ในวันที่ไม่รู้จะไปไหน และเหนื่อยกับงานมากๆ จนไม่สามารถเดินทางไกลๆ ได้ แต่ใจก็ยังอยากไปเที่ยว ก็เน้นเป็นเที่ยวใกล้ๆ สะดวก ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องวุ่นวาย ไปถ่ายรูปเน้นชิลแล้วก็กลับไปพักเตรียมรับวันทำงานใหม่ๆ ที่เที่ยวไม่ไกลก็คงหนีไม่พ้นพัทยา เกาะล้าน แต่จุดประสงค์ของเราคือออกไปลองกล้อง เราเพิ่งจะไปซื้อกล้องตัวไหมมาก็เลยอยากจะลองกล้องใหม่ก่อนออกไปต่างประเทศในธันวาคม ก็ต้องประหยัดเงินเลยเลือกเป็นกรุงเทพ ไม่ต้องเสียค่ารถหรือค่าน้ำมัน แล้วหนึ่งวันในกรุงเทพมันไปไหนบ้างเรามาดูกันค่ะ ที่แรกก็ขอเริ่มที่หัวลำโพงก่อนเลย ไม่ได้ไปเที่ยวหรอกนะ จริงๆ ตั้งใจไปดูว่ายังมีรถไฟวิ่งอยู่ไหน เพราะอยากจะนั่งรถไฟข้ามไปปาดังเบซาร์ มาเลเซียอีกครั้งเลยแวะมาเช็ค และได้ความว่า เขาเลื่อนกำหนดการปิดสถานีหัวลำโพงออกไปแบบไม่มีกำหนด ดังนั้นเราก็ยังสามารถมาขึ้นรถไฟตรงนี้ได้ จนกว่าเขาจะประกาศวันปิดใหม่อีกครั้งค่ะ หลังจากทราบเรื่องรถไฟแล้ว เราก็ไป MRT หัวลำโพง เพื่อไปสถานีวัดมังกร ค่าโดยสาร 17 บาท สำหรับผู้ที่มาครั้งแรกแล้วไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องออกประตูไหนเพื่อไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่สถานีเขามีแผนที่ให้เห็นเลยว่าจุดท่องเที่ยวไหนอยู่ฝั่งประตูไหน ให้สังเกตป้ายแผนที่ที่ติดอยู่ผนังสถานีได้เลย ในครั้งนี้เราเลือกไปวัดมังกรกมลาวาสก่อน แต่ทว่าวันที่ไปกลับไม่ได้เข้าชมส่วนอื่นๆ นอกจากส่วนของการสักการะ ไม่แน่ว่าเพราะอะไร แต่ในตัววัดมีการกั้นเขตก่อสร้าง เลยทำให้ไม่ได้ภาพส่วนอื่นๆ มาก ในส่วนของพื้นที่สักการะส่วนในสุดจะห้ามถ่ายรูป ก็เลยทำได้แค่ถ่ายภาพโซนที่อนุญาตและไหว้บูชาด้วยธูปเทียนเล็กน้อยจากนั้นก็ออกไปถ่ายภาพตึกแถวแทน ช่วงหนึ่งย่านเจริญกรุง และตลาดน้อยค่อนข้างจะบูมมาก ผู้คนก็หลั่งไหลไปเที่ยว ไปถ่ายรูปที่นั้น หลักๆ แล้วก็เป็นสตรีทอาร์ตและอาคารต่างๆ ที่ถึงแม้บางตัวอาคารจะมีความเก่าแก่แต่ก็ดูวินเทจไปในตัว และขึ้นชื่อว่าตลาดก็ไม่ใช่สถานที่ที่อยู่แค่ในตลาดแต่หมายถึงอยู่ในชุมชนที่มีบ้านเรือนของผู้คนด้วย ในการถ่ายภาพแต่ละครั้งอาจจะต้องดูความเหมาะสมและผู้คนในบริเวณนั้น หากเขาดูเอนจอยกับการที่มีนักท่องเที่ยวไปถ่ายภาพก็แล้วไป แต่ถ้าตรงกันข้ามก็ต้องเคารพสิทธ์ส่วนบุคคลด้วยนะ ลักษณะการเดินเที่ยวตามหาตึกที่ดูวินเทจ และสตรีทอาร์ตต่างๆ นั้น เราต้องเดินลัดเลาะซอกแซกซอยต่างๆ บางซอยมันให้ความรู้สึกเหมือนหลืบลึก เงียบและไร้ผู้คน แต่มีการก่อสร้างอยู่มากมาย เดินผ่านไปพร้อมกล้องก็มีแต่คนมองจนรู้สึกประหม่า เลยเก็บกล้องลงเพื่อให้ไม่เป็นที่สนใจนัก การมาที่นี่นอกจากสตรีทอาร์ตแล้วอีกหนึ่งที่ที่ชาวเน็ตบอกว่าต้องไป ก็คงจะหนีไม่พ้นจุดเช็คอินรถเต่าโบราณ เก่าแต่มีความวินเทจ ส่วนตัวรู้สึกไม่เข้าใจเหมือนกันที่ทุกคนไปถ่ายรูปจุดนั้น จะว่ามันอาร์ตก็ใช่แหละ จะมองว่าก็แค่รถเก่าๆ ก็ใช่อีก แต่เราลองนำภาพไปปรับเป็นโทนภาพฟิล์มแล้ว มันก็เก๋อยู่นะ แต่ในโหมดภาพออริจินัลนั้นรู้สึกว่ามันเป็นมุมที่ไม่ว้าวเท่าไร ก็แล้วแต่รสนิยมและมุมมองการมองภาพของแต่บะคนด้วยแหละ ถ้ามีนางแบบแต่งตัวสวยๆ ภาพอาจจะไม่ธรรมดาก็ได้ตากแดดตากลมมาทั้งวันแล้ว ปิดท้ายด้วยการไปนั่งคาเฟ่ดื่มอะไรเย็นๆ สักหน่อย ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมชื่อคาเฟ่อะไรไว้มันก็เลยไม่มีคาเฟ่ในใจ เลือกเป็นคาเฟ่ที่เดินผ่านแล้วสะดุดตา ร้านชั้นขนมหวาน & Heaven On Earth Café เป็นคาเฟ่โทสีฟ้าสวย ด้านหน้าดูน่ารัก แต่ภายในคาเฟ่ดูหรูหรา เพราะวันที่ไปแดดมันร้อนมากๆ เลยทำให้รู้สึกอยากได้น้ำที่สดชื่น แทนที่จะดื่มคาปูชิโน่สุดโปรดก็ไปดื่มชาพีช หอมๆ หวานๆ แทน ซึ่งราคาของที่นี่ก็ไม่แรง แก้วละ 69 บาทเอง หลักๆ แล้วก็เป็นการลองกล้องซะมากกว่าท่องเที่ยวจริงๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นจะเขียนรีวิวกล้องได้เพราะยังอยู่ในช่วงของการศึกษา สำหรับกล้องที่ใช้ในทริปนี้ค่อ Panasonic Lumix G90 เรื่องภาพค่อนข้างประทับใจเลย ส่วนโหมดวิดีโอก็ถ่ายมานะตอนแรกก็จะทำวิดีโอด้วยแต่มันติดปัญหาที่ดึงไฟล์เข้าไอแพดไม่ได้ ต้องใช้อุปกรณ์อะแดปเตอร์เมมโมรี่ ก็เลยยังไม่สามารถทำคลิปได้ สำหรับทริปหน้าจะไปไหนนั้น สามารถไปติดตามกันได้ที่ แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย หรือทาง YouTube : I Tell You Try ได้เลยเรียบเรียงเนื้อหาและถ่ายภาพโดย หญิงเถื่อน ชวนแต่งแฟนซี หลอน สวย เซ็กซี่หรือสร้างสรรค์ ถ่ายภาพหรือวิดีโอ แล้วโพสต์ที่ TrueID Community ห้อง "13 สยองขวัญ"สำหรับผู้ที่ยอดกดไลค์สูงสุด 5 อันดับแรกอันดับที่1 : (ต้องมียอดไลค์เกิน 150 ไลค์) เงินรางวัล 3,000 บาทอันดับที่ 2-5: (ต้องมียอดไลค์เกิน 50 ไลค์) เงินรางวัล รางวัลละ 1,000 บาท (รวม 4 ท่าน 4,000 บาท)STAR COVER ส่งภาพเข้ามาได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 65 ถึง 3 พฤศจิกายน 65***