กราบนมัสการพระธาตุบนดอยวาวี ใจกลางหุบเขาอันซับซ้อนห่างไกลจากตัวเมืองหลายร้อยกิโลเมตรหนทางคดเคี้ยวในป่าใหญ่ที่ใคร ๆ ก็ไม่ค่อยรู้จักนักเพราะเข้าถึงยากและอาจจะเป็นลิตส์ท่องเที่ยวหรือทริปแสวงบุญที่ยังไม่ค่อยมีใครนึกออกได้พุทธศาสนสถานแห่งนี้ยังคงมีความสงบและเป็นธรรมชาติ สวยงามเด่นตระหง่านตาอยู่บนภูเขา ผู้เขียนรู้จักที่นี่เพราะได้มีโอกาสไปอาศัยอยู่ในชุมชนแถวนั้นมองเห็นความสวยงามอยู่ห่าง ๆ ด้านล่างจึงอดไม่ได้ที่จะพยายามขึ้นไปกราบสักครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ จากภาพคือผู้เขียนเดินเท้าขึ้นไปตามป้ายบอกทางที่อยู่ด้านล่างชุมชนดอยวาวี อยู่ในเขตพื้นที่ ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พื้นที่แถวนี้มีภูเขาเป็นแนวกลั้นแดนติดต่อกับรัฐฉานของประเทศเมียนมาร์ (พม่า) ระหว่างทางเดินขึ้นไปก็จะเจอไร่ชาไร่กาแฟของชาวบ้านท้องถิ่นด้วยค่ะ เมื่อถึงทางขึ้นก็จะได้พบกับบันได 300 ขั้น "พิสูจน์พลังศรัทธา" หากใครอยากขึ้นไปต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงมีความพร้อมผู้เขียนก็มีอาการหอบและเหนื่อยนั่งพักระหว่างทางขึ้นบันไดช่วงกลางค่ะโชคดีที่อายุยังน้อยไม่ปวดขาเจ็บขายังมีแรงฮึดสู้เดินต่อขึ้นไปข้างบนได้ค่ะ แต่สิ่งนี้สะดุดตาผู้เขียนมากที่สุดสวยงามจนต้องบันทึกภาพเก็บไว้อย่างมีมนต์ขลังเนื่องจากผู้เขียนเป็นคนภาคกลาง (ปทุมธานี) จึงไม่เคยเห็นศิลปะแบบนี้มาก่อนด้วยประกอบกับส่วนตัวมีความชอบศึกษาเกี่ยวกับสังคมศิลปะและวัฒนธรรม กลับมาค้นจนพบว่าสิ่งนี้เรียกว่า "มกรคายนาค" อ่านว่า มะ-กะ-ระ-คาย-นาก เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ที่อยู่เฝ้าเชิงเขาพระสุเมรุ มีลักษณะลำตัวยาวคล้ายงูใหญ่มีขายื่นออกมาจากลำตัวส่วนหัวมีปากและฟันคล้ายจระเข้คายหัวพญานาคออกมา เป็นที่นิยมในวัดทางภาคเหนือของไทย ลาว และพม่า เพื่อที่จะคอยปกป้องดูแลไม่ให้สิ่งไม่ดีหรือคนที่มารบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านบนอยู่ตามเชิงบันไดวัดหากในภาคกลางผู้เขียนจะคุ้นชินกับพญานาคเป็นหลักค่ะ นี่เป็นภาพพระธาตุดอยวาวีที่ผู้เขียนขึ้นไปกราบด้านบนค่ะ งดงามสง่าอร่ามตาสีทองตัดกับขอบฟ้าบนดอยคล้ายสรวงสวรรค์ แต่ด้วยลักษณะเจดีย์ที่ซับซ้อนแปลกตาจึงกลับมาศึกษาข้อมูลของรูปร่างองค์เจดีย์ก็ไม่พบข้อมูลที่แน่ใจหรือชัดเจนได้ แต่โชคดีที่ผู้เขียนเรียนสาขาที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวค่ะเลยมีอาจารย์ที่เป็นมัคคุเทศก์มืออาชีพพอนึกออกทันใดก็ไลน์ไปถามอาจารย์ทันทีความสงสัยใคร่รู้ของผู้เขียนครั้งนี้จึงได้คำตอบมาว่า เป็นเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนา ฐานสี่เหลี่ยมเพิ่มมุมคือฐานยกเก็จต่อขึ้นมาด้วยผังวงกลมระฆังสามฐาน ด้านบนเจดีย์ประธานมีบริวารสี่ทิศสื่อถึง คติจักรวาลวิทยาอันมีเขาพระสุเมรุเป็นแกนกลางส่วนฉัตรเป็นอิทธิพลมอญที่มีให้เห็นทางล้านนา ผู้เขียนเพียงแค่ส่งภาพไปถามเพียงภาพเดียวก็ให้คำตอบพร้อมบอกรายละเอียดที่ตรง ต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์ในสาขาวิชาท่านนี้อย่างสูงสำหรับข้อมูลวิทยาทานครั้งนี้ค่ะ ด้านบนมีกุฏิพระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ไม่ถึงสิบรูป มีศาลาโล่งโปร่งสบายมีพระพุทธรูปให้กราบไว้นั่งพักกันได้มีตู้กดน้ำเย็นไว้บริการพุทธศาสนิกชนที่ขึ้นมาด้านบนฟรี วิวบนนี้สวยมากเมื่อมองออกไปจะเป็นเหมือนภาพด้านบนเลยค่ะชุมชนดอยวาวีในสายหมอก แนะนำให้ขึ้นไปช่วงเช้า ๆ และเย็น ๆ นะคะอากาศจะดีเพื่อหลีกหนีแดดแรง ๆ ลมด้านบนพัดผ่านเย็นมากค่ะบรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การทำสมาธิ หากท่านใดมีโอกาสได้ขึ้นไปก็ช่วยกันรักษาความสะอาดดูแลสิ่งแวดล้อมให้เป็นธรรมชาติที่สวยงามดังเดิม งดส่งเสียงดังรบกวนพระสงฆ์ด้านบนที่ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วยนะคะ ภาพประกอบบทความ โดย ผู้เขียน(Moona K)