ประวัติ ที่มา วัน April Fools' Day เมษาหน้าโง่ 1 เมษายน มีที่มาอย่างไร ทำไมต้องหลอกกัน?
เป็นช่วงหนึ่งของทุกปี ที่ทุกคนทั้งโลกจะต้องเสพสื่อกันอย่างมีสติอย่างมาก เพราะในวันที่ 1 เมษายน April Fool's Day หรือ วันเมษาหน้าโง่ เป็นวันที่ผู้คน รวมไปถึงสื่อต่างๆ จะเล่นมุกตลก และเรื่องหลอกลวงกันประหนึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แรกเริ่มก็เล่นกันเฉพาะในประเทศแถบยุโรป แต่เดี๋ยวนี้ที่อินเตอร์เน็ตเชื่อมโลกทั้งใบเข้าด้วยกัน ก็ทำให้เรื่องโกหกเล็กๆ บานปลายเป็นเรื่องระดับโลกได้อย่างง่ายดาย
ที่มา ประวัติวันเอพริลฟูลเดย์ April Fools' Day
1 เมษายน
แน่นอนว่าวันโกหกแห่งชาตินี้ไม่ได้เป็นวันสำคัญของประเทศไทย หรือวันหยุดราชการของใครแต่อย่างใด แต่ความน่าสนใจก็คือประเพณีนี้มีอยู่มาอย่างยาวนาน ย้อนกลับไปได้ไกลถึงช่วงโรมันนู่นเลย โดยมีบันทึกโบราณพบว่า ต้นกำเนิดของวันนี้เกิดขึ้นใกล้เคียงกับ เทศกาลฮิลาเรีย ของโรมัน ที่จัดขึ้น วันที่ 25 มีนาคม
ในยุคต่อมาก็มีการเล่าอยู่ในหนังสือ ตำนานแคนเตอร์บรี ของชอเซอร์ (ค.ศ. 1392) ซึ่งเล่าว่า สมัยนั้นมีการเขียนบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานแม่ชี และพระ (Nun's Priest's Tale) ซึ่งเรื่องนี้มีการทำสำเนาเอาไว้หลายแผ่น แน่นอนว่าการคัดลอกด้วยมือย่อมมี Human Error เป็นเรื่องธรรมดา ทำให้เกิดการคัดลอกผิดพลาดเกี่ยวกับการระบุวันที่ จากเดิมพูดถึง 32 วันหลังเดือนเมษายน นั่นก็คือวันที่ 2 พฤษภาคม แต่ถูกทำสำเนาผิดเป็น 32 วันหลังมีนาคม ซึ่งก็คือวันที่ 1 เมษายน ทำให้ความหมายเปลี่ยนไป พอคนยุคหลังมาอ่านบันทึกที่ไม่เหมือนกัน ก็เข้าใจไปว่าตำนานฉบับคัดลอกเป็น เรื่องโกหก ซึ่งก็มีความเชื่อมโยงกับ วันที่ 1 เมษายน นั่นเอง
ทั้งนี้ยังมีอีกประวัติของวันเอพริลฟูลเดย์ เล่าว่าที่ยุโรปในยุคศตวรรษที่ 16 นั้นมีวันปีใหม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน กระทั่งมาถึง ค.ศ.1562 โป๊ป เกรกอรี จึงกำหนดให้ชาวคริสต์ทั่วโลกฉลองวันปีใหม่พร้อมกันในวันที่ 1 มกราคมแทน แต่เพราะสมัยก่อนข่าวสารไม่ได้กระจายรวดเร็วเหมือนสมัยนี้ กลุ่มคนที่อยู่ห่างไกลจากเมืองใหญ่จึงไม่รู้ แถมบางคนได้ยินแล้วก็ยังไม่เชื่อ เลยฉลองวันปีใหม่กันวันที่ 1 เมษายนเหมือนเดิม เลยทำให้พวกคนเมืองเอามาเย้ยหยันคนกลุ่มนี้ว่าเป็น พวกเมษาหน้าโง่ (April Fools) นั่นเอง
====================
วันเมษาหน้าโง่ April Fools' Day ในยุคปัจจุบัน
มาถึงทุกวันนี้ วันเมษาหน้าโง่ก็กลายมาเป็นวันที่ผู้คนจะล้อเล่นกันด้วยเรื่องโกหกต่างๆ นานา โดยต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า
- ต้องไม่ทำอันตรายให้คนอื่น
- ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
- ต้องไม่เกี่ยวกับความเป็นความตาย
แน่นอนว่าถ้าเล่นกันโดยตั้งอยู่บนพื้นฐาน 3 ข้อข้างต้นนี้ได้ ก็จะกลายเป็นเรื่องสนุกสนานที่ทำให้หัวเราะกันได้ไม่ยาก แต่มาถึงปัจจุบันที่การแกล้งกันเริ่มมีความอันตราย และหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายๆ คนก็ไม่ค่อยชอบวันนี้สักเท่าไหร่
*สำหรับในประเทศไทยนั้นการโพสต์ข้อมูลข่าวสารเท็จ หรือแชร์ข่าวปลอมนั้นถือเป็นการกระทำผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ 2560 มาตรา 14 มีโทษจำคุก 5 ปี หรือปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นเล่นกันแต่พอดี เพื่อควาใสนุกสนานกันพอหอมปากหอมคอนะ
====================