพสท่าได้มาก

นอกจากนี้คนชอบฟรีไดฟ์ เพราะมันสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วมาก เคลื่อนไหวอิสระจริงๆ ไปในทิศทางที่เราอยากจะไปได้เร็วมากๆ เพราะฉะนั้นการโพสท่าถ่ายรูป ก็โพสได้ไวด้วย แตกต่างจาก Scuba ที่ต้องกระดึ๊บๆ ค่อยๆ ไป เพราะอุปกรณ์มันหนัก

อยู่ท่ีเรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน

เมืองไทยเป็นสวรรค์ของการดำน้ำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสัตหีบ พัทยา เกาะเต่า เกาะหลีเป๊ะยิ่งเหมาะเลย ปะการังมันสวยกว่ามาก ดังนั้นต้องเรียนรู้ แล้วลองไปดำน้ำแบบฟรีไดฟ์ดู ถามว่าอันตรายมั้ย? ไม่อันตรายเลยถ้าฝึกเป็น แต่ถ้าอยู่ๆ ลงไปเอง แล้วกลั้นหายใจผิดวิธี โผล่ขึ้นผิวน้ำผิดวิธี ก็อาจเป็นอันตรายได้

เรียนรู้ยังไงบ้าง?

เรียนหลักๆ ก็คือ 1. เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย 2. การหายใจที่ถูกต้อง การกลั้นหายใจที่ถูกต้อง ซึ่งก่อนลงน้ำเราจะทบทวนการหายใจ เพื่อให้สมองจดจำว่า เราต้องหายใจแบบนี้นะ แล้วค่อยลงน้ำ คือปกติแล้วมนุษย์จะจำวิธีหายใจแบบเข้าๆ ออกๆ ตามปกติ

เปลี่ยนการหายใจ

การเรียนฟรีไดฟ์จะเปลี่ยนการหายใจแบบใหม่ เปลี่ยนการถ่ายเทคาร์บอนไดออกไซด์ ในรูปแบบเก็บออกซิเจนไว้ให้ได้นานที่สุด ทำให้เราเบิร์นออกซิเจนเวลาเราลงใต้น้ำได้น้อยที่สุด คือเราจะไม่ให้ปล่อยลมออกเวลาอยู่ใต้น้ำ เพราะลมที่ปล่อย ก็คือออกซิเจนที่ถูกปล่อยออกไปด้วย ซึ่งถ้าเผลอปล่อยออกมา เราอาจจะโดนแรงดันใต้น้ำได้

ตัวเล็กปอดใหญ่ ตัวใหญ่ปอดเล็ก

การเรียนรู้ก็ไม่ยาก แต่ถึงจะไม่ยากแต่ต้องเรียน ผู้หญิงบางคนที่เรียนตัวเล็กๆ แต่กลั้นหายใจได้เกือบ 5 นาที ผู้ชายบางคนตัวใหญ่ๆ กลับกลั้นหายใจได้แค่ 2 นาที ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับขนาดตัว มันเกี่ยวกับสรีระข้างในปอดเรา ถุงลมในปอด ว่าของแต่ละคนแตกต่างกันยังไง

กลัว กังวล อึดอัด เพราะ...

ถามว่าคนทำไม่ได้มีมั้ย ก็มี ด้วยเหตุผลส่วนใหญ่กลัว กังวล สมาธิไม่ดี แล้วก็รู้สึกอึดอัดเวลาลงไปอยู่ในน้ำ เพราะอุปกรณ์อีรุงตุงนังหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ฟรีไดฟ์ไม่มีอะไรให้อีรุงตุงนังเลย เรียนได้ไม่ยาก ถ้ามาเรียน จะรู้ว่าชอบ เพราะมันใช้เวลาน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าง่าย จนเอาไปฝึกเอง ไม่เห็นด้วยจริงๆ แนะนำให้ผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์สอนจะดีกว่า

น้ำทะเลมันเป็นยังไง?

การสอนเราก็จะมีสอบที่ทะเลนิดหน่อย เพราะถ้าไม่ไปทะเลจริงๆ เราก็ไม่รู้เลยว่า น้ำในทะเลเป็นยังไง มีคลื่นลมมั้ย ลงไปให้เราชิน เราก็สามารถฟรีไดฟ์ได้แล้ว

เหตุผลอะไรต้องไป...ฟรีไดฟ์

เสน่ห์ของฟรีไดฟ์คืออะไรนั้น จริงๆ เสน่ห์ของมันอยู่ที่ "ความสะดวกสบาย" มันทำให้รู้สึกจริงๆ ว่า "อิสระ" ไม่ผูกติดกับอะไร ไม่มีอุปกรณ์รกๆ เวลาอยู่ใต้น้ำ และเราจะมีสมาธิมากขึ้น เพราะมันเงียบสงบ นิ่งๆ ดูเป็นชีวิตที่สงบ คนก็เลยชอบ

ช่วยให้ขาเรียวยาว

อย่างที่ 2 คือการถ่ายภาพ คนอยากมีภาพสวยๆ มีโพสต์ของตัวเอง และสำคัญคือ ฟรีไดฟ์ทำให้คุณหุ่นดีด้วย เพราะตีนกบที่ยาว พอเราใส่ ขาเราก็ยาวขึ้น ขาก็สวย ผู้หญิงจึงชอบมาก บวกกับทะเลบ้านเราน้ำใสแจ๋ว คนจะรู้สึกชอบมากเลย

โอ้...ฟังแล้วเก๋มากๆ อยากจะไปลงน้ำบัดนี้เลย แต่...เดี๋ยวนี้ มันต้องไปเรียน ไปฝึกการหายใจก่อน แหม...มันก็แปลกแต่จริง คนเรามันต้องฝึกหายใจ น่าค้นหาจริงๆ กับเทรนด์ดำน้ำแบบนี้ ไว้มีโอกาส...ต้องรีบพุ่งตัวไปแน่นอน เพราะแค่ฟังก็ดูสนุกแล้วจ้า

เจอกันที่ใต้น้ำ สวรรค์แห่งการค้นหา...ความสวยงาม.