ชื่อประเทศในแถบแอฟริกาใต้ มีความหมายว่าอะไรบ้าง?

ทวีปแอฟริกาเป็นหนึ่งในดินแดนที่เก่าแก่ที่สุดของโลก เป็นถิ่นกำเนิดของมนุษยชาติและอารยธรรมอันยิ่งใหญ่หลายแห่ง ภูมิภาคแอฟริกาใต้โดยเฉพาะมีประวัติศาสตร์อันน่าสนใจที่หล่อหลอมอัตลักษณ์อันโดดเด่น วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับความหมายของชื่อประเทศในแถบแอฟริกาใต้ ซึ่งแต่ละชื่อล้วนมีเรื่องราวและที่มาที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว!
ทำไมประเทศในแอฟริกาใต้ถึงมีชื่อที่น่าสนใจ?
ก่อนที่จะเข้าสู่ความหมายของชื่อประเทศ เรามาทำความรู้จักกับภูมิภาคแอฟริกาใต้กันสักหน่อย ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของมหาทวีปกอนด์วานา (Gondwana) ในช่วง 800 - 650 ล้านปีก่อน หลังจากการแยกตัวของทวีป แอฟริกาได้กลายเป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ และวัฒนธรรมอย่างมาก
ชาวพื้นเมืองดั้งเดิมอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกามานานนับหมื่นปี จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 15-19 เมื่อชาวยุโรปเริ่มเข้ามาตั้งอาณานิคม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งทางการเมือง สังคม และชื่อเรียกของดินแดนต่างๆ ชื่อประเทศในแอฟริกาจึงมักสะท้อนการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมพื้นเมือง และอิทธิพลจากตะวันตกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ความหมายของชื่อประเทศในแอฟริกาใต้
1. แอฟริกาใต้ (South Africa)
ชื่อที่ตรงไปตรงมาที่สุด แอฟริกาใต้ได้ชื่อมาจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ว่าอยู่ทางตอนใต้สุดของทวีปแอฟริกา ประเทศนี้มีประวัติศาสตร์อันซับซ้อนจากการเป็นอาณานิคมของดัตช์ และอังกฤษ รวมถึงนโยบายแบ่งแยกสีผิว (Apartheid) ที่ยุติลงในปี 1994 หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน โดยมีเนลสัน แมนเดลา เป็นผู้นำคนสำคัญ
2. นามิเบีย (Namibia)
ชื่อนามิเบียมาจากทะเลทรายนามิบ (Namib Desert) ซึ่งเป็นทะเลทรายที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอายุกว่า 55 ล้านปี คำว่า "Namib" ในภาษาท้องถิ่นนามาหมายถึง "พื้นที่กว้างใหญ่" หรือ "ที่ว่างเปล่า" ซึ่งสะท้อนภูมิประเทศอันแห้งแล้งแต่งดงามของประเทศนี้ได้เป็นอย่างดี
3. บอตสวานา (Botswana)
ชื่อ บอตสวานา มาจากชนเผ่าหลักของประเทศคือ "สวานา" (Tswana) โดยคำนำหน้า "Bo" ในภาษาเซตสวานาหมายถึง "ดินแดนของ" จึงแปลได้ว่า "ดินแดนของชาวสวานา" บอตสวานาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความมั่งคั่งและเสถียรภาพทางการเมืองมากที่สุดในแอฟริกา ส่วนหนึ่งมาจากการค้นพบเพชรหลังได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1966
4. ซิมบับเว (Zimbabwe)
ซิมบับเว มีความหมายลึกซึ้งมาก มาจากคำว่า "dzimba dza mabwe" ในภาษาโชนา ซึ่งแปลว่า "บ้านที่สร้างจากหิน" อ้างอิงถึงซากปรักหักพังโบราณที่เรียกว่า Great Zimbabwe ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรโบราณในช่วงศตวรรษที่ 11-15 ก่อนที่จะถูกอังกฤษยึดครองและเปลี่ยนชื่อเป็น "โรดีเซีย" ตามชื่อของนักล่าอาณานิคมชาวอังกฤษ ซีซิล โรดส์ หลังได้รับเอกราชในปี 1980 ประเทศจึงกลับมาใช้ชื่อดั้งเดิมอีกครั้ง
5. โมซัมบิก (Mozambique)
ชื่อ โมซัมบิก มาจากเกาะโมซัมบิก (Mozambique Island) ซึ่งเป็นฐานการค้าของโปรตุเกสในศตวรรษที่ 16 นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าชื่อนี้อาจมาจากชื่อของสุลต่านอาหรับชื่อ Ali Musa Mbiki ซึ่งเป็นผู้ปกครองในภูมิภาคนี้ก่อนที่โปรตุเกสจะเข้ามา
6. เลโซโท (Lesotho)
เลโซโทมีความหมายว่า "ดินแดนของชาวโซโท" ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองหลักของประเทศ เลโซโทมีลักษณะพิเศษคือเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีระดับความสูงต่ำสุดมากกว่า 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จึงได้ฉายาว่า "อาณาจักรบนฟ้า" (Kingdom in the Sky)
7. เอสวาตินี (Eswatini)
เดิมรู้จักในชื่อ สวาซิแลนด์ ประเทศนี้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น "เอสวาตินี" ในปี 2018 ตามพระราชดำริของกษัตริย์มสวาติที่ 3 ชื่อใหม่ในภาษาสวาติมีความหมายว่า "ดินแดนของชาวสวาติ" เป็นการเน้นย้ำอัตลักษณ์ของประเทศ และลบร่องรอยของอาณานิคม
8. มาลาวี (Malawi)
ชื่อ มาลาวี มาจากคำว่า "Maravi" มีความหมายที่น่าสนใจคือ "แสงสะท้อนของรุ่งอรุณบนทะเลสาบ" อ้างอิงถึงทะเลสาบมาลาวีอันสวยงามซึ่งครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศ
9. แองโกลา (Angola)
แองโกลา มาจากคำว่า "Ngola" ซึ่งเป็นตำแหน่งของผู้ปกครองในอาณาจักร Ndongo โบราณ เมื่อชาวโปรตุเกสเข้ามาในศตวรรษที่ 16 พวกเขาเรียกดินแดนนี้ว่า "Angola" ตามตำแหน่งผู้ปกครองแทนที่จะใช้ชื่ออาณาจักร
10. แซมเบีย (Zambia)
ชื่อ แซมเบีย มาจากแม่น้ำแซมเบซี (Zambezi River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านภูมิภาคนี้ แม่น้ำแซมเบซียังเป็นที่ตั้งของน้ำตกวิคตอเรียอันยิ่งใหญ่ซึ่งชาวท้องถิ่นเรียกว่า "โมซิ-โอ-ตุนยา" (Mosi-oa-Tunya) แปลว่า "ควันที่ส่งเสียงคำราม" อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าความหมายของชื่อประเทศในแอฟริกาใต้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ของภูมิภาคนี้ได้เป็นอย่างดี บางประเทศตั้งชื่อตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ บางประเทศตั้งชื่อตามชนเผ่าพื้นเมือง บางที่ก็อ้างอิงถึงสถานที่หรือบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์
ถึงแม้ว่าแอฟริกาใต้จะมีประวัติศาสตร์แห่งความทุกข์ยากจากการล่าอาณานิคม และการแย่งชิงทรัพยากร แต่ปัจจุบัน หลายประเทศในภูมิภาคนี้ก็กำลังเติบโต และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาอัตลักษณ์ และมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าเอาไว้ การทำความเข้าใจความหมายเบื้องหลังชื่อประเทศเหล่านี้จึงเป็นก้าวแรกที่ดีในการเรียนรู้และเข้าใจประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของดินแดนแถบนี้
====================