ท่ามกลางความจอแจวุ่นวายของยวดยานพาหนะโดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ที่แข่งกันบีบแตรส่งเสียงไปพร้อม ๆ กับการฉวัดเฉวียนวาดลวดลายเบียดแข่งกันบนท้องถนน ซึ่งถือเป็นอัตลักษณ์และภาพจำเป็นอย่างดี ของ เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามที่เป็นเมืองแห่งการสัญจรด้วยรถมอเตอร์ไซค์ หากจะว่าไปแล้ว เมืองโฮจิมินห์แห่งนี้ นอกเหนือจากการสัญจรด้วยยวดยานพาหนะต่าง ๆ แล้ว วิธีการ เดินเท้าเพื่อท่องเที่ยวและสำรวจ สิ่งต่าง ๆ ภายในเมืองโดยเฉพาะงานสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนอนุรักษ์ต่าง ๆ ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย เนื่องจากตึกเก่าที่มีความสวยงามมาก โดยเฉพาะสไตล์โคโลเนียล (Colonial Style) ซึ่งก็คือการผสมผสานงานสถาปัตยกรรมระหว่างตะวันตกและตะวันออก รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ภายในเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน จึงมีความสะดวกสบายและเหมาะแก่การเดินสำรวจท่องเที่ยวพอสมควร แม้อากาศจะร้อนไปนิดแต่สำหรับใครที่ต้องการประหยัดเงินค่าเดินทาง และต้องการซึมซับบรรยากาศ เพื่อให้เข้าถึงความเป็นไปของชาวโฮจิมินห์ในเชิงลึก ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับงานสถาปัตยกรรมที่แรกที่อยากแนะนำให้รับชมกันในวันนี้ ก็คือพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองโฮจิมินห์หรือ Ho Chi Minh City Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและย่านธุรกิจที่สำคัญของโฮจิมินห์ ด้วยความโดดเด่นสวยงามของสถาปัตยกรรมตัวอาคารพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่ผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก จึงทำให้กลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาเยี่ยมชมและศึกษาหาข้อมูลกันอย่างมากมาย โดยพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองโฮจิมินห์แห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี 1890 โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เพื่อใช้เป็นที่ทำการของรัฐบาลฝรั่งเศสที่เข้ามายึดครองประเทศเวียดนามในขณะนั้น ในฐานะประเทศอาณานิคม ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้รัฐบาลได้จัดตั้งให้เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองโฮจิมินห์เมืองโฮจิมินห์ เพื่อจัดแสดงและบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ศิลปะ วัฒนธรรม เครื่องแต่งกาย การค้าการลงทุน เงินตรา เหรียญกษาปณ์ ตลอดจนเรื่องราวของโฮจิมินห์ วีรบุรุษและนักปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่ของเวียดนาม รวมทั้งเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศเวียดนามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สถานที่ต่อไปคือศาลากลางนครโฮจิมินห์ หรือ Ho Ci Minh City Hall ซึ่งตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสใจกลางเมือง โดยบริเวณด้านหน้าเป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์ของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของเวียดนามคือ "โฮจิมมินห์" อดีตประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม โดยอาคารแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1908 ซึ่งสร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่มีความสวยงามมากโดยเฉพาะลวดลายปูนปั้นที่ประดับรอบอาคาร ซึ่งปัจจุบันไม่อนุญาตให้เข้าชมภายใน เนื่องจากเป็นทีทำการของส่วนราชการต่าง ๆ ในนครโฮจิมินห์ แต่สามารถเดินชมบริเวณรอบตัว ๆ อาคารได้ งานสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลแห่งต่อไปก็คืออาคารไปรษณีย์กลางของนครโฮจิมินห์ ซึ่งถือเป็นอาคารไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในประเทศเวียดนาม โดยอาคารแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1896 หรือประมาณ 100 กว่าปีผ่านมาแล้ว โดยตัวอาคารเป็นสีเหลืองงดงามภายใต้งานสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ที่เป็นการผสมผสานงานสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกกับตะวันออกได้อย่างดงามลงตัว ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ยังคงใช้เป็นที่ทำการไปรษณีย์ที่มีผู้แวะเวียนมาเยี่ยมชมความงดงามและงานสถาปัตยกรรมอย่างไม่ขาดสาย งานสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่สวยอีกแห่งก็คือโรงละครโอเปร่าแห่งเมืองโฮจิมินห์ หรือ Saigon Opera House ซึ่งเป็นโรงละครโอเปร่าที่มีความเก่าแก่ และเป็นสไตล์โคโลเนียลที่มีความสวยงามมากที่สุดในประเทศเวียดนาม โรงละครแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1897 ซึ่งผ่านกาลเวลามาแล้ว กว่า 100 ปี ที่จนถึงเวลานี้โรงละครแห่งนี้ยังคงทำหน้าที่สำหรับการจัดแสดงต่าง ๆ มากมาย โดยโรงละครแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองโฮจิมินห์โดยอยู่ไม่ไกลจากศาลาว่าการนครโฮจิมินห์เท่าใดนัก งานสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลแห่งต่อไปก็คือกลุ่มอาคารสำนักงานในย่านธุรกิจของนครโฮจิมินห์ กลุ่มอาคารเหล่านี้ปัจจุบันเป็นทั้งที่ทำการของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณแม่น้ำไซ่ง่อน การเดินเยี่ยมชมความสวยงามของกลุ่มอาคารเหล่านี้จึงเหมือนหลุดเข้าไปในบรรยากาศของประเทศยุโรป ด้วยรูปทรงทางสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่แปลกตาจากสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่ปรากฏทั่วไปในประเทศแถบภูมิภาคอาเซียน ทั้งหมดนี้ก็คือตัวอย่างความสวยงามของกลุ่มอาคารที่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่ปรากฏในนครโฮจิมินห์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเมืองในประเทศอาเซียนที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือนและเที่ยวชม หากใครที่ยังไม่แผนการว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหนหลังจากภาวะโรคระบาด COVID - 19 จางหายไป ก็ขอแนะนำนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือก เนื่องจากเป็นประเทศที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเราโดยใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินเพียงแค่ 1 ชั่วโมง 45 นาที ภาพถ่ายโดยผู้เขียน