หากใครขับรถผ่านไปทางสมุทรปราการฝั่งถนนสุขุมวิทหรือนั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการน่าจะคุ้นตากับประติมากรรมช้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ แลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งหนึ่งของชาวสมุทรปราการ สำหรับเราเองต้องยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่นอกสายตามาก ๆ ผ่านไปสมุทรปราการเมื่อไหร่ ถ้าไม่เลยไปบางปูรับลมชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาหรือข้ามฝั่งไปบางกระเจ้าสูดอากาศบริสุทธิ์ เดินเล่นตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ก็จบทริปแล้วทำให้มองเลยพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณกลายเป็นทางผ่านไปเลย ที่สำคัญราคาตั๋วก็แอบแพงในความรู้สึกเราด้วย แต่บอกเลยว่าถ้าตัดสินใจลองเข้าไปแล้วครั้งหนึ่งคุ้มค่ามากราคาค่าเข้าก็สมน้ำสมเนื้อ (ภาพจากเพจพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สมุทปราการ https://www.facebook.com/ErawanMuseumSamutprakan/photos/a.1540888706163204/2392921277626605?type=3&sfns=mo) สำหรับพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเป็นประติมากรรมลอยตัวรูปช้าง 3 เศียรและเป็นประติมากรรมลอยตัวที่ถูกสร้างขึ้นโดยด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกและแห่งใหญ่ที่สุดในโลกสร้างขึ้นจากความคิดและจินตนาการของคุณเล็กวิริยะพันธุ์ ซึ่งต้องการจะรักษาของโบราณที่สะสมไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินไทย จัดแสดงประติมากรรมที่ทรงคุณค่าทางศิลปกรรม และยังเป็นรูปเคารพที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนโบราณตามประเพณีในอดีตด้วย มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นรูปช้างขนาดใหญ่โดดเด่นสะดุดตา สูง (รวมอาคาร) 43.60 ม. ความกว้างของช้าง 12 ม. ความยาว 39 ม. น้ำหนักของลำตัว 150 ตันและน้ำหนักของเศียร 100 ตันถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรพลาด หากใครนำรถมาก็มีที่จอดรถให้เฉพาะเลยหรือหากสะดวกนั่งรถไฟฟ้าก็ลงสถานีช้างเอราวัณทางออก 1 จะมีรถบริการรับส่งคล้ายๆรถกอล์ฟจาก BTS ถึงพิพิธภัณฑ์ฯเลย เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์ก็ตรงเข้าประตูทางด้านขวาจะเป็นห้องจำหน่ายตั๋วตั๋วรายครั้งสำหรับคนไทย 250 บาทแต่ถ้าจะซื้อเป็นตั๋วรายปีราคา 200 บาทเข้าได้ตลอด 365 วันเลย (แอบงงๆว่าทำไมตั๋วรายปีถูกกว่า น่าจะเป็นเพราะอยากให้คนเข้ามาดูพิพิธภัณฑ์บ่อยๆก็เป็นได้) สำหรับคนที่ซื้อตั๋วรายครั้ง สามารถรับเฮดโฟนฟังเสียงบรรยายได้ฟรี ! ส่วนคนซื้อตั๋วรายปี ถ้าต้องการฟังด้วยต้อง เสียเงินเพิ่มอีก (อันนี้น่าจะสมเหตุสมผลสุดสำหรับราคาตั๋วที่ต่างกัน) แต่ไม่มีการบังคับให้เช่านะใครใคร่ใช้ก็ใช้ใครไม่ใช้ก็ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม จากนั้นก็เดินไปรับดอกไม้ธูปเทียนฟรี ! แล้วเดินตรงไปไหว้พระตรงซุ้มหน้ารูปปั้นช้างสามเศียร เมื่อไหว้พระเรียบร้อยก็เดินขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์ บอกเลยว่างดงามประทับใจสุด ยิ่งใครที่ชอบงานแก้วงานกระจก ยิ่งประทับใจเห็นความตั้งใจของเจ้าของที่สร้างขึ้น ซึ่งในระหว่างที่เดินชม แนะนำให้เปิดเฮดโฟนฟังประวัติความเป็นมาไปด้วย แต่ละจุดก็จะมีหมายเลขบอกว่าต้องเปิดฟังแทร็กไหน ต้องยกความดีความชอบให้เจ้าของเลย ออกแบบรูปแบบการเดินชมพิพิธภัณฑ์ได้อย่างเข้าใจเข้าถึงง่าย เมื่อเดินชมภายในจุใจแล้ว ก็ออกมาเดินลอดท้องช้างกันเป็นกิจกรรมสนุก ๆ น่ารัก ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว เมื่อเราเดินลอดท้องช้างก็จะมีเสียงร้องแปร๋น ๆ ดังเป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมลอยดอกบัวเป็นสิริมงคลก่อนกลับด้วย หรือใครจะอยู่ตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยก็ได้ เพราะมีมุมนั่งพักใต้ต้นไม้ร่มรื่นสุด ๆ เรียกว่าเป็นอีกแลนด์มาร์กที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง พิกัดเลขที่ 99/9 หมู่ 1 ถ.สุขุมวิท (BTS ช้างเอราวัณทางออก 1) เวลา9.00 - 19.00 โทร. 02 371 3135-6 ค่าเข้าคนไทย 250 บาท www.MuangboranMuseum.com