ตูนเดินทางในช่วงวันที่ 12–21 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นช่วงปลายฤดูซากุระพอดี ดอกไม้ยังพอมีให้ชมอยู่บ้างค่ะ 🌸 ✈️ ตั๋วเครื่องบิน สายการบินที่ใช้คือ Philippine Airlines ซึ่งเป็น Full Service (มีอาหารและโหลดกระเป๋า) แต่ต้อง ต่อเครื่อง ที่มะนิลา - ขาไป ▪️ BKK – MNL: 22:50 – 03:15 (PR733) ▪️ MNL – KIX: 14:20 – 19:10 (PR408) - ขากลับ ▪️ KIX – MNL: 10:05 – 13:10 (PR407) ▪️ MNL – BKK: 16:25 – 19:00 (PR736) 💰 ราคาตั๋วเครื่องบิน คนละ 17,200 บาท (ราคาจริง 15,355 บาท + ซื้อบริการปรับเปลี่ยนวันเดินทางเพิ่มอีก 1,845 บาท) - โหลดกระเป๋าได้ 23 กก. ทั้งไปและกลับ - กระเป๋าเป็น เช็คทรู ไม่ต้องยกเองระหว่างต่อเครื่อง - มีอาหารบริการครบทุกช่วง และเครื่องลำใหญ่ มีจอให้ดูหนัง/ฟังเพลง - ที่นั่งค่อนข้างสบายค่ะ ตูนสูง 180 ซม. ยังมีพื้นที่เหลือตรงขาเล็กน้อย https://www.youtube.com/watch?v=ApIlRIHsUno 🧘♀️ แม้ต้องรอต่อเครื่องนาน แต่สนามบินมี Starbucks ให้นั่งชิล และ Duty Free ให้เดินเล่น พอเพลินๆ (สนามบินที่เปลี่ยนเครื่องคือ Terminal 1 ค่ะ) --- 🛡️ ประกัน + อินเทอร์เน็ต - ประกันเดินทาง: Sompo คนละ 740 บาท - อินเทอร์เน็ต: ใช้ Roaming --- 🛬 เข้าสู่ญี่ปุ่น เมื่อลงเครื่องที่คันไซ ตูนผ่านตม.ได้ง่ายมาก เพราะลงทะเบียนล่วงหน้าที่ Visit Japan Web 🟢 แค่แสดง QR Code → สแกน → ยิ้มให้เจ้าหน้าที่ → รับกระเป๋า → ยืนยันตัวตน และเดินออกได้เลย --- 🚆 การเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง ขึ้น รถไฟด่วน (Express) จากสนามบินเข้าสู่เมือง 💸 ค่าเดินทาง คนละ 290 บาท --- 🏨 ที่พักคืนแรก: Osaka Guesthouse Sakura 🔗 ดูพิกัดใน Maps 🔗 จองผ่าน Trip.com 💰 ราคา 1,943.5 บาท/คืน ข้อดี: - บรรยากาศน่ารัก สไตล์ญี่ปุ่นโบราณนิดๆ ข้อเสีย: - ไม่มีลิฟต์ → ต้องยกกระเป๋าหนักขึ้นชั้น 3 เอง - ห้องน้ำรวม - เตียงดูเหมือนยังไม่ได้ทำความสะอาด (ผ้าห่มยังยับอยู่เลยค่ะ 😅) 🧳 ตูนนอนแค่คืนเดียว เลยไม่ได้ซีเรียสมาก เอาของเก็บแล้วก็ ออกไปหาอะไรกินรอบดึก ทันที --- 🍜 มื้อค่ำมื้อแรก ร้านชื่อ Osaka King 🔗 พิกัดร้าน สั่งหลายเมนูเลยค่ะ ทั้งหมด แค่ 357.6 บาท อร่อยทุกจาน! --- 🏞️ Day 1: 14 เมษายน 2567 – เที่ยวหมู่บ้านมรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” 🚄 ตูนใช้ JR Kansai Hokuriku Area Pass 7 วัน ราคา 4,400 บาท/คน 🔗 ดูรายละเอียดพาสจาก JR 🔗 จองผ่าน Klook - เดินทางจากโอซาก้า → คานาซาวะ (โดยชินคันเซ็น) - ต่อรถบัสจากคานาซาวะ → ชิราคาวาโกะ 💸 ค่ารถบัสไป-กลับ 1,248 บาท 🚌 ตอนจองรอบเช้า เต็มหมด → ได้รอบบ่าย ระหว่างรอก็เดินห้างใกล้ๆ เล่นไปก่อน (ตอนเที่ยงก็อดกิน เพราะกะจะไปฝากท้องที่หมู่บ้านค่ะ 😅) 🏡 ถึงชิราคาวาโกะ ถ้าใครเคยเห็นภาพหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขา หิมะโปรย หรือซากุระผลิบานแล้วรู้สึกว่า “อยากไปสักครั้งในชีวิต” – ตูนขอบอกเลยว่า Shirakawa-go คือที่นั้นจริง ๆ ค่ะ ถึงตูนจะไปในช่วงปลายซากุระ (กลางเมษา) แต่ที่นี่บรรยากาศยังคงสวยมาก ๆ ซากุระยังพอมีให้เห็นแซม ๆ ตามทางเดิน ผสมกับบ้านหลังคาทรงจั่วแบบ gassho-zukuri ที่ตั้งเรียงรายอย่างสงบ เหมือนหลุดเข้าไปใน postcard 🍙 ข้อแนะนำ: ถ้ามาช่วงบ่าย ร้านอาหารจะปิดหมด! แนะนำมารอบเช้า จะได้ทั้งกินทั้งเดินแบบจุก ๆ 💬 ตูนรู้สึกเฉยๆ กับชิราคาวาโกะช่วงซากุระ คิดว่าถ้ามาหน้าหิมะน่าจะสวยกว่า 🍚 มื้อเย็นวันนี้ ฝากท้องที่ **Yoshinoya** → ราคา 249.12 บาท อร่อยและอิ่มค่ะ 🗓️ Day 2 – 15 เมษายน 2567 วันนี้ตูนยังอยู่ที่ คานาซาวะ นะคะ เที่ยวกันให้เต็มที่ก่อนจะย้ายกลับไปตั้งหลักที่โอซาก้าในช่วงเย็น --- 🧭 เที่ยวคานาซาวะ (ที่กลายเป็นจุดแวะที่ประทับใจ!) ตอนแรกตูนแค่จะแวะคานาซาวะเพื่อต่อไปชิราคาวาโกะ แต่พอได้ใช้เวลาจริง ๆ ที่นี่ กลับ ตกหลุมรักเลยค่ะ 💕 🏯 ปราสาทคานาซาวะ – ใหญ่ อลังการ และล้อมรอบด้วยต้นซากุระที่ยังบานสะพรั่ง 🌸 สวน Kenrokuen – เป็น 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น มีบ่อน้ำ ต้นไม้ และสะพานไม้ที่โรแมนติกมาก 🍵 ย่าน Higashi Chaya – กลิ่นอายเอโดะชัดเจน เหมือนย้อนเวลาไปญี่ปุ่นยุคเก่า เดินช้า ๆ ซึมซับบรรยากาศ แล้วหาของฝากเก๋ ๆ ได้เลย 🍓 Highlight: ต้องลองไอติมกับสตรอเบอร์รี่สดจากตลาด Omicho! หวานหอมเย็นสดชื่นแบบดีต่อใจสุด ๆ 📍 พิกัดสถานที่เที่ยว: * Higashi Chaya District * Omicho Market * ปราสาทคานาซาวะ * สวน Kenrokuen --- 🍽️ สรุปค่าใช้จ่ายในคานาซาวะ (2 คน) 🍚 ข้าวเช้า Yoshinoya (พี่เอส + ตูน) – 159.84 + 152.88 = 312.72 บาท ☕ กาแฟยามเช้า – 35.76 บาท 🎁 ของที่ระลึกจากย่าน Higashi Chaya – 475.2 บาท 🍓🍦 สตรอเบอร์รี่ + Soft Cream (ตลาด Omicho) – 139.2 + 155.52 = 294.72 บาท 🍱 อาหารเที่ยง – 360 บาท 🚌 ค่ารถ Kanazawa Loop Bus – 100.8 บาท 🌸 ค่าเข้า Kenrokuen Garden – 153.6 บาท 🚌 รถเมล์กลับสถานี – 100.8 บาท 🍰 ชีสเค้กคุณลุง Rikuro (Osaka) – 610.8 บาท 🎒 ฝากกระเป๋าที่ Locker (สถานี Shin-Osaka) – 336 บาท 🍜 อาหารเย็นร้าน Ohsho – 261.84 บาท 🏨 ค่าที่พักคืนนี้ (Unizo Inn Shin-Osaka) – 2,483 บาท 💰 รวมทั้งหมด → 5,525.24 บาท --- 🏨 คืนนี้ย้ายมานอนที่ Shin-Osaka โรงแรม: Unizo Inn Shin-Osaka 🔗 พิกัด 💰 ราคา 12,411.12 บาท / 5 คืน → ตกคืนละ 2,483 บาท ข้อดี: * ใกล้สถานีชินโอซาก้ามาก → สะดวกต่อการเดินทางไปเมืองอื่น * สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ข้อเสีย: * ห้องมีกลิ่นอับเล็กน้อยค่ะ --- 🗓️ Day 3 – 16 เมษายน 2567 📍 จุดเริ่มต้น: โรงแรมที่ Shin-Osaka → นั่งรถไฟตรงสู่ โกเบ 🏙️ เมืองโกเบ โกเบเป็นเมืองที่ให้ฟีลต่างจากเมืองอื่น ๆ ในญี่ปุ่นค่ะ ทุกอย่างดู “มีคลาส” แบบเบา ๆ ตึก อาคาร ร้านค้า ดูน่ารักปนโมเดิร์น 🌿 Nunobiki Herb Garden – ที่นี่คือจุดชมวิวบนเขาที่น่ารักมากกก ขึ้นกระเช้าไปเจอบรรยากาศเหมือนสวนดอกไม้ในนิทาน กลิ่นหอมจากสมุนไพรอ่อน ๆ ลอยมาในอากาศ และมีร้านขายของที่ระลึกน่ารัก ๆ ด้วย 🍽️ ปิดวันด้วย “เนื้อโกเบ” ของแท้ ที่ละลายในปากแบบต้องหลับตาซึมซับ ถ้าจะลองซักครั้งในชีวิต… ก็ควรเป็นที่โกเบนี่แหละค่ะ 🎢 เช้านี้เริ่มจากการ นั่งกระเช้าขึ้นชมสวนสมุนไพรบนเขา วิวสวยมากค่ะ! 📍 Nunobiki Herb Garden 🎫 ค่ากระเช้า: 2 คน = 4,000 เยน = 960 บาท 🛍️ ของที่ระลึกจากสวน: 1,650 เยน = 396 บาท --- 🚄 ต่อจากโกเบ → ฮิเมจิ ขึ้น Shinkansen Hello Kitty ค่ะ น่ารักมากกก ใครที่มี JR Pass สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้เลย ไม่เสียเงินเพิ่ม 🔗 [รายละเอียด Hello Kitty Shinkansen](https://www.jr-hellokittyshinkansen.jp/th/) 🧸 ของที่ระลึกจากรถไฟคิตตี้: 1,080 เยน = 259.2 บาท --- 🏯 เมืองฮิเมจิ จุดหมายคือ ปราสาทฮิเมจิ ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น! ปราสาทฮิเมจิเป็น มรดกโลก และได้ชื่อว่าเป็นปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น พอไปจริง… มัน สมคำร่ำลือจริง ๆ ค่ะ 🤍 ตัวปราสาทสีขาวล้วนโดดเด่นตัดกับฟ้าสดใส บรรยากาศรอบ ๆ มีต้นไม้ให้ร่มเงา เดินเข้าไปแล้วเหมือนย้อนสู่ยุคซามูไรเลยค่ะ แถมยังเดินทางง่ายมากจากโกเบ แนะนำให้จัดแพลนแบบครึ่งวันก็พอค่ะ 📍 พิกัดปราสาทฮิเมจิ 🕍 สถาปัตยกรรมสวยมาก เป็นการชมประวัติศาสตร์ควบคู่กับธรรมชาติเลยค่ะ 🥢 มื้อเที่ยงที่ฮิเมจิ: 1,550 เยน = 372 บาท --- 🥩 ปิดท้ายวันกับ... “เนื้อโกเบ” ที่ต้องลองสักครั้ง! ร้านที่ตูนไปคือ Steak Land 📍พิกัดร้าน 💰 มื้อนี้ฟินมากกกกก... ราคา: 6,700 เยน = 1,608 บาท --- 💸 สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 3 (2 คน) 🏞 ค่ากระเช้า Nunobiki – 960 บาท 🌿 ของที่ระลึกจากสวนสมุนไพร – 396 บาท 🚅 ของที่ระลึก Hello Kitty Shinkansen – 259.2 บาท 🍱 อาหารเที่ยงที่ฮิเมจิ – 372 บาท 🥩 มื้อเย็นเนื้อโกเบ – 1,608 บาท 💰 รวมทั้งวัน – 3,595.2 บาท --- 🗓️ Day 4–5: 17–18 เมษายน 2567 – เที่ยว “เกียวโต” เมืองหลวงเก่าแห่งวัฒนธรรม เกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นค่ะ เต็มไปด้วยวัด ศาลเจ้า และเสน่ห์แบบดั้งเดิม ใครชอบแต่งชุดกิโมโน เดินเล่นตามวัด ที่นี่เหมาะสุดเลย 🌸 เกียวโตยังคงเป็นเมืองที่ “นิ่งและสวย” เหมือนเวลาหยุดเดินเมื่อเราก้าวเข้าไปในวัดหรือศาลเจ้าแห่งใดแห่งหนึ่ง 🏯 วัดทอง Kinkaku-ji – แสงอาทิตย์สะท้อนลงบนตัววัดสีทองเหมือนฉากในอนิเมะ 🏞 Philosopher’s Path – ทางเดินเลียบคลองที่โรแมนติก เหมาะกับคนที่ชอบเดินแบบไม่มีจุดหมาย ⛩ วัดน้ำใส – แม้จะคนเยอะ แต่วิวด้านบนที่มองเห็นเมืองทั้งเมือง ก็ยังทำให้ใจสงบ 🍦 ไอติม Shizen – ถ้าเหนื่อยแล้ว อย่าลืมแวะกินที่ร้านนี้ บรรยากาศดีมากกกกก! ไอติมโฮมเมดกับซอฟต์ครีมที่นุ่มละมุนและมีวิวสวนญี่ปุ่นเบื้องหน้า --- 📍 สถานที่เที่ยวแนะนำ: * Ginkakuji (วัดเงิน) * Philosopher’s Path * Nanzen-ji * Fushimi Inari Taisha * Kiyomizu-dera (วัดน้ำใส) * Kinkaku-ji (วัดทอง) * This is Shizen (ไอติมสุดฮิต) --- 💸 สรุปค่าใช้จ่าย (2 คน) วันที่ 17 เม.ย. 🎫 Kyoto 1 Day Pass – 264 × 2 = 528 บาท 🏯 ค่าเข้าวัดเงิน (Ginkaku-ji) – 120 × 2 = 240 บาท 🍱 อาหารเที่ยง – 216 บาท 🍦 ไอศกรีม La Tiare Kyoto – 144 บาท 🍜 อาหารเย็น – 160 บาท 💰 รวมทั้งหมด → 904 บาท วันที่ 18 เม.ย. 🚇 รถไฟใต้ดิน – 53 × 2 = 106 บาท ⛩ เข้าวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera) – 120 × 2 = 240 บาท 🍚 อาหารเที่ยงแถววัด – 204 บาท 🏯 ค่าเข้าวัดทอง (Kinkaku-ji) – 120 × 2 = 240 บาท 🍨 ไอศกรีมร้าน Shizen – 468 บาท 🚌 รถเมล์ – 110.4 บาท 🍱 อาหารเย็น – 216 บาท 💰 รวมทั้งหมด → 1,291.4 บาท 🗓️ Day 6 – 19 เมษายน 2567 โอซาก้าไม่เคยหลับค่ะ 🤍 เมืองที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อย ของกินน่ารัก และบรรยากาศสุดคึกคัก 🍠 มันเผาที่ขายริมทาง – หอม หวาน นุ่ม แบบที่แค่เดินผ่านก็ต้องหยิบ 🥚 ขนมรูปไข่ – น่ารักจนไม่กล้ากิน แต่ก็อร่อยจนต้องซื้อซ้ำ 🏮 ตลาด Shinsekai & หอคอย Tsutenkaku – เหมือนเดินในญี่ปุ่นยุคโชวะ ที่ยังมีชีวิตอยู่ โอซาก้าคือเมืองที่ต้องมากิน มากิน แล้วก็มากินอีกค่ะ 😋 📍 สถานที่เที่ยวในโอซาก้า: * ศาลเจ้า Sumiyoshi Taisha * Shinseikai Market * หอคอย Tsutenkaku (ตามรอยชินจัง) * ศาลเจ้า Namba Yasaka Jinja 🛍️ เดินเล่น กินขนม ช้อปเพลินๆ ชิลล์มากเลยค่ะ --- 💸 สรุปค่าใช้จ่าย (2 คน) 🚇 รถไฟใต้ดิน – 115.2 บาท 🍠 มันเผา (รอบแรก) – 72 บาท 🍓 สตรอเบอร์รี่ที่ศาลเจ้า – 132 บาท 🍠 มันเผาที่นัมบะ (รอบสอง!) – 96 บาท 🍱 อาหารเที่ยง – 228 บาท 🥚 ขนมรูปไข่ – 120 บาท 🍜 อาหารเย็น – 178 บาท 💰 รวมทั้งหมด → 941.2 บาท --- 🗓️ Day 7 – 20 เมษายน 2567 เพื่อความสะดวกในวันกลับ ตูนจึงย้ายไปนอนที่ ริงคุทาวน์ เพราะไฟลท์บินกลับตอน 10:05 น.→ ต้องตื่นเช้ามาก ถ้ายังอยู่ที่ Shin-Osaka จะเดินทางลำบากค่ะ --- 🏨 โรงแรมใกล้สนามบิน: **Plaza IN Kanku Hotel** 📍 ดูพิกัด 🔗 จองผ่าน Trip.com 💰 ราคาคืนละ 1,584.26 บาท * เป็นโรงแรมแบบ Self Check-in * เหมาะสำหรับค้างคืนก่อนบินกลับ * ณ วันที่ตูนจอง โรงแรมรอบสนามบินเต็มเกือบหมดแล้ว เลยเลือกที่นี่ --- 🌊 เที่ยวเล่นที่ RinkuTown ก่อนกลับ ก่อนกลับไทย ตูนมานอนที่ ริงคุทาวน์ เพื่อใกล้สนามบิน แต่ที่นี่กลับกลายเป็น hidden gem ที่น่ารักเกินคาด! 🛍 มี outlet ให้ช้อป 🌅 มีทะเลให้ชมพระอาทิตย์ตก 🎠 มีชิงช้าสวรรค์ให้ขึ้นไปดูวิวเมืองก่อนบอกลาญี่ปุ่น เป็นจุดสรุปทริปที่สงบและสวยงามค่ะ เหมาะมากสำหรับการเตรียมใจกลับไปสู่โลกความจริง 🥺 📍 Rinku Town --- ### 💸 สรุปค่าใช้จ่าย (2 คน) 🎠 ค่าชิงช้าสวรรค์ – 168 บาท 🍱 อาหารเที่ยง – 356.4 บาท ☕ Starbucks – 142.8 บาท 🍜 อาหารเย็น – 196.8 บาท 💰 รวมทั้งหมด → 864 บาท --- 🧳 สรุปทริป: 10 วัน 8 คืน กับการตะลุย โอซาก้า – เกียวโต – โกเบ – ฮิเมจิ – คานาซาวะ – ชิราคาวาโกะ – ริงคุทาวน์ ครบทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ช้อป ชิม และวัฒนธรรม ✨ ตูนใช้เงินทั้งหมด 52,380 บาท/คน รวมทุกอย่างแล้วทั้ง * ตั๋วเครื่องบิน * JR Pass * ที่พัก * ค่าเดินทาง * ค่าอาหาร * ประกัน * ช้อปนิดๆหน่อยๆ --- ขอบคุณที่เดินทางไปด้วยกันจนจบทริปนะคะ 🥰 ถ้าชอบการสรุปทริปแบบนี้ ฝากกดแชร์ให้ตูนด้วยน้า และหากอยากดูบรรยากาศแบบวิดีโอ ติดตามกันต่อได้ในช่องของตูน LovelyToonZ เลยค่ะ 🎥✨ Credit ภาพถ่ายทั้งหมด : LovelyToonZ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !