สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านนะคะ มาพบกับดิฉันอีกเช่นเคย และในวันนี้ก็เหมือนเดิมค่ะ ดิฉันจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวกันอีกเช่นเคย ช่วงนี้หลายๆท่านคงอยู่ที่บ้าน ดังนั้นเรามาเตรียมตัวหาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปกันเถอะค่ะ เพราะหลังจากโควิดหมดเราจะออกเดินทางกันอีกครั้ง เพราะฉะนั้นในช่วงเวลานี้ ทุกท่านสามารถอ่านบทความของดิฉัน ที่จะมีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่แฝงมาตลอดการเดินทาง จะทำให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้เก็บเกี่ยวความรู้ และมีความเข้าใจในหลายๆสถานที่มากขึ้น โดยเฉพาะสถานที่ที่เป็นโบราณสถาน ดิฉันอยากให้ทุกท่านเข้าใจเรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยวผ่านจากตัวโบราณสถานมากขึ้น เพราะมันเป็นสิ่งที่สะท้อนเรื่องราวในอดีตได้ดีที่สุด ดังนั้นในวันนี้ดิฉันจะพาทุกท่านไปที่อาณาจักรสุโขทัยอีกเช่นเคย ต่อยอดจากคร่าวที่แล้วที่ไปวัดศรีสวายมา แต่วันนี้จะมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย ถ้าทุกท่านพร้อมแล้ว เราไปกันเลยค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวในวันนี้ก็คือ วัดศรีชุม ตั้งอยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย หากใครรู้จักวัดแห่งนี้คงจะพอทราบประวัติกันอยู่บ้าง เพราะวัดแห่งนี้มีความสำคัญตั้งแต่ครั่งอยุธยา และเป็นวัดที่สร้างตำนาน เรื่องเล่ากล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน เกี่ยวกับพระพูดได้ ทุกท่านรู้หรือไม่คะว่า วัดแห่งนี้มีพระประธานที่เป็นพระพุทธรูปสูงใหญ่ ปางมารวิชัย และเป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในหมวดพระสุโขทัย นามว่า พระอัจนะ ก่อนอื่นดิฉันขอเล่าถึงชื่อวัดศรีชุมกันก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไร วัดศรีชุมมาจากชื่อต้นไม้ในบริเวณของวัดที่มีเยอะมากคะ นั้นก็คือ ต้นพะยอม ซึ่งคำว่าศรีชุมมาจากภาษาบาลี แปลว่าต้นพะยอมนั้นเองค่ะ วัดแห่งนี้อาจจะไม่ใช่วัดใหญ่โตมาก แต่เชื่อว่าวัดแห่งนี้น่าจะมีพระอุโบสถขนาดใหญ่ แต่ในปัจจุบันเหลือไว้เพียงโครงเสากับด้านในพระประธานที่ยังพอสมบูรณ์อยู่ เนื่องจากการพังทลายลงตามกาลเวลา และกว่าจะพบวัดแห่งนี้ก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่ในปัจจุบันวัดศรีชุมได้รับการบูรณะ วัดแห่งนี้จึงถูกดูแลมาโดยตลอด แต่แม้อย่างอื่นจะพังทลายลง แต่พระประธานในวัดนี้ยังคงรูปแบบความสมบูรณ์ไว้เป็นอย่างดี พระอัจนะ นั้นทุกคนคงพอทราบว่าหมายถึงปาก นั้นจึงเป็นที่มาของพระพูดได้ ตอนนี้ทุกคนคงอยากรู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าพระพูดได้ยังไง เราจะย้อนไปในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงประกาศอิสระภาพจากพม่าเพื่อให้อยุธยาได้เป็นอิสระอีกครั้ง ดังนั้นเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไปก็มีหลายเมืองที่เลิกส่งเครื่องราชบรรณการไปให้พม่า เพราะหันแหมาร่วมมือกับสมเด็จพระนเรศวร แต่สุโขทัยยังคงส่งเครื่องราชบรรณการให้กับพม่าเหมือนเดิม ทำให้สมเด็จพระนเรศวรต้องยกทัพมาปราบและมาตั้งค่ายอยู่ที่วัดศรีชุมแห่งนี้ แต่ด้วยพระองค์ได้ทรงเห็นเหล่าทหารทดท้อใจ เพราะต้องรบกับคนไทยด้วยกัน พระองค์จึงขึ้นไปอยู่ข้างหลังพระแล้วเปล่งเสียงออกมาให้กำลังใจทหารอีกครั้ง ทำให้กองกำลังทหารมีแรงที่จะสู้และศรัทธาในพระอัจนะเป็นอย่างมาก ก่อนสมเด็จพระนเรศวรจะทำการถือน้ำพิพัฒน์สัตยา เพื่อเป็นการแสดงความหนักแน่นว่าแผ่นดินจะกลับมาเป็นของชาวไทยอีกครั้ง นั้นจึงเป็นที่มาของตำนานพระพูดได้ แต่เนื่องสิ่งอื่นใดคือท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวอยู่แล้ว เมื่อเราเข้าไปเราจะรู้สึกว่าเราตัวเล็กมาก เพราะท่านเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสุโขทัยก็ว่าได้ นี้ก็คือเรื่องราวของโบราณสถานในสมัยสุโขทัยที่มีตำนานเล่าถึง พระประธาน นามว่า พระอัจนะ ที่เป็นพระพุทธรูปที่มีความสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดในสุโขทัย ถึงแม้วัดแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่แต่ดิฉันก็สัมผัสได้ถึง ความศักดิ์สิทธิ์ของโบราณสถานแห่งนี้ ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญในประวัติศาตร์และด้วยบารมีของท่าน ทำให้สมเด็จพระนเรศวรเอาชนะสุโขทัยได้และรวมสุโขทัยให้เป็นหนึ่งกับอยุธยาอีกครั้ง เพื่อคืนแผ่นดินอันอิสระให้แก่เราชาวไทยทุกคนได้อยู่จนถึงปัจจุบันนี้ และหากท่านมีโอกาสได้ออกเดินทางอีกครั้ง อย่าลืมที่จะแวะไปกราบไหว้พระอัจนะ ที่วัดศรีชุม อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยกันนะค่ะ. เครดิตภาพปกและภาพถ่าย:โดยผู้เขียน