ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาตัวผมนั้นได้ไปเปิดประสบการณ์เดินป่าอุทยานครั้งแรกในชีวิตของผม นั่นก็คืออุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ที่ตัวผมเลือกที่นี่ เพราะเดินทางง่ายสะดวก เพียงแค่ขึ้นรถไฟสายภาคเหนือ ลง ณ สถานีขุนตาน ก็จะสามารถเดินขึ้นอุทยานได้เลย ทางขึ้นอุทยานจะอยู่ติดกับสถานีรถไฟมองเห็นได้ง่ายๆการที่จะเดินป่าอุทยานสิ่งที่ต้องเตรียมก็คือ ร่างกาย และ อุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งใช่ครับ สิ่งที่ผมตัวมีแต่อุปกรณ์ แต่ไม่ได้เตรียมเรื่องร่างกายไป(หอบแหกๆเลยครับ55555) ปกติผมเองเป็นคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย น้ำหนักตัวก็เยอะ เดินป่าเข้าไป จะเป็นลมครับ แต่ถ้าเราไม่ได้แข่งกับใคร เดินเรื่อยๆ หยุดพักบ้าง สุดท้ายก็เดินจนถึงได้ครับอุปกณ์สำคัญที่ต้องเตรียมไปคือกระเป๋าเดินป่า ทำไมถึงเป็นสิ่งแรกที่ผมแนะนำ กระเป๋าเดินป่าออกแบบมาสำหรับการรองรับน้ำหนักที่มาก ทำให้เวลาสะพายแล้วการส่งแรงและน้ำหนักทำให้เราไม่รู้สึกหนักมากเหมือนกระเป๋าทั่วๆไป เพราะมีอุปกรณ์หลายอย่างที่เราต้องพาขึ้นไปไม่ว่าจะน้ำดื่ม เต๊น ถุงนอนต่างๆไม้เท้าเดินป่า ไม้เท้าเดินป่าเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการเดินป่า จะช่วยเวลาที่เราต้องเดินขึ้นเนินที่ชั่น ยังช่วยค้ำยันเวลาเราเดินลงเนินได้อีกด้วย ได้ใช้ทั้งเวลาขึ้นและเวลาลงยาต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ยาแก้แพ้ เพราะในป่าเราอาจจะเกิดอาการแพ้สิ่งต่างๆที่เราไม่รู้ เป็นยาที่สำคัญ ยากันยุง เพราะในป่ายุงเยอะมากกก การเดินทางขาไป การเดินทางมาอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลนั้นเดินทางได้ง่ายๆด้วยรถไฟ ผมเองเดินทางมาจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ขุนตาน ด้วยขบวนรถไฟที่ 13 ปลายทางเชียงใหม่ ชั้น2แบบพัดลม(ไม่มีเตียงนอน) ราคาตั๋วอยู่ที่ 444บาท เริ่มออกจากกรุงเทพ เวลา20:05 ถึงเวลาสถานีขุนตาน เวลา07:32(รถผมมาถึงเลทไป1ชม.T T) แผนการเดินทาง ก่อนอื่นขออธิบายก่อนว่า หลังจากที่เราลงรถไฟแล้ว ยังไม่ถึงอุทยานนะครับ เราต้องเดินขึ้นอุทยานมาตามทางเข้าอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ หรือถ้าอยากขึ้นไปเริ่มด้านบนเลย สามารถใช้บริการรถพาขึ้นได้ ราคาเหมา300บาทต่อรอบ(แนะนำให้หาคนหารสัก6คนครับ ตกคนละ50บาท)การเดินทางจะเริ่มจาก สถานีรถไฟ->ทางเข้าอุทยาน->จุดเริ่มเดิน->ย.1->ย.2(จุดกางเต๊น)->ย.3->ย.4 **(ย. ย่อมาจากคำว่า จุดยุทธศาสตร์)วันเดินขึ้น ประมาณ 5กิโล (ถ้าไปน้ำตกตาดเหมยไปกลับ4กิโล วันแรกก็จะเดิน9กิโล)วันเดินลง ประมาณ 9กิโล จากสถานีรถไฟ - ทางเข้า,ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ประมาณ2กิโลทางเข้าอุทยาน เราจะต้องทำการแจ้งชื่อเข้า แสดงบัตรประชาชน แจ้งเบอร์โทรศัพท์ และชำระค่าเข้าอุทยาน 20 บาท แล้วเข้าไปอีกนิด จะเป็นศูนย์บริการที่ทำการอุทยาน เพื่อที่ทำการจ่ายค่ากางเต๊นอีกคนละ30บาท(ซึ่งใบเสร็จตัวนี้จะต้องเก็บเพื่อไปแสดงตัวตรงจุดเริ่มเดินอีกครั้ง) ณ ศูนย์บริการนี้สามารถทำการเช่าเต๊น ถุงนอน หมอน และอุปกรณ์ต่างๆได้ สามารถขอปั๊มตราอุทยานบนสมุดอุทยานเพื่อเก็บแต้มได้ที่นี่ ถ้าต้องการกางเต๊นที่ลานชมดาวใกล้ๆกับศูนย์บริการ(ลานชมดาว) เจ้าหน้าที่จะทำการกางเต๊นให้เราเลย แต่ถ้าต้องการขึ้นไปกาง ณ จุดย.2 เราจะต้องทำการสะพายเต๊นขึ้นไปกางเองครับ ตรงจุดนี้จะเป็นจัดถ่ายรูปที่ทุกคนจะต้องมาถ่ายเลยครับ จะเป็นถนนเส้นแบ่งระหว่างจังหวัดลำปาง-ลำพูน เพียงแค่เราก้าวข้ามถนน ก็เหมือนมาถึง2จังหวัดเลยจากทางเข้าอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล - จุดเริ่มเดิน ประมาณ1.6กิโลณ จุดเริ่มเดินนี้จะเป็นการเริ่มเดินของจริง ก่อนอื่นเราก็จะเอาตั๋วที่เราจ่ายค่ากางเต๊นมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะขอเก็บบัตรประชาชนเราไว้(ให้มารับหลังจากลงมาแล้ว) เจ้าหน้าที่จะให้ถุงดำเพื่อเก็บขยะ(อย่าทิ้งขยะบนอุทยานกันนะครับ) หากกระเป๋าเราหนักจะไม่มีการเหมารถขึ้น หรือ ลง ต้องเดินด้วยตัวเอง แต่ก็ยังสามารถจ้างบริการหาบของได้เช่นกัน คิดค่าบริการจ้างหาบอยู่ที่ กิโลละ15บาท ทางลูกหาบจะเอากระเป๋า ไปไว้ที่ทางขึ้น ย.2ให้เราเลย(เดินตัวปลิวเลย) หรืออยากจะสะพายกระเป๋าเองเพื่อความท้าทายก็ได้นะครับจากจุดเริ่มเดิน - ย.1 ประมาณ 150เมตรณ จุดย.1 จะเป็นจำพวกบ้านพักต่างๆที่ทำการจองกับอุทยานไว้ ซึ่งมีหลายโซน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่คืนละ 500 บาท ต้องทำการจองผ่านช่องทางที่อุทยานแจ้งไว้เท่านั้นครับจากจุด ย.1 - ย.2 ประมาณ 1.2กิโล ระหว่างทางการเดินทางไป ย.2 จะมีป้ายต่างๆบอกเราว่าจะต้องเดินทางไปทางไหน ซึ่งทางสามารถเดินได้ทั้งทางถนน และ ทางเดินเท้า(ทางเดินเท้าจะเป็นทางลัด เดินได้ไวกว่า) ระหว่างนี้ก็จะมีจุดชมวิว ให้ได้แวะถ่ายภาพ และมีจุดนั่งพักเป็นจุดๆ ให้เราได้พักตลอดเส้นทาง และจุดย.2จะเป็นจุดที่คนส่วนใหญ่จะมาหยุดกางเต๊นและพักที่นี่(ขึ้นมาจุดกางเต๊นบอกเลยว่าหอบกิน เพราะทางขึ้นชันมาก) เพื่อรอไปที่ยอดในรุ่งเช้าของวันถัดไป หลังจากมาถึงย.2แล้ว ก็จะมีเวลาเหลือเยอะ ส่วนใหญ่ก็จะเดินไปต่อที่น้ำตกตาดเหมย ระยะทางจากย.2ประมาณ2กิโลจากจุด ย.2-ย.3 ประมาณ 3กิโล หลังจากที่กางเต๊นย.2กันแล้ว คนส่วนใหญ่จะเริ่มเดินไปย.4 กันเวลาประมาณตี4(แนะนำให้ตื่นมาสักตี3เก็บเต๊นให้เรียบร้อยแล้วเอากระเป๋าไปฝากตั้งไว้ที่ร้านค้าด้านล่างย.2 แล้วเดินด้วยกระเป๋าใบเล็กๆ เบาๆ เพื่อไปย.4)ระหว่างทางไปย.4 ทางจะไม่ชันมาก แต่ต้องระวังให้ดี ด้วยช่วงเวลาที่มืด และทางแคบเสี่ยงที่จะตกเขาได้ ให้เดินระมัดระวัง ช้าๆ ไม่ต้องรีบจากจุด ย.3-ย.4ประมาณ 1กิโลจากจุดนี้ ตรงย.3จะเป็นพื้นที่ของเอกชน สามารถมาพักได้ แต่ต้องจองพื้นที่กับทางม. พายัพก่อน ถ้าพักย.3วันแรกจะเดินไกลหน่อย แต่ได้ขึ้นไปย.4คนแรกแน่นอนครับ ระหว่างทางใกล้จะถึงย.4จะเป็นเนินวัดใจ ตรงนี้จะชันหน่อย แต่ความรู้สึกเหมือนเราใกล้จะเข้าเส้นชัย สมชื่อว่าเนินวัดใจ ถ้าเราท้อเราก็ไม่ถึงเส้นชัย เมื่อขึ้นไปถึงย.4แล้วก็จะเป็นจุดสูงสุดของดอยขุนตาล ถือว่าเราได้มาพิชิต เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ จะมีจุดถ่ายรูป ป้าย และจะมีธงชาติไทยอยู่ข้างบนนั้น(ผมเดินมาช้าหน่อยมาตอนสว่างเกินไป แต่วันที่ผมมาเป็นวันที่เมฆปิด ไม่มีใครได้เห็นพระอาทิตย์เลยครับ)จากจุด ย.4-สถานีรถไฟ ประมาณ9กิโลเมื่อเราพิชิตยอดดอยขุนตาลได้แล้ว เราก็เดินทางยาวๆกลับไปที่สถานีรถไฟเลย เดินลงสบายมาก ไม่เหนื่อยเลยครับ ตามที่ผมได้แนะนำให้ฝากกระเป๋าไว้ เมื่อเวลาเรากลับมาที่ย.2 ไม่ต้องขึ้นไปลานสนเพื่อไปเก็บเต๊น(เพราะทางขึ้นกางเต๊นชั้นมากกกก) เราสะพายกระเป๋า แล้วเดินต่อลงไปได้เลยทันที หลังจากถึงสถานีรถไฟแล้ว ก็นั่งรอรถไฟกลับบ้านได้เลยครับ ถ้าอยากอาบน้ำก็แนะนำมาอาบตรงสถานีรถไฟได้ จะมีห้องน้ำของร้านค้าแถวนั้น ให้อาบได้ในราคา20บาท(ถ้าเราอาบจากอุทยานแล้วเดินลงมา ผมคิดว่าคงได้อาบใหม่อยู่ดีครับ55555) ทางสถานีรถไฟจะมีปลั้กให้บริการ เสียบชาร์จแบตเตอร์รี่ พาวเวอร์แบงค์ได้นะครับการเดินทางขากลับ จากสถานีรถไฟขุนตาน-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ด้วยขบวนรถไฟที่ 52 ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ชั้น2แบบพัดลม(ไม่มีเตียงนอน) ราคาตั๋วอยู่ที่ 404บาท เริ่มออกจากขุนตาน เวลา16:50 ถึงเวลาสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา05:10(มาถึงตรงเวลา นั่งรถกลับห้องแล้วเข้างานต่อเลย08:30 ปวดขามากกกครับ)ก็จบกันไปนะครับ สำหรับประสบการณ์การเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ที่ตัวผมเองนั้นได้ไปสัมผัสมา อยากจะบอกว่า เดินทางสะดวกมากครับ และการเดินป่าก็เดินได้ง่ายในเรื่องของเส้นทาง มีเส้นทางและป้ายชัดเจน ไม่หลงแน่นอนครับ จากในภาพอาจจะดูเหมือนผมแต่งตัวชิล ใส่รองเท้าแตะ อยากจะบอกว่า พาผ้าใบมาครับ แต่ดันลืมใส่ถุงเท้ามา ถ้าใส่ผ้าใบแบบไม่มีถุงเท้า คงเจ็บแน่ๆ ผมเลยใส่รองเท้าแตะแทนครับ ภาพประกอบบทความทั้งหมดผู้เขียนถ่ายเองครับ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !