ช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่เชียงราย หนึ่งในสถานที่ที่อยากไปมากที่สุดเห็นจะเป็น “ดอยช้าง” เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวไปกันเยอะสักเท่าไหร่ ดอยช้างนี้ตั้งอยู่ในเขตของตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,700 เมตร มีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี เชื่อว่าหลายคนอาจรู้จักดอยช้างในฐานะชื่อของกาแฟ หรือผู้ที่ชอบดื่มชา อาจรู้จักในชื่อของการปลูกชาอู่หลง อย่างชาอู่หลงวาวี เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยนี้ทำให้ดอยวาวีสามารถปลูกได้ทั้งเมล็ดกาแฟ ชาอู่หลง (ชาอู่หลงวาวี ถือเป็นชาอู่หลงที่รสชาติดีที่สุดในประเทศไทย) รวมไปถึงแมคคาเดเมีย และสตรอวเบอร์รี่ เป็นต้น นอกจากนี้บนดอยช้างยังเต็มไปด้วยสถานที่ตากอากาศ และสถานที่ท่องเที่ยว หรือกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า หรือเดินสำรวจธรรมชาติ การนอนดูดาว การปีนเขา การชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่าง ๆ บนดอยช้างซึ่งมีมากมายหลายชนเผ่าและเป็นความหลากหลายที่สามารถอยู่อาศัยร่วมกันอย่างสันติและลงตัว รวมไปถึงชาวจีนมลฑลยูนนานที่เข้ามาอยู่อาศัยเป็นจำนวนไม่น้อย จึงไม่แปลกหากจะพบเห็นป้ายต่าง ๆ บนดอยที่เป็นภาษาจีน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน การเดินทางมาดอยช้างสามารถขับรถมาจากตัวเมืองเชียงราย ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง หรือนั่งรถโดยสารสาธารณะมาจากสถานีขนส่งจังหวัดเชียงราย เส้นทางเชียงราย – แม่ขะจาน หรือ เชียงราย – เวียงป่าเป้า แล้วลงระหว่างทางที่อำเภอแม่สรวย จากนั้นนั่งรถสองแถวคันสีเหลืองเพื่อขึ้นไปยังดอยช้าง ระหว่างทางขึ้นไปยังดอยช้าง รถก็จะวิ่งไปตามถนนที่สูงชั้นและคดเคี้ยว แต่ทัศนยีภาพของ 2 ข้างทางชวนให้เพลินเพลินดูชมมาก เนื่องจากเต็มไปด้วยทิวเขาสลับซับซ้อนเรียงราย พร้อมทั้งจะเห็นเขื่อนแม่สรวยในมุมสูง ตัดกับเทือกเขาต่าง ๆ ดูสวยงามมาก นั่งรถไปสักพักประมาณ 30 – 45 นาที ก็จะถึงบนดอยช้างจะเห็นว่ามีชุมชน และมีผู้คนอาศัยพอสมควร บนดอยช้างนี้มีครบหมด ทั้งรีสอร์ท โฮมสเตย์ ร้านอาหาร มีพร้อม ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน สำหรับวันแรกสถานที่ที่ผมจะไปเยือนบนดอยช้างก็คือ จุดชมวิวดอยช้าง และพุทธอุทยานดอยช้าง ซึ่งจุดชมวิวดอยช้างนี้ถือเป็นไฮไลท์สำคัญเนื่องจากสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของดอยวาวีและบางส่วนของดอยช้างได้อย่างรอบทิศทาง ซึ่งพอไปถึงก็อย่างที่เห็นครับสวยมาก แต่ถ้าได้ไปเห็นของจริง กับสภาพอากาศจริง ๆ จะช่วยให้การยืนชมวิว ณ จุดนี้มีอรรถรสมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าทวี ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน หลังจากอิ่มเอมกับบรรยากาศของจุดชมวิวดอยช้างแล้ว เพื่อเป็นการเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติไปในตัว จึงตัดสินใจเดินเท้ามายัง พุทธอุทยานดอยช้าง ซึ่งอยู่จากจุดชมวิว ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยพุทธอุทยานดอยช้างนี้มีหลวงพ่ออำนาจ สีลคุโณ ซึ่งเป็นพระที่มาปฏิบัติธรรมจำพรรษาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2532 และยังเป็นผู้ดูแลรักษาพุทธอุทยานดอยช้าง ให้สอดประสานและคงสภาพความเป็นธรรมชาติเดิมของป่าแห่งนี้ไว้ให้มากที่สุด และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้มากที่สุดเช่นกัน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภายในพุทธอุทยานดอยช้างนี้เองที่ผมรู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ ป่าแห่งนี้นอกจากจะผูกโยงกับหลักการตามคำสอนในพระพุทธศาสนาแล้ว ยังสอดแทรกความเป็นธรรมชาติเพื่อเตือนสติมิให้ทำลายหรือล้างผลาญทรัพยากรอย่างบ้าคลั่ง นอกจากนี้ภายในสถานที่แห่งนี้ยังมีสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาให้เชยชม ไม่ว่าจะเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางพุทธอุทยาน เป็นน้ำที่มีสีเขียวมรกตบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ยิ่งของป่า ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าหากเพ่งมองดี ๆ จะเห็นว่าบ่อน้ำแห่งนี้จะมีรูปหัวใจปรากฏอยู่ตรงกลาง ! นอกจากนี้ที่พุทธสถานดอยช้างยังมีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ รวมถึงสิ่งปลูกสร้างที่สัมพันธ์กับธรรมชาติไว้ให้เป็นคติธรรมแก่ประชาชนที่ขึ้นมาหาความสงบ หรือเจริญสติ ถัดไปจากลานพุทธสถานอีกหน่อยก็จะเป็น “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญ เนื่องจากบ่อน้ำแห่งนี้ มีน้ำไหลเข้าไปในบ่ออยู่ตลอดเวลา และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาน้ำในบ่อนี้ยังไม่เคยแห้งเหือดหายไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว ชาวบ้านเล่าว่าน้ำในบ่อใสสะอาด บริสุทธิ์ และสามารถดื่มได้ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ผมวนเวียนอยู่ในพุทธอุทยานนี้นานพอสมควรด้วยอยากเจริญสติและผ่อนคลายไปกับเสียงนก เสียงสัตว์ ที่ประสานเสียงไปกับการพลิ้วไหวของกิ่งไม้ใบหญ้าที่พัดโชยลิ่วตามลม สร้างความกลมกล่อมให้แก่สติและความนึกคิดได้เป็นอย่างดี การมาเยือนดอยช้างในวันนี้ทำให้ผมได้เห็นมุมใหม่ของเชียงรายในภาพที่คุ้นชิน จริง ๆ เชียงรายยังมีสถานที่ Unseen ให้ค้นหาอีกมามาย แต่การได้มารู้จักตัวจริงเสียงจริงของดอยช้างในวันนี้ ทำให้การโบกมือลาระหว่างผมกับดอยช้างเป็นไปอย่างยากลำบากยิ่ง ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน