เรื่องและภาพถ่ายโดยผู้เขียน หากคุณมีเวลาว่างใน 1 วัน อยากไปเดินเล่นที่ไหน ? จะว่าไปมีน้อยเมืองในประเทศไทยที่เหมาะแก่การเดินเล่นหรือปั่นจักรยาน ซึ่งส่วนใหญ่เรามักคุ้นชินแต่ในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เช่น บรู๊จ (Brugge) ในเบลเยี่ยม หรือเกียวโต ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเมืองที่สามารถเดินไปได้เรื่อย ๆ และก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้พบเห็นเป็นระยะ ๆ เพื่อแวะถ่ายภาพ หรือพักเหนื่อยชื่นชมความงาม ซึ่งเมืองในลักษณะดังกล่าวมีเพียงไม่กี่เมืองในประเทศไทย และจากการที่ผมได้ไปสัมผัสมาในหลาย ๆ เมืองของประเทศไทย พบว่าเมืองที่เหมาะแก่การเดินเล่นเพื่อเยี่ยมเยือนสถานที่ต่าง ๆ เสมือนเดินอยู่ในบรู๊จ หรือเกียวโต คือ "อำเภอเมืองน่าน" จังหวัดน่าน สัมผัสแรกที่ทาบทาเข้ามาเมื่อเข้าถึงตัวเมืองน่าน คือความอบอวนของงานสถาปัตยกรรมและศิลปวัฒนธรรมที่แสดงออกผ่านวัดวาอาราม อาคารบ้านเรือน และถนนหนทางที่เรียบง่าย สะอาด และงามตา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ผมเริ่มต้นทำความคุ้นเคยกับเมืองน่านด้วยการเข้ากราบถวายบังคมอนุสาวรีย์พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช อดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน ณ ลานหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ก่อนเข้าไปที่อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ซึ่งอาคารแห่งนี้ชวนสัมผัสถึงรากเหง้าของนครที่เรียบหรูแห่งนี้ ด้วยเคยใช้เป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนคร หรือที่เรียกว่า "หอคำ" ซึ่งตกแต่งด้วยลายปูนปั้นที่อ่อนช้อยเป็นงานศิลปะที่ผสมผสานความเป็นล้านนาอย่างสวยงาม ซึ่งภายในนอกจากจะเต็มไปด้วยโบราณวัตถุที่บอกเล่าความเป็นมาของชาติพันธุ์แล้ว สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่เก็บ "งาช้างดำ" ซึ่งพาดวางอยู่บนตัวครุฑสีน้ำเงินปีกทองแบกรับไว้ อันเป็นวัตถุโบราณที่ทรงคุณค่าคู่บ้านคู่เมืองชาวน่านมาอย่างยาวนาน วัดภูมินทร์ เมื่อก้าวเดินออกมาจากด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ไปยังเบื้องหน้าราว 5 นาที สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า คือ สถานที่สำคัญอันเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันน่าพิศชมของน่าน นั่นก็คือวิหาร "วัดภูมินทร์" สถานที่เก็บงานศิลปะอันเลื่องชื่อ อย่างภาพกระซิบรักบรรลือโลก "ปู่ม่าน ย่าม่าน" ภาพวาดโบราณยุคหลายร้อยปีที่ได้รับการยอมรับว่าวิจิตร มีมิติ งดงาม และลงตัว โดยเป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกระซิบสนทนากันด้วยท่าทางที่ชวนเป็นปริศนาว่าอะไรคือสารสารัตถะแห่งการส่งสารนั้น วัดพระบรมธาตุแช่แห้ง เป็นวัดที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะเฉพาะของช่างฝีมือชาวน่านอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบองค์พระธาตุ โดยการบุรอบองค์พระธาตุด้วยทองจังโก โดยชาวเมืองน่านมีความเชื่อกันว่าการได้เดินทางไปสักการบูชากราบไหว้นมัสการองค์พระธาตุแช่แห้งนั้นจะทำได้รับอานิสงค์อย่างแรงกล้า ทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุข แต่ทว่าคือกุศโลบายอันแยบคายของคนโบราณที่มุ่งหมายให้ผู้คนตั้งมั่นในความดีอยู่ในกรอบศีลธรรม และลดทอนการไม่เบียดเบียนกัน ถนนคนเดินหน้าวัดภูมินทร์ เมื่อตะวันเริ่มลับของฟ้า การเนรมิตลานหน้าวัดภูมินทร์ให้กลายเป็นถนนคนเดินได้เริ่มต้นขึ้น ความพิเศษคือการคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างพากันมานั่งรับประทานอาหารเย็นแบบขันโตกภายในบริเวณ "ข่วง" หรือลานกว้างหน้าวัดภูมินทร์ที่ได้ปูเสื่อรอต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองด้วยไมตรีจิตไว้แล้ว รายล้อมไปด้วยอาหารพื้นเมืองหลากหลายชนิดทั้งแกะโฮะ แกงฮังเล แกงแค แคบหมู ไส้อั่ว น้ำพริกอ่อง ฯลฯ พร้อมกับรับรสสัมผัสของการแสดงอันสะท้อนถึงอารยะและรากเหง้าอันยาวนานของชาวน่านด้วยการฟ้อนรำ และการบรรเลงดนตรีสะล้อ ซอ ซึง ที่เมื่อได้สดับรับฟังแล้วชวนลุ่มหลงให้อ่อนไหวหรือล่องลอยไปตามท่วงทำนองที่เนิบนาบ นุ่มนวล แต่แฝงเร้นความเผ็ดร้อนอยู่ในที ผมรู้สึกว่า 1 วันในน่านนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีิวิตวิถีแบบ Slow life นั้นดูจะเป็นเรื่องจริงที่น่าน แต่การใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้าของที่นี่นั้น ไม่ใช่การทำทุกสิ่งให้เชื่องช้าเพื่อประชดกาลเวลา แต่เป็นความเชื่องช้าเพื่อพินิจพิเคราะห์ในรายละเอียดของการใช้ชีวิตให้มีความประณีตบรรจง เพราะสิ่งรอบตัวนั้นเต็มไปด้วยคุณค่าที่อาจสร้างสรรค์ให้เกิดมูลค่า ซึ่งการใช้ชีวิตด้วยอากัปกิริยาของการเร่งรีบตามยุคสมัยนั้น ไม่อาจเข้าถึงได้ สำหรับผมการใช้ชีวิตในน่านนครจะดีกว่านี้ หากใน 1 วันนั้น มีมากกว่า 24 ชั่วโมง