"นานมาแล้ว... พ่อได้ปลูกต้นไม้ไว้ให้เรา" บทความที่แล้ว ได้พาเพื่อน ๆ ไปสัมผัสบรรยากาศของแหล่งท่องเที่ยวในดอยอ่างขาง ที่หลากหลายและงดงามน่าไปเยือน สามารถย้อนอ่านได้ที่ "ดอยอ่างขาง วิมานบนดิน สุดฟินทะเลหมอก" ตามลิงค์นี้เลยค่ะ แต่วิมานบนดิน ดอยอ่างขาง แห่งนี้ ยังมีไฮไลท์ที่น่าสนใจอีกมาก ครั้งนี้จะชวนเพื่อน ๆ เดินทางตามรอยพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือพ่อหลวง ร.9 ที่ได้พลิกฟื้นผืนแผ่นดินที่เคยแห้งแล้ง ให้กลายเป็นสวรรค์บนดินเฉกเช่นทุกวันนี้ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ว่า “ให้เขาช่วยตัวเอง” โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ซื้อที่ดินในบริเวณดอยอ่างขาง จัดตั้งเป็นสถานีวิจัย ศึกษาทดลองพืชเขตหนาวชนิดต่าง ๆ เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขาในการนำพืชเหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพแทนการปลูกฝิ่น ทำให้สามารถพลิกฟื้นแผ่นดินบนดอยอ่างขาง จากการทำไร่ฝิ่น ที่ทำลายทรัพยากรป่าไม้และระบบนิเวศ กลายเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาวที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนชาวเขาอย่างยั่งยืน คำว่า “อ่างขาง” ในภาษาเหนือ หมายถึง อ่างรูปสี่เหลี่ยม ตั้งชื่อตามลักษณะของดอย ที่มีภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นแอ่งรูปร่างคล้ายกระทะ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 20,213 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 - 1,900 เมตร และมียอดดอยสูงถึง 1,928 เมตร สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 12.6 องศาเซลเซียส พื้นที่รอบดอยอ่างขาง มีหมู่บ้านชาวเขาที่ทางสถานีฯ ให้การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ซึ่งประกอบไปด้วยประชากรเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าลาหู่ (มูเซอดำ) จีนยูนาน ไทยใหญ่ ดาราอั้ง มูเซอดำ ปะหล่อง และจีนฮ่อ ปัจจุบันดอยอ่างขางได้แปรสภาพจากภูเขาแสนแห้งแล้งจากการตัดไม้ทำลายป่า กลายเป็นเขาสีเขียวชอุ่ม มีพันธุ์ไม้ผลกว่า 12 ชนิด ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด และไม้ดอกเมืองหนาวมากกว่า 20 ชนิด เป็นจุดมุ่งหมายยอดฮิตของนักท่องเที่ยวสายป่าเขา ที่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง (ขอขอบคุณข้อมูลเผยแพร่จาก Official Website สถานีหลวงเกษตรอ่างขาง http://www.royalprojectangkhang.com/) จุดท่องเที่ยวภายในสถานีหลวงเกษตรอ่างขาง สถานีหลวงเกษตรอ่างขาง เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และศูนย์การเรียนรู้ด้านการเกษตร โดยเฉพาะการทำเกษตรอินทรีย์ เยี่ยมชมภูมิปัญญาท้องถิ่น เรียนรู้การบริหารจัดการในชุมชน รวมไปถึงประวัติศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ จุดท่องเที่ยวภายในสถานีฯ มีให้เลือกแวะเยี่ยมชมและศึกษาตามอัธยาศัยเลยค่ะ และบรรยากาศยังสวยงามราวกับอยู่เมืองนอก เรียกได้ว่าเดินกันเพลินตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตกเลยทีเดียว ไปชมกันค่ะ ศูนย์การเรียนรู้พระราชกรณียกิจ เป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวการพลิกฟื้นผืนดินของดอยอ่างขางแห่งนี้ จากผืนแผ่นดินแห้งแล้งกันดาร กลายมาเป็นผืนดินที่ปกคลุมไปด้วยสีเขียวชอุ่มของพืชพรรณอันมีค่า เป็นแหล่งความรู้ให้ตามรอยและชวนให้ระลึกถึงคุณความดีของพระองค์ ที่ทรงมีพระเมตตากับพสกนิกรทุกชาติพันธุ์ เป็นเรื่องราวอันงดงามที่พี่น้องชาวเขาคงมิมีวันลืม สวนแปดสิบ สวนพรรณไม้ประดับเมืองหนาวนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ดอกกุหลาบอังกฤษหลากหลายสายพันธุ์ ดอกกะหล่ำ ดอกเดซี ดอกชบาพันธุ์อาบูิลอน ฯลฯ สวยงามด้วยการตกแต่งในสไตล์อังกฤษ ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบตัวสโมสร โดยชื่อ 'แปดสิบ' ตั้งตามอายุของหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี (ประธานมูลนิธิโครงการหลวง) ในวาระที่ทรงมีอายุครบ 80 ชันษา โดยมีการจัดตกแต่งสวนในสไตล์อังกฤษ เรียบหรู ยิ่งในวันที่ฟ้าหม่นเล็กน้อย บรรยากาศราวกับอยู่เมืองนอกเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังมีต้นซากุระพันธุ์แท้ ซึ่งจะเบ่งบานสวยงามน่าชมมาก ๆ ในช่วงเดือนมกราคมของทุกปีค่ะ บริเวณสโมสรยังมีร้านกาแฟให้นั่งพัก และร้านขายของที่ระลึกจากชาวเขาให้ได้เลือกจับจ่ายกัน โรงเรือนทดสอบพันธุ์กุหลาบตัดดอก สำหรับใครที่ชื่นชอบดอกกุหลาบ แนะนำให้แวะที่นี่เลยค่ะ ภายในโรงเรือนจะพบกุหลาบตัดดอกจากประเทศเนเธอร์แลนด์กว่า 7 สายพันธุ์ และกุหลาบอังกฤษอีกกว่า 200 สายพันธุ์ หลากหลายสีสัน กลิ่นหอม น่าตื่นตาตื่นใจมาก ๆ ค่ะ สวนคำดอย เอาใจสาวกดอกกุหลาบอีกแล้ว เพราะเป็นสวนที่รวบรวมดอกคำดอย หรือ ดอกกุหลาบพันปี หลากหลายสายพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ นิวซีแลนด์ เนเธอร์แลนด์ ความพิเศษก็คือไม่มีปลูกที่อื่นแล้วในประเทศไทย นอกจากสวนแห่งนี้ที่เดียว! เรือนดอกไม้ โรงเรือนที่รวบรวมดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ ตกแต่งในรูปแบบสวนสวยงาม บรรยากาศทั้งงดงามน่าชมและแปลกใหม่ ส่วนตัวแล้วแทบจะไม่รู้จักพันธุ์ไม้ในเรือนแห่งนี้เลยล่ะค่ะ ตื่นตาตื่นใจมาก แถมยังมีมุมให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ฟังเสียงน้ำไหลจากน้ำตกจำลองขนาดย่อม และยังมีเสียงนกร้องเป็นระยะ ดอกไม้หลายชนิดมีกลิ่นหอม เรียกว่าให้นั่งทั้งวันยังได้เลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปของสถานีฯ ให้เลือกซื้อกันด้วยค่ะ สวนบ๊วยแปลง 4 เป็นสวนรวบรวมพันธุ์ต้นบ๊วยเมืองหนาว โดยความพิเศษของสวนบ๊วยแห่งนี้คือ เป็นต้นบ๊วยที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือพ่อหลวง ร.9 ทรงปลูก เมื่อครั้งจัดตั้งสถานีหลวงเกษตรแห่งนี้ ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นตา เพราะเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่อง ที่น่าจะรู้จักกันดีคือเรื่อง "The Letter จดหมายรัก" เป็นอีกจุดที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ต้นบ๊วยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวถูกปลูกเรียงรายเป็นแถวสวยงาม ถ่ายรูปออกมาได้สวยเชียวล่ะค่ะ โดยดอกบ๊วยสีขาวจะเริ่มบานอย่างสวยงามเต็มที่ในช่วงเดือนมกราคม ของทุกปีค่ะ น่าเสียดายที่ตอนไปยังไม่ถึงฤดูเบ่งบาน โรงเรือนปลูกผัก เป็นโรงเรือนที่รวบรวมพันธุ์ผักเมืองหนาวนานาชนิด ที่มีการปลูกอยู่ในพื้นที่โครงการหลวง นำมาจัดแสดงในลักษณะของแปลงสาธิต เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมและศึกษาเทคนิคการปลูก บริเวณตัวเรือนมีร้านกาแฟขนาดเล็กไว้ให้ผู้เยี่ยมชมนั่งพักจิบกาแฟระหว่างพักเหนื่อยจากการเดินทางด้วยค่ะ แปลงผักเมืองหนาว เป็นแปลงสาธิตการปลูกพันธุ์ผักเมืองหนาวหลากหลายชนิด โดยเฉพาะผักสลัดสายพันธุ์ต่าง ๆ ปลูกแบบออร์แกนิค ปลอดสารพิษ 100% แต่ละต้นนี่เขียวน่ารับประทานมาก ๆ เลยค่ะ ใช้เป็นฉากถ่ายรูปก็สวยเก๋ไม่เบา นอกจากนี้บริเวณข้างแปลงผัก ยังมีร้านกาแฟและร้านขายของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์โครงการหลวงแห่งนี้ ให้ได้เลือกซื้อกลับบ้านกันตามใจชอบเลยค่ะ สวนบอนไซและสวนหินธรรมชาติ เอาใจคนรักพันธุ์ไม้ตระกูลบอนไซ ที่นี่รวบรวมบอนไซหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งบางสายพันธุ์ในสวนแห่งนี้ก็มีอายุเก่าแก่มากทีเดียวค่ะ จัดแสดงเป็นไม้ประดับคู่กับสวนหินธรรมชาติตั้งตระหง่าน น่าตื่นตาตื่นใจมากค่ะ ในรูปอาจดูไม่พิเศษอะไร ถ้าได้ลองไปเยือน เพื่อน ๆ อาจจะต้องแหงนหน้าตลอดเวลา เพราะตัวจะเล็กจิ๋วเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางสวนหินอันยิ่งใหญ่นี้ สวนสมเด็จ เป็นแปลงสาธิตการทดลองปลูกพืชพรรณเมืองหนาวชนิดต่าง ๆ ทั้งไม้ผล ผัก ดอกไม้ รวมไปถึงพันธุ์ไม้ประเภทฝิ่นประดับ ซึ่งสามารถเข้าชมภายในสวนได้ แต่มีค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ถ้าขับรถก็คันละ 50 บาท ไฮไลท์ของที่นี่เลยคือต้นพญาเสือโคร่ง ที่จะเบ่งบานสวยงามในช่วงปลายเดือนมกราคม-เดือนกุมภาพันธ์ แอบเสียดายที่ไม่ได้ไปช่วงนั้น เลยอดเก็บภาพซากุระเมืองไทยสวย ๆ เลยค่ะ (แต่ก็มีบางต้นที่บานให้ได้แชะภาพนิดหน่อย) เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย? ตระการตาอย่างที่บอกเลยใช่ไหมคะ สถานีเกษตรไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่หลายคนคิดเลยค่ะ สารภาพเลยว่า หมดไปทั้งวันก็ยังเที่ยวไม่หมด แต่สิ่งที่ได้คือเต็มอิ่มและใจฟูมาก ๆ นอกจากความสวยงามที่ยากจะบรรยายเป็นตัวอักษรแล้ว ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนชาวเขา ได้พูดคุยกับชาวเขาในพื้นที่ เปิดประสบการณ์มาก ๆ ค่ะ และเหนือสิ่งอื่นใด การตามรอยพระราชกรณียกิจในครั้งนี้ ความรู้สึกหลังจากกลับมา คือความชื่นใจแทนประชาชนชาวไทยที่ได้เกิดภายใต้ร่มพระบารมี สัญญากับตัวเองเลยค่ะ ว่าจะตั้งใจทำความดีแม้เพียงสักเล็กน้อยเท่าที่จะสามารถทำ เพื่อเพื่อนมนุษย์ เฉกเช่นที่พ่อหลวงของเราได้กระทำเป็นแบบอย่าง หากมีโอกาส อยากเชิญชวนให้มาเยือนที่นี่กันสักครั้งนะคะ แล้วคุณจะได้รอยยิ้มและใจฟู ๆ เป็นของแถมกลับไปแน่นอน :) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่... สำนักงานสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โทร : 053-450107-9 ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอ่างขาง โทร : 053-450077 เว็บไซต์ : www.angkhangstation.com Facebook Fanpage : www.facebook.com/angkhangstation เรื่อง-ภาพ : ดารัณ พันสวะนัด (ผู้เขียน)