วันนี้ผู้เขียนพาทุกท่านขึ้นเหนือมากันอีกครั้งค่ะ ทริปนี้จะมาเอาใจคอประวัติศาสตร์ สำหรับใครที่ชอบของโบราณ และชอบเรื่องเล่าความเป็นมาของสถานที่และสิ่งของต่าง ๆ ทริปนี้จัดหนักจัดเต็มให้สุด ๆ เลย พูดไปจะหาว่าโม้ เอาเป็นว่าเราไปเที่ยวน่านแบบนักสำรวจกันเลยมาเริ่มกันที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน แน่นอนว่าเป็นที่ที่เก็บรวบรวมของเก่ามีคุณค่าคู่เมืองน่านมาไว้มากมายหลายอย่าง แถมตัวอาคารสีเหลืองที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและสถาปัตยกรรมตะวันตก ยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วย อาคารนี้พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่านทรงสร้างขึ้นเป็นที่ประทับเมื่อพ.ศ.2446 เรียกอีกชื่อว่าหอคำ ปัจจุบันมีอนุสาวรีย์ของพระองค์ประดิษฐานด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย โอรสของท่านได้มอบอาคารหลังนี้พร้อมที่ดินให้แก่รัฐบาล และใช้เป็นศาลากลางจังหวัดในปี พ.ศ.2475 ต่อมากรมศิลปากรได้รับมอบอาคาร และจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านในสมัยปี พ.ศ.2517 แต่ประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการในพ.ศ.2528 ค่ะ หอคำที่มีอายุมากกว่า 100 ปี เปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นเวลามากถึง 35 ปี ภายในอาคารได้มีการแบ่งส่วนการจัดแสดงไว้เป็น 2 ชั้น ซึ่งชั้นบนจะบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ซึ่งแบ่งได้อีกเป็นอีก 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ ห้องโถงใหญ่ ซึ่งเคยเป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกว่าราชการของเจ้าผู้ครองนครฯ ทั้งยังมีการจัดแสดงภาพถ่ายโบราณ เงินตรา อาวุธ หลักฐานศิลาจารึก และอีกมากมาย เรียกได้ว่าถ้าทุกท่านอยากรู้ว่าบ้านเมืองสมัยนั้นเป็นอย่างไร ห้ามพลาดห้องนี้เลยค่ะมาที่ห้องต่อไป คือ ห้องปีกอาคารและเฉลียง ใช้จัดแสดงโบราณวัตถุ ที่ถูกขุดค้นพบ และรวมไปถึงแสดงประวัติศาสตร์ศิลปะ ที่มีทั้งศิลปะสุโขทัยและศิลปะล้านนาให้ได้รับชมกันห้องสุดท้ายของชั้นบน ห้องนี้ทางพิพิธภัณฑ์บอกว่าเป็นไฮไลต์เลย เพราะเป็นห้องจัดแสดงงาช้างดำ ซึ่งเป็นสมบัติที่เรียกได้ว่าเป็นวัตถุมงคลคู่บ้านคู่เมืองน่านมาแต่อดีตกาล และมีจารึกอักษรล้านนาไว้ด้วยว่า “กิ่งนี้หนักหนึ่งหมื่นห้าพัน” หรือประมาณ 18 กิโลกรัม คาดว่าจะเป็นงาข้างซ้ายเพราะมีรอยเสียดสีอย่างเห็นได้ชัด ความเป็นมาของงาช้างดำไม่มีหลักฐานที่แน่นอน แต่มีตำนานบอกเล่าว่างาช้างดำมีขึ้นเพื่อเป็นการผูกมิตรระหว่างเมืองน่านและเชียงตุง ส่วนด้านล่างเป็นจุดจำหน่ายบัตร ของที่ระลึกต่าง ๆ และยังจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชาติพันธุ์ วิถีชีวิต ข้าวของเครื่องใช้ของชนเผ่าต่างๆ เรียกได้ว่าแค่สถานที่แรกเนี่ยก็เต็มอิ่มกับประวัติศาสตร์กันสุด ๆ ไปเลย และสถานที่ต่อไปก็บอกเลยว่า ถ้าไม่ไป เหมือนมาไม่ถึงน่านนะ ถ้าอยากรู้แล้วไปกันเลยค่ะ!หลาย ๆ ท่านน่าจะเดากันได้ใช่ไหมคะว่าผู้เขียนหมายถึงที่ไหน ใช่แล้วค่ะ วัดภูมินทร์นั่นเอง วัดนี้ถือเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองน่าน เพราะมีภาพจิตรกรรมฝาหนัง หรือฮูบแต้มที่ถูกวาดขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ซึ่งภาพที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ก็คือ “ภาพปู่ม่านย่าม่าน” หรืออีกชื่อคือ “กระซิบรักบันลือโลก” ผลงานของหนานบัวผันที่ must see และควรค่าแก่การถ่ายภาพเก็บไว้สุด ๆ และนอกจากภาพนี้แล้วก็ยังมีภาพอื่น ๆ ที่สวยและน่าสนใจมาก ๆ ซึ่งภาพวาดตลอดผนังทั้ง 4 ด้านของอุโบสถบอกเล่าความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีตได้อย่างดีทีเดียวค่ะ ซึ่งวัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ.2139 โดยเจ้าเจตบุตรพรหมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่านในขณะนั้น วัดนี้จึงมีอายุมากถึง 400 กว่าปี! สันนิษฐานว่าเดิมชื่อ วัดพรหมินทร์ มาจากชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหมินทร์ผู้สร้างวัด แต่ภายหลังอาจเรียกกันจนเพี้ยนเสียงมาเป็นวัดภูมินทร์แบบทุกวันนี้ ที่สำคัญภาพวัดนี้เคยปรากฏบนธนบัตรไทยราคา 1 บาทในสมัย ร.8 หากที่บ้านใครสะสมธนบัตรเก่า ๆ ลองนำออกมาชมกันได้นะคะโดยส่วนของอุโบสถ กรมศิลปากรสันนิษฐานว่าเป็นพระอุโบสถทรงจตุรมุขแห่งแรกของไทย นอกจากนี้ก่อนที่ทุกท่านจะเข้าพระอุโบสถ จะเห็นนาค 2 ตัวเอาหลังหนุนบันไดไว้ ซึ่งก็ตรงกับความเชื่อเกี่ยวกับนาคในพระพุทธศาสนาว่า “เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์ได้เสด็จผ่านบันไดแก้วที่เทวดาเนรมิตขึ้นและมีพญานาค 2 ตัวหนุนหลังเอาไว้” และภายในยังประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ถึง 4 องค์ด้วยกัน ทุกองค์จะหันพระพักตร์ไปยังประตูทั้งสี่ทิศ แล้วหันเบื้องพระปฤษฎางค์ชนกัน ไม่ว่าทุกท่านจะขึ้นทางไหนก็จะพบกับพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกทางเลยกลางวันก็ว่าสวยแล้ว ตอนโพล้เพล้ไปจนถึงย่ำค่ำ คือสวยมากจนหยุดมองไม่ได้เลย จบวันแรกไปอย่างน่าประทับใจ ผู้เขียนจึงเดินทางกลับที่พัก แต่กระซิบบอกก่อนว่าที่พักนั้นมีกิจกรรมดี ๆ รอเราอยู่ด้วย และถ้าอยากรู้ว่ากิจกรรมอะไร? พักที่ไหน? ผู้เขียนจะพาไปค่ะเช้าตรู่ของวันต่อมา ก่อนจะเริ่มทำกิจกรรม ณ ที่พัก ผู้เขียนพาทุกท่านไปยังวัดหนึ่งที่ว่ากันว่าสร้างขึ้นในสมัยเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง นั่นก็คือ วัดพระธาตุเขาน้อยค่ะ เราจะพาทุกคนไปกราบสักการะพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และชมบรรยากาศตอนพระอาทิตย์ขึ้น บอกเลยว่าไม่สามารถละสายตาจากวิวรุ่งอรุณแบบนี้ได้จริง ๆ วัดพระธาตุเขาน้อย สร้างขึ้นในสมัยเจ้าปู่แข็ง เจ้าผู้ครองนครน่านในขณะนั้น เมื่อ พ.ศ.2030 ตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย ส่วนของพระธาตุเป็นศิลปะพม่าผสมกับล้านนา บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่เมื่อพ.ศ.2449-2454 โดยช่างชาวพม่า จุดเด่นของที่นี่คือพระพุทธรูปองค์ใหญ่สูงถึง 9 เมตร มีนามว่า พระพุทธมหาอุตมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนักถึง 27 บาท! แถมตรงนี้ยังเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกในยามเช้าที่เห็นหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณหลังจากที่ได้สักการะและชมวิวกันเสร็จแล้ว เราก็เดินทางไปกลับที่พักของเรา เพื่อไปทำกิจกรรมเรียนรู้การทำช็อกโกแลตกัน เราจะเริ่มตั้งแต่เก็บผลโกโก้ไปจนถึงรังสรรค์ออกมาเป็นเมนูกันเลย สำหรับใครชอบกินชอบดื่มช็อกโกแลตต้องมา Cocoa Valley Resort กันนะ ที่นี่เป็นทั้งที่พัก คาเฟ่ และก็มีสวนโกโก้ด้วย แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วพอเรากลับมาถึงที่พัก Cocoa Valley Resort ก็จะมีเจ้าหน้าที่นำรถมาพาเราไปยังสวนโกโก้ เพื่อไปเก็บผลโกโก้ ส่วนตัวผู้เขียนบอกเลยว่าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย นี่คือครั้งแรก แล้วก็ได้จับผลโกโก้ครั้งแรก ระหว่างทางเดินก็จะมีการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโกโก้ แถมได้ชิมโกโก้สด ๆ ด้วย เจ้าหน้าที่ของทางโกโก้ วัลเล่ย์จะปล่อยให้เราเดินเล่นตามอัธยาศัย ถ่ายรูปเล่นในสวนสักพัก แน่นอนว่าผู้เขียนเก็บภาพมาฝากทุกคนด้วยค่ะ แล้วก็ถึงเวลาที่เรารอคอย กลับไปที่ Cocoa Valley Resort เพื่อทำเวิร์กช็อปการทำช็อกโกแลตกัน! อยากจะบอกว่าช็อกโกแลตที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ มันทั้งหอม แล้วก็อร่อยมาก แน่นอนว่าผู้เขียนเก็บภาพบรรยากาศบริเวณคาเฟ่มาให้รับชมกันค่ะสำหรับใครที่อยากมาทำเวิร์กช็อปเหมือนกันจะต้องจองล่วงหน้าก่อนนะ เพราะในแต่ละวัน เขามีเพียงแค่ 2 รอบเท่านั้น! สำหรับคนที่เข้าพักก็จะมีค่าใช้จ่าย 350 บาท แต่หากไม่ได้เข้าพัก จะมีค่าใช้จ่ายคนละ 500 บาท แต่แนะนำให้พักนะคะ เพราะว่าบรรยากาศในที่พักก็สวยมากเช่นกันสำหรับทริปนี้ ตัวผู้เขียนที่เป็นคนชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อยู่แล้ว บอกเลยว่าฟินมากค่ะ ได้อยู่ในที่ที่รายล้อมด้วยของเก่าแก่พร้อมเรื่องเล่า เป็นอะไรที่ผู้เขียนรักมาก ๆ เหมือนได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมืองน่านที่ยังคงความเป็นล้านนาและวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นไว้อย่างเหนียวแน่น ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลามาเที่ยว ส่วนศิลปะต่าง ๆ ก็ยังสวยงามและตราตรึงมาก ๆ เรียกได้ว่าเป็นทริปที่ถ้าให้กลับมาเที่ยวกี่ครั้ง ก็คงประทับใจและมีความสุขทุกครั้งเลยค่ะและสำหรับลูกค้าทรู หากไปเที่ยวน่าน อย่าลืมแวะที่เฮือนฝ้าย แม่จำปี เมื่อกินอาหารครบ 600 บาท รับฟรี เครื่องดื่มโซนกาแฟมูลค่า 50 บาท คลิกเลย!พิกัดสถานที่ในบทความ !! พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านวัดภูมินทร์วัดพระธาตุเขาน้อยCocoa Valley Resort ภาพถ่ายทุกภาพนักเขียนเป็นผู้ถ่ายเอง กำลังหาที่เที่ยวหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลก์คนที่ชอบ 'ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี'คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 11 สิงหาคม 2565