หากวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้คุณเบื่อกับถนนที่รถแสนจะติด เบื่อการอยู่บ้านเฉย ๆ แล้ว งั้นเราขออนุญาตพาทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านบทความนี้ กำเงิน หลักสิบ ไปพิชิตวิว หลักพันล้าน (ราคาของตึก) โลดแล่นไปบนแผ่นสายธารที่แล่นผ่านเมืองศิวิไลแห่งนี้กันครับ ยามที่แสงอาทิตย์สาดสีส้มแยงตา ลมชะลูดพัดแหวกไรผมปลิวต้องแสงที่ขอบฟ้า นภาเริ่มเปลี่ยนสี ก่อนที่ราตรีจะหลับไหลแสงไฟก็เข้าแทนที่ นาทีนี้นทีเป็นของเราเรามาเริ่มกันที่ ท่าเรือพรานนก อยู่บริเวณวังหลังซึ่งเป็นจุดเริ่มขึ้นเรือต้นทางของพวกเรา โดยสามารถหาวิธีไปยังบริเวณที่จุดขายตั๋วได้หลายวิธี เมื่อถึงจุดหมายบอกเจ้าหน้าที่ว่า ไปเรือธงฟ้า หยิบทรัพย์สินอันมีค่าที่แลกมาด้ายหยาดเหงื่อและคราบน้ำตา ใช้เพียง 1 ใบเขียว และ1 เหรียญสิบ = (30 บาท) (หรือจะเหรียญอื่นแบงค์อื่นก็ตามใจ) ใช่แล้วครับเพียงสามสิบบาทต่อคน (ข้าวแกงบางที่ยังซื้อไม่ได้เลยในยุคนี้) เมื่อได้ตั๋วเสร็จโปรดนั่งรอด้วยความใจเย็น มองสายน้ำ เรือแล่น ทำใจนิ่ง ๆ เข้าไว้ อย่าได้วู่วาม จุดหมายปลายทางเราคือดาดฟ้าเรือปัจฉิมลิขิต1. เราแนะนำว่าถ้าอยากได้วิวสวย ๆ และไม่ร้อนมาก ควรเอาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นก่อนเวลาประมาณ 17.30 น. เพราะคุณจะได้ไม่ต้องต่อแถวยาวและทันรอบที่แสงสวยพอดีสำหรับใครที่เอารถมาเอง สามารถไปจอดได้ที่1. ที่จอดรถเอกชนข้างร้าน Mediseenhealthcare ใกล้ ๆ ซอยอรุณอมรินทร์ 22 ราคาประมาณ 30 บาท/ชั่วโมง 2. ไปจอดที่วัด วัดอมรินทรารามวรวิหาร ราคา 40 บาท แต่ถ้าเกิน 19.30 น. เพิ่มอีก 10 บาท จากนั้นเดินตัด รพ.ศิริราช มายังท่าพรานนกได้เลยส่วนใครที่มาแบบไม่รถส่วนตัว- สามารถมายังวังหลังได้หลายวิธีตามอากู๋เอานะ แผน 1. จอดรถเอกชน ข้าง ๆ ซอยอัมรินทร์ 22 - ท่าเรือพรานนก และ แผน 2. จอดรถจากวัดอมรินทรารามวรวิหาร - ท่าเรือพรานนก เมื่อเรือเคลื่อนที่พาเราโลดแล่นไปบนผืนน้ำ บนดาดฟ้าขนาดใหญ่แห่งนี้มีผู้คนมากมาย หลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งที่เป็นเจ้าของประเทศและผู้ที่มาเยี่ยมเยียน ต่างเป้าหมายต่างความฝัน ท้องฟ้า สายน้ำ และสายลมเย็นพอจะทำให้ความหวัง และความทุกข์ถูกลบเลือนไปชั่วขณะ แสงแดดที่ทอแสงส้มสาดส่องกระทบขนตาเป็นประกายระยิบระยับ เช่นเดียวกับเส้นผมที่สยายต้องแสงอาทิตย์เป็นสีทองปลิวไสวไปตามแรงลม มิตรภาพและเสียงเซ็งแซ่เกิดขึ้นเมื่อเวลาเรือลำอื่นผ่านสวนกัน ใครคนนั้นที่เราไม่รู้จักแต่กับโบกมือทักทายชวนให้เกิดรอยยิ้มเปรอะเปื้อนบนใบหน้าก่อนมือโบกลาเมื่อเรือจากไป ยินดีที่ไม่รู้จัก : ) เราได้ชัยภูมิที่ดีพอสมควรเพราะตอนขึ้นมาก็เลี้ยวซ้ายไปจับจองอยู่โซนหลังสุด ทำตัวเป็นเด็กหลังห้องที่ไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนด้านหน้ามากนัก ผู้คนมากมายขึ้นมาบ้างลงไปบ้างสลับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่ตลอดตามท่าเรือต่าง ๆ ที่เรือแวะจอดจากพรานนกผ่านมหาราช ท่าช้างสู่ท่าเตียน แวะเวียนเขาวัดอรุณ วิ่งพุ่งเข้ายอดพิมานลอดผ่านสะพานพุทธ คนขึ้นชุกที่ราชวงศ์ มุ่งตรงล้ง1919 ผ่าน RIVER CITY ตึกสูงยาวเฉียดฟ้า ตระการตาน้ำพุไอคอนสยาม มุดลอดสะพานตากสิน จุดสุดสิ้นที่กงล้อสวรรค์ ณ เอเชียทีค จุดกลับตัว เวลาบอกประมาณ 18.30 น. เราก็ถึงที่หมาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที หลายคนลงที่นี่ เอเชียทีค เพราะเป็นจุดปลายทางและเพื่อเที่ยวต่อ ส่วนเรานั้นตั้งใจมาแค่นั่งเรือเล่นเฉย ๆ ทิ้งเวลาวันหยุดที่แสนจะเบื่อหน่าย ปล่อยอารมณ์ชมวิวไปกับสองข้างทางของสายน้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ จึงตัดสินใจกลับลำเดิม เพิ่มเติมคือย้ายที่ไปหน้าสุด (เปลี่ยนบรรยากาศ) และจ่ายค่าเรือที่เจ้าหน้าที่บนเรือในราคาเท่าเดิม คือ 30 บาทเพื่อนั่งย้อนกลับไปยังท่าเรือพรานนกที่ที่เราจากมา (หลังลำเราจะมีอีกหนึ่งลำเป็นลำสุดท้าย) ขากลับคนน้อยกว่าเดิมไหมเราไม่รู้ เพราะเบื้องหน้ามีวิว 100 % ท้องฟ้ายามนี้ที่แสงอาทิตย์สาดสีส้มแยงตาสดมากกว่าเดิม ลมชะรูดพัดแหวกไรผมของคนข้าง ๆ ปลิวต้องแสงจากขอบฟ้า ท้องนภาเริ่มเปลี่ยนสี ก่อนยามราตรีนี้จะหลับไหลแสงไฟของตึกก็เข้าแทนที่ ท้องนทีนี้เป็นของเรา และโชคดีมากตรงที่ขากลับเรือแวะมาจอดที่ท่าไอคอนสยามตามปกติ แต่คือมันถูกที่ถูกเวลาเพราะเบื้องหน้าคือ "น้ำพุเริงระบำตามจังหวะเสียงเพลง" มันช่างครื้นเครงสุดหัวใจ All the shine of a thousand spotlights All the stars we steal from the night sky Will never be enough Never be enough For me ...I say goodbye สำหรับสุดยอดไฮไลท์สุดท้ายของทริปนี้ก่อนที่ต้องลาจากเส้นทางสายนทีในยามราตรีจะไม่พูดถึงก็ไม่ได้ "วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร" กับแสงสีทองอร่ามไปทั่วทั้งองค์ มันช่างสวยงามสุดจะบรรยาย (ความรู้สึกคงเหมือนตอนที่แม่การะเกศไปเห็นพระปรางวัดไชยวัฒนารามแบบในหนัง) ก่อนที่ความสนุกสุดท้ายจะลืมลับไป เวลาผ่านไปไวเสมอเช่นเดียวกับความทุกข์ในใจของเรา หากปล่อยวางลงได้ ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เรียนรู้และเข้าใจ มีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่ และมีดับไปดั่งคำของพระพุทธองค์ คงเหลือไว้ซึ่งร่องรอยความทุกข์และความสุขภายในหัวใจ เช่นเดียวกับวงปีของต้นไม้ที่บ่งบอกความก้านโลกของฤดูต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นยังอยู่กับเราเสมอ ในไม่ช้าแสงของวันใหม่จะมาถึงราตรีนี้คงไม่มีคำว่าตลอดไป... วีดีโอ : https://www.youtube.com/watch?v=94vC0qR2Poo ภาพ : เสือซ่อนยิ้มเรื่อง : เสือซ่อนยิ้มMV : เสือซ่อนยิ้มเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !