หากใครกำลังมองหาสถานที่เที่ยวที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติพร้อมส่องผีเสื้อหลากชนิด เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเดิม ๆ ให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น ทั่วทั้งกรุงเทพฯ คงไม่มีที่ไหนที่ทำให้เราได้ใช้เวลากับสัตว์ตัวเล็ก ๆ และใกล้ชิดกับธรรมชาติได้เท่าที่นี่อีกแล้ว ทั้งได้ผ่อนคลายและได้ทำกิจกรรมสนุก ๆ “อุทยานผีเสื้อและแมลง” อุทยานลับที่น้อยคนนักจะรู้จัก ซ่อนตัวอยู่ภายในสวนวชิรเบญจทัศ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อสวนรถไฟ เป็นสถานที่เรียนรู้ทางกีตวิทยาที่เราสามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ และเพลิดเพลินไปกับเหล่าผีเสื้อที่โผล่มาให้เห็นอย่างใกล้ชิด เป็นสถานที่ที่ไม่ว่าเราจะไปซ้ำกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ทุกคนเคยสังเกตกันหรือไม่ว่าสมัยก่อนผีเสื้อเป็นสัตว์ที่พบเจอได้ง่ายมาก แค่เดินผ่านบริเวณแปลงดอกไม้ผีเสื้อก็โผล่มาให้เห็นแล้ว แต่อาจเป็นเพราะโลกเปลี่ยน หลายสิ่งเลยเปลี่ยนตาม ปัจจุบันเราจึงเห็นผีเสื้อน้อยลงเรื่อย ๆ จนน่าใจหาย ทริปเที่ยวปล่อยใจของเรากับเพื่อนจึงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง รอบนี้เป็นการชวนกันเดินเล่นในสวนรถไฟ แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ที่เน้นหาของกินอร่อย ๆ หามุมสวย ๆ ถ่ายรูป ในหัววางแพลนเอาไว้ว่าเรากับเพื่อนจะมาเดินเล่นชิล ๆ รับลม สำรวจทางไปเรื่อยเปื่อย แต่พอเอาเข้าจริงกลับมาเดินหลงทางอยู่กลางสวนเสียได้ บรรยากาศเงียบสงบตลอดทาง จะมีก็แต่เสียงนกร้องกับเพื่อนของเราที่พูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหู ทิวทัศน์โดยรอบเป็นต้นไม้สูงใหญ่ คลองทอดเป็นแนวยาวขนานไปกับไม้พุ่ม ข้างคลองก็มีเก้าอี้ตั้งไว้ให้สำหรับนั่งชิลริมน้ำ ผู้คนส่วนใหญ่พากันมาวิ่งจ๊อกกิ้งบ้าง ปั่นจักรยานบ้าง หากเดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจออาคารหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ใจกลางต้นไม้เขียวขจี สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่คล้ายโรงเรือนกระจกผสมกับโดมยักษ์ รอบนอกคลุมด้วยตาข่ายให้ภายในมีอากาศถ่ายเท ด้านหน้ามีเก้าอี้ตั้งเรียงเป็นแนวใต้ชายคาที่ยื่นออกมา ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นขึ้น แถวนั้นเองที่เราบังเอิญเจอน้องแมวเจ้าถิ่นตัวกลม เจ้าตัวเดินตรงมาให้เราลูบถึงที่เลย แมวตัวนี้ก็คงชอบความสงบเหมือนกันถึงได้มาเดินอยู่แถวนี้ ภายในมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดอยู่สองคน พี่ ๆ เจ้าหน้าที่บอกให้เรากรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนเข้าชมทางออนไลน์ เราไม่แน่ใจแต่ว่าควรลงทะเบียนทั้งคู่มั้ย เพราะในแบบฟอร์มมีถามจำนวนคนที่ไปด้วย แต่วันที่ไปเรากับเพื่อนก็กรอกข้อมูลครบกันทั้งสองคนเลย เรากับเพื่อนเดินสำรวจกันอยู่พักใหญ่ ภายในเป็นโถงทางเดินที่ไม่กว้างนัก จัดแสดงผีเสื้อและแมลงบางส่วนที่ถูกสตาฟไว้ ให้ความรู้สึกราวกับว่ามันกำลังบินอยู่ตรงหน้าเราจริง ๆ พร้อมทั้งระบุสายพันธุ์และข้อมูลต่าง ๆ ไว้ด้วย สำหรับนักเรียน นักศึกษา ถ้าได้มาทัศนศึกษาที่นี่ก็คงได้ความรู้กลับไปเยอะน่าดู แต่มีอยู่จุดนึงของโซนจัดแสดงที่เรารู้สึกชอบที่สุด “อาหารของผีเสื้อ” เป็นกล่องใสขนาดใหญ่ที่ด้านในมีการจำลองแหล่งน้ำ เต็มไปด้วยก้อนกรวดกับใบไม้แห้ง และรายล้อมด้วยหินก้อนใหญ่ บนนั้นมีฝูงผีเสื้อเกาะอยู่และมีบางส่วนกำลังกินน้ำ ทั้งสวยงามและลงตัวจนเราแทบละสายตาไปไหนไม่ได้ ถัดไปจะมีประตูกั้นระหว่างโซนจัดแสดงกับโรงเรือนที่เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์ผีเสื้อ ถึงจะดูคล้ายกับเรือนกระจก แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าพวกมันทำมาจากตาข่าย พอเปิดประตูเข้าไปสิ่งแรกที่รู้สึกคือภายในมีอากาศเย็นและชื้นมาก อีกทั้งสัมผัสได้กับละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในอากาศจากการเปิดสปริงเคิลเป็นระยะ ภายในโรงเรือนปลูกพืชพรรณไว้หลายชนิดจึงจำเป็นต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ ต้นไม้สูงใหญ่และพุ่มดอกไม้เตี้ย ๆ ที่ให้ร่มเงาและเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเหล่าผีเสื้อ ไม่ว่าจะเป็น ต้นกล้วย ต้นทองอุไร ดอกทานตะวันแม็กซิโก และยังมีอีกมากมายหลายชนิดที่เราไม่รู้จักถูกปลูกเอาไว้จนเต็ม ถ้าเดินเข้ามาจนสุดจะเห็นบันไดที่ทำจากหินเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในปราสาทยุคกลางอย่างไรอย่างนั้น บันไดลาดยาวเป็นทางสำหรับขึ้นมายังชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นลอยที่มีระเบียงยื่นออกมาทำให้เราสามารถมองเห็นวิวในมุมสูงได้ พอลองมองดูดี ๆ บนนี้ก็มีผีเสื้อเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ไม่ต่างจากด้านล่างเลย การเข้ามาในนี้มีเงื่อนไขอยู่ว่าห้ามส่งเสียงดัง พยายามอยู่เงียบ ๆ เข้าไว้ ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตตามธรรมชาติของเขาไป เราเพียงแค่เข้ามาคอยสังเกตอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น ส่วนมากที่สังเกตได้จะเป็นผีเสื้อกลางวันบางตัวกำลังตอมดอกไม้ หรือบินไปบินมาบ้าง แต่จะมีบางตัวเกาะอยู่ตามพื้น เดินดี ๆ ระวังเหยียบด้วยนะ ผีเสื้อในนี้มีหลายขนาดและหลายสีสันมาก บางตัวมีสีที่โดดเด่นสะดุดตาชวนให้อยากเข้าไปมองใกล้ ๆ แต่บางตัวหากไม่สังเกตดี ๆ ก็มองแทบไม่เห็น เพราะสีสันที่กลืนไปกับต้นไม้ แถมผีเสื้อส่วนมากยังมีขนาดใหญ่กว่าผีเสื้อที่เราเคยพบเจอมา ผีเสื้อตัวโตที่สุดที่เราเห็นน่าจะมีขนาดเท่าฝ่ามือได้ เราคิดว่าผีเสื้อที่นี่ไม่ค่อยกลัวคนเท่าไหร่ ที่นี่ผีเสื้อเปรียบเสมือนเจ้าบ้านและเราเป็นแขกที่มาเยี่ยมเยือน บางตัวบินไปบินมา แสดงพฤติกรรมของผีเสื้อตามธรรมชาติออกมาให้เราเห็นอย่างชัดเจน แถมยังไม่หลบซ่อนผู้คน หรือหนีไปไหนอีกด้วย สายถ่ายรูปห้ามพลาด โอกาสดี ๆ แบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะ สำหรับใครที่มีแพลนจะมาในช่วงหน้าร้อน เราแนะนำให้พกของกินรองท้องไปด้วยเพราะในสวนรถไฟกว้างมาก อาจจะเดินหาจุดขายของได้ยากนิดนึง และที่สำคัญอย่าลืมพกหมวก ขวดน้ำ และยาดม ติดตัวไปด้วยนะ ตอนขามาเรากับเพื่อนพากันเดินหลงทางอยู่ตั้งนาน เดินอ้อมไปอ้อมมา จนเพื่อนเราเกือบเป็นลมเพราะอากาศร้อน แต่โชคดีที่ขากลับมีคุณลุงเจ้าหน้าของอุทยานช่วยบอกทางกลับให้ แล้วก็สามารถมาเดินเล่นที่นี่กันได้ทุกวันเลยนะ แต่เว้นวันพุธไว้วันนึงให้พี่เจ้าหน้าที่และเจ้าผีเสื้อตัวน้อยได้พักผ่อนบ้าง แถมสมัยนี้เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้นกว่าแต่ก่อน เรากับเพื่อนขึ้น MRT มาลงที่สถานีสวนจตุจักร แล้วเดินทะลุสวนจตุจักรมาจนถึงสวนรถไฟ แต่ใครที่ไม่อย่ากเดินก็ซ้อนท้ายพี่วิน้องมาได้นะ ประหยัดเวลาดีด้วย เราอยากให้ทุกคนได้มาชมความสวยงามของอุทยานแห่งนี้สักครั้งจริง ๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มาดูอะไรแบบนี้ด้วยตาตัวเอง และเป็นครั้งแรกของเราด้วยที่ได้เห็นผีเสื้อเยอะมากในระยะใกล้ขนาดนี้ ถึงจะแอบเสียดายนิดหน่อยที่ไปแล้วไม่เจอแมลงตัวเป็น ๆ เลยก็ตาม แต่คงปฎิเสธไม่ได้ว่าทริปนี้เป็นทริปที่สนุกมากอีกทริปหนึ่ง สุดท้ายนี้หวังว่าทุกคนจะสนุกและเพลิดเพลินไปกับบทความที่เราเขียนนะคะ ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !