หลังจากการเรียนอันเคร่งเครียด และไฟนอลอันหนักหน่วงของนักศึกษาเภสัชตัวโตคนนี้ผ่านไป ก็ถึงเวลาได้พักผ่อนสักที แต่ประเด็นติดอยู่ที่มีเวลาปิดเทอมแค่ 4 วัน ดังนั้นการท่องเที่ยวในประเทศจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ณ ตอนนั้น และแน่นอนช่วงฤดูหนาว จะไปที่ไหนก็ไม่เลิศเท่าภาคเหนือแน่นอน บวกกับกระแสม่อนแจ่มที่กำลังมาแรง พวกเราจึงตกลงกันว่าจะไปปักหมุดพักผ่อนกันที่ม่อนแจ่ม ทุกคนได้รับการจัดสรรหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการจองที่พัก การเช่ารถ และการจองตั๋วเครื่องบิน พวกเรามีสอบวันสุดท้ายคือวันเสาร์ เวลา 16.00 น. และตัดสินใจจองไฟล์ทบินในวันนั้นเลย ไฟล์ทเวลา 21.30 น. ในช่วงที่สอบไฟนอลอันแสนยาวนาน 14 วัน ทุกคนแทบไม่ได้วางแผนอะไรเลย ไม่มีการเตรียมตัวใดๆ แม้กระทั่งกระเป๋าเดินทางก็ถูกจัดในวันนั้น หลังจากการสอบเสร็จสิ้นไป ทุกคนต้องรีบกลับหอเพื่อนซักผ้า และจัดกระเป๋าเดินทาง ทุกคนแบกสภาพการอดนอนอย่างน้อย 48 ชั่วโมงไปขึ้นเครื่อง และแน่นอนเมื่อก้นถึงเบาะ ทุกคนหลับแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่รับรู้สิ่งรอบตัวใดๆทั้งสิ้น เมื่อมาถึงเชียงใหม่ก็ทำการเรียก grab มารับที่สนามบินเชียงใหม่ แต่พี่ grab ให้เดินออกมาขึ้นรถที่ด้านหน้าสนามบิน เนื่องจากทางสนามบินไม่อนุญาตให้ grab เข้ามารับผู้โดยสารภายในสนามบิน หากโดนจับต้องเสียค่าปรับครั้งละ 2000 บาท นี่คือคำบอกเล่าของพี่ ในคืนแรกพวกเราจองที่พักข้างสนามบินเชียงใหม่ เนื่องจากพวกเรานัดรับรถที่เช่าไว้ในวันถัดไปเวลา 8.00 น. ที่สนามบิน เมื่อมาถึงที่พัก ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องเพื่อนคนหนึ่งเพื่อวางแผนในการเที่ยวในเช้าวันถัดไป กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็เกือบตี 2 แล้ว และตามแพลนคือต้องตื่น 7.00 น. เพื่ออาบน้ำแต่งตัว และไปรับรถให้ทันในเวลา 8.00 น. เช้าวันถัดมา เพื่อนมาเคาะห้องในเวลา 7.30 น. เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนตื่นครบแล้ว หลังจากนั้นเราเดินทางกลับไปที่สนามบินเชียงใหม่ เพื่อรับรถ กว่าเอกสารต่างๆจะเสร็จก็เกือบ 9 โมงเช้า พวกเราเลือกไปรับประทานอาหารเช้าในเมืองเชียงใหม่ ลองไปเรื่อยๆ หลายๆ ร้าน หลังจากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แต่ระหว่างทางมีร้านกาแฟมากมายหลายร้าน ในแวะชิมและถ่ายรูปกัน พวกเราก็ได้แวะไปหลายร้านเลย เรื่องรสชาติกาแฟ ส่วนตัวคิดว่าไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่จะมีเรื่องการตกแต่งร้านและธรรมชาติที่แตกต่างกัน ถ้าเป็นไปได้ ควรแวะทุกร้าน สลับกันสั่งก็ได้ค่ะ พวกเราใช้เวลาในสวนพฤกษศาสตร์ประมาณ 4 ชั่วโมง และรับประทานอาหารที่นั่นเลย แต่เรื่องรสชาติอาหาร อันนี้ไม่แนะนำเท่าไรนะคะ ถ้าทนหิวได้ แนะนำไปหาเอาข้างหน้าเลยค่ะ สำหรับที่นี่ พวกเราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการถ่ายรูปค่ะ และจะบอกว่ามีอีกหลายที่ในสวนนี้ที่เราไม่ได้แวะ เนื่องจากเวลาเกือบเย็นแล้ว และเรายังมีแพลนไปที่อื่นต่อ เลยตัดใจทิ้งไปหลายจุดเลยค่ะ ใครจะไปที่นี่แนะนำว่าให้เวลากับที่นี่เยอะๆเลยค่ะ เพราะมันกว้างมากจริงๆ จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปยังม่อนแจ่ม ไปถึงก็เย็นมากแล้ว ก็ได้แต่เดินเล่นและแวะชิมกาแฟตามร้านต่างๆ ตกค่ำเราก็สั่งหมูกระทะมากิน จะบอกว่าอากาศช่วงที่เราไป (ปลาย พ.ย.) หนาวมาก การได้ไออุ่นจากหมูกระทะคือดีต่อใจมากๆ หมูกระทะที่นี่ชุดละ 399 บาท ได้ประมาณ 1 จานใหญ่ พวกเราสั่งหมูล้วนเพิ่มอีก 1 ชุด ราคา 199 บาท (ไปกัน 4 คน) ก็ยังไม่อิ่มเท่าไร ฮาๆ สุดท้ายก็ได้ซื้อขนมกลับไปกินที่เต็นท์ เราเลือกเต็นท์แบบ family เหมาะสำหรับการพัก 4 คนพอดี ที่นี่จะเป็นห้องน้ำรวมทั้งหมด ระบบการจ่ายไฟสำหรับห้องน้ำคือ 18.00-22.00 น. และ 5.00-9.00 น. อันนี้สำคัญมาก เพราะนอกจากอากาศที่หนาวมากแล้ว น้ำที่นี่ก็หนาวมากๆ เช่นกัน ใครพลาดเวลานี้คือต้องทรมานมากๆแน่ๆ ฮาๆ เช้าวันต่อมา พวกเราตื่นตั้งแต่ตี 5 เอาจริงๆ คือนอนไม่หลับทั้งคืน แบบหลับๆ ตื่นๆ เพราะอากาศหนาวมาก ใครไปม่อนแจ่มแนะนำให้เตรียมเสื้อผ้าหนาๆ ไป อุณหภูมิในวันนั้นประมาณ 17 องศา แต่ความรู้สึกคือหนาวจนสั่น พวกเราตื่นมาเตรียมตัวดูพระอาทิตย์ขึ้น นั่งรอตั้งแต่ตี 5 ยัน 7 โมงเช้า ก็ยังไม่เห็นพระอาทิตย์ เปิดไอจีเพื่อนที่ไปเที่ยวภูกระดึง เช็คอินและถ่ายรูปกับพระอาทิตย์ไปเรียบร้อย เลยตัดใจ ไปอาบน้ำแทน สรุปวันนั้นก็ไม่มีใครเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ฮาๆ เมื่ออาบน้ำเสร็จก็เดินเล่นตามทางถนนไปเรื่อยๆ ที่นี่มีแม่ค้ามาวางผักและผลไม้ขายทั้งเช้าและเย็น แถมราคาถูกมากๆ แนะนำให้ซื้อติดเป็นของฝาก หลังจากนั้นพวกเราเดินทางต่อไป โป่งแยง ซิปไลน์ แอนด์ จังเกิ้ล โคสเตอร์ ที่นี่มีเครื่องเล่นมากมายให้ได้หวาดเสียวกัน ราคาก็จะอยู่ที่ 150 บาท/ครั้ง/เครื่องเล่น ยกเว้น ซิปไลน์จะเป็นรอบละ 700 บาท นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เล่นอะไรพวกนี้ พวกตรงๆ ว่ากลัวมาก แต่ไหนๆ ก็มาแล้วก็ลองกันสักตั้ง ตอนเล่นจำได้ว่าพวกเราทุกคนกรี๊ดกันเสียงดังมาก แต่บอกเลยว่าคุ้ม เพราะหลังจากการเล่นครั้งนั้น เจ้าของกระทู้ก็กล้าเล่นเครื่องเล่นอีกเยอะแยะมากมายในโลกนี้ สุดท้ายก่อนจบกระทู้นี้ ถึงแม้ที่ผ่านมาจะเขียนสิ่งที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร แต่สิ่งที่จะบอกคืออยากให้ทุกคนกล้าและทำทุกอย่างให้เต็มที่ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนรวมทั้งตัวเจ้าของกระทู้เอง ทั้งการเรียน การทำงาน และการเที่ยวเล่น อยากให้ทุกคนหาเวลาพาตัวเองไปพักผ่อน การพักผ่อนหรือทำในสิ่งที่เรารักจะช่วยเติมกำลังใจในการใช้ชีวิตของเราได้อีกมากมาย แม้จะว่าแค่เสาร์ อาทิตย์ ก็จงให้รางวัลรางกายและใจคุณเถอะ เพราะพวกเขาจะกลับมาสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้คุณได้อีกมากมาย 'จงบอกรักร่างกายและใจของคุณ เพราะพวกเขาจะตอบแทนคุณอย่างเต็มที่เสมอ