รีเซต

ครั้งแรกของฉัน 1 วัน เดินเที่ยว มะละกา มรดกโลก เมืองท่าสุดคลาสสิค

ครั้งแรกของฉัน 1 วัน เดินเที่ยว มะละกา มรดกโลก เมืองท่าสุดคลาสสิค
เอิงเอย
20 กันยายน 2561 ( 03:55 )
40.7K
1

       ทริปนี้ตื่นเต้นมากๆ ค่ะ เพราะเอาจริงๆ รู้จักเมืองนี้มาได้สักพักแล้ว แต่ไม่เคยมาเที่ยว นี่จึงเป็นครั้งแรกค่ะ ที่จะได้มาเที่ยว มะละกา (Malacca) เมืองมรดกโลกที่ มาเลเซีย แบบเต็มๆ วัน มาดูกันว่า 1 วันในมะละกา ครั้งแรกของเราจะสนุกขนาดไหน ! โอเค Let’s Go !!!

 

มะละกา มาเลเซีย 1 วัน เที่ยวไหนดี

 

       เริ่มต้นทริปครั้งนี้ต่างจากปกติ เพราะเราได้ไปนอนชิล และเดินทางมาที่ มะละกา ด้วยเรือสำราญชื่อดัง SuperStar Gemini หนึ่งในเรือสำราญของ Star Cruises ล่องจากสิงคโปร์ตอนเย็นของเมื่อวาน มาถึงเช้านี้พอดีเป๊ะที่ มะละกา มาเลเซีย ค่ะ พอเรือจอดช่วงประมาณสัก 9 โมง เราก็ไปลงเรือเล็กมาที่ท่าเรือของมะละกา และมีแพลนเที่ยวทั้งวันเลยค่ะ จะเที่ยวเอง หรือใครจะซื้อแพ็คเกจนำเที่ยวมะละกาของเรือ SuperStar Gemini ก็ได้เหมือนกันค่ะ

 

Malacca Straits Mosque

       ที่แรกที่เราไปเที่ยวในมะละกาก็คือ Malacca Straits Mosque หรือถ้าเขียนตามมาเลเซียจะเป็น Masjid Selat Melaka ค่ะ ที่นี่เป็นมัสยิดที่สวยงามมากๆ ตั้งอยู่กลางทะเล สร้างด้วยหินอ่อนค่ะ และโชคดีมากๆ เพราะปกติจะได้ชมความสวยงามแค่ด้านนอก แต่วันนี้เราได้เข้าไปด้านในด้วย

 

      ข้อปฏิบัติเล็กน้อยคือ ต้องแต่งตัวให้เหมาะสมค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ชายจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าผู้หญิงต้องมีการคลุมผมด้วยผ้าฮิญาบด้วย ซึ่งทางมัสยิดก็มีชุดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนก่อนเข้าไปในมัสยิดด้วยค่ะ

**ก่อนเข้ามัสยิด ต้องไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยก่อนค่ะ**

 

Malacca Malay House

       หลังจากนั้นเรามาต่อกันที่ Malacca Malay House ซึ่งเป็นคล้ายๆ กับ พิพิธภัณฑ์บ้านเก่าของชาวมาเลเซียในสมัยก่อนที่ได้อนุรักษ์ไว้ค่ะ ภายในบ้านก็คล้ายๆ กับคนใต้บ้านเรา บ้านจะค่อนข้างโปร่งโล่งสบาย มีหน้าต่างๆ เยอะๆ ให้ลมเข้า เพราะที่นี่เป็นเมืองชายทะเลค่ะ ร้อนมากๆ ด้านในบ้านก็จะมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ให้เราได้ชมค่ะ

 

Malacca Malay House มะละกา มาเลเซีย

 

Melaka’s Historic City Centre

      อากาศที่นี่ร้อนได้ที่เลย แนะนำให้พกโลชั่นกันแดดมาด้วยไม่งั้นเกรียมแน่นอน หลังจากทานมื้อกลางวันกันเรียบร้อย เราก็ไปเที่ยวต่อที่จุดที่เป็นไฮไลท์ของมะละกา ก็คือย่าน Melaka’s Historic City Centre ค่ะ (ที่นี่เขาจะเขียนคำว่ามะละกาหลายแบบมากเลยนะคะ มีทั้ง Malacca, Malaka และ Melaka ค่ะ แต่อ่านว่า มะละกาทุกคำ อย่าได้งงไป !)

 

 

       ตรงย่านนี้เป็นย่านที่ทางการมาเลเซียอนุรักษ์ไว้ อีกทั้งในปี 2558 ที่มะละกาได้รับแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากทาง UNESCO ด้วย ทำให้เมืองเริ่มคึกคักมีคนมาเที่ยวเยอะพอควรเลยทีเดียว

        นอกจากการเดินเยี่ยมชมเมืองเก่า และโบสถ์แล้ว เราสามารถนั่งรถ Trishaw Ride ซึ่งจะคล้ายๆ รถสามล้อถีบตามแถวเชียงใหม่บ้านเราตระเวนเที่ยวได้ด้วยค่ะ ราคาอยู่ประมาณ 40 ริงกิต มาถึงแล้วก็เอาซะหน่อย ขึ้นรถสามล้อถีบดูสักครั้ง สีสันของรถเตะตามากค่ะ มีทั้งคิตตี้, สโนว์ไวท์, ดอกไม้ มาเต็มมากๆ ใครชอบคันไหนก็เลือกได้เลย ฮ่าๆ

 

 

St.Paul’s Church

      คุณลุงสามล้อดูเหนื่อยพอตัวที่ปั่นพาเรามาเที่ยว ฮ่าๆ ที่แรกที่เราไปดรอปแวะชมก็คือ St.Paul’s Church ค่ะ อยู่ด้านบนเนินเขาต้องเดินขึ้นไปกันสักหน่อย คุณลุงก็บอกว่า จะรออยู่ข้างล่างนะ เดินขึ้นไปเอง กลับมาให้ทันประมาณภายใน 1 ชั่วโมง โอเคค่ะลุง !

 

       ด้านล่างของโบสถ์เก่าจะเป็นคล้ายๆ ป้อมปราการเมือง ซึ่งกลายเป็นซากปรักหักพัง มีป้อมปืนให้ได้เห็นอยู่ค่ะ ถ่ายรูปกันสักหน่อย ! เดินต่อขึ้นมาที่โบสถ์ด้านบนเนินเขา ตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยมากๆ ของเมืองมะละกาเชียงค่ะ ได้เห็นวิวทั้งเมือง มีเรือสำเภาลำยักษ์อยู่กลางเมือง แถมเห็นเรือสำราญของเราอยู่ไกลๆ ด้วย อดใจไม่ถ่ายรูปไม่ไหวอีกแล้ว >.<

 

 

Jonker Street

       หลังจากเดินกลับลงมา คุณลุงสามล้อถีบก็พาตระเวนรอบๆ ย่านเก่าก่อนที่จะไปจบที่จุดเดิมค่ะ เราไปต่อที่ถนนคนเดินชื่อดังของมะละกา Jonker Street ถ้ามาวันหยุด หรือตอนหัวค่ำหน่อยจะคึกคักมาก แต่เรามาช่วงกลางวันก็เลยไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ก็ถ่ายรูปสวยค่ะ

 

 

Baba Nyonya Heritage Museum

       สถาปัตยกรรมของตึกจะเป็นแบบชิโนโปตุกีสแถบทั้งหมด เหมือนที่ ย่านเก่าเมืองภูเก็ตบ้านเรานั่นเอง เดินเข้ามาหน่อยจะเจอกับพิพิธภัณฑ์ Baba Nyonya Heritage Museum ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ก็คือ บ้านของ Baba และ Nyonya ของจริงเลยค่ะ สองสามี-ภรรยา เป็นคนจีนซึ่งมาอยู่ที่มะละกา และค้าขายเกี่ยวกับเครื่องประดับ และทอง ทำให้มีเรื่องราว และการทำรองเท้าที่ใช้ลูกปัดมาร้อยอย่างสวยงามเป็นครั้งแรกที่มะละกาอีกด้วยค่ะ

 

San Shu Gong

       หลังจากนั้นเราก็เดินชิลที่ Jonker Street ต่อ ไปที่ด้านหน้าของถนนเลยจะมีร้านขายของฝาก San Shu Gong อยู่ค่ะ มีขนมเยอะแยะของมาเลเซีย ให้เราได้ช้อป และยังมีขนมหวานชื่นใจอร่อยเด็ดของมะละกาอีกด้วย เอาจริงๆ ตอนเสิร์ฟมาหน้าตาดูคล้ายลอดช่องสิงคโปร์บ้านเราค่ะ มีชื่อว่า Gendol แต่รสชาติจะเข้มข้นกว่าหน่อย เป็นกะทิ และขมๆ นิดนึง เดินมาทั้งวัน ได้กินขนมหวานเย็นๆ นี้เข้าไป ชื่นใจมากกกก !

 

 

       จบทริป 1 วันในมะละกาไปแบบประทับใจมากค่ะ ได้นั่งรถสามล้อที่ไม่มีที่ไหนเหมือนในโลก ได้เดินชม เดินเที่ยวถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ รวมถึงได้ชิมอร่อยหวานท้องถิ่นที่อร่อยแบบไม่คาดฝัน ใครที่แพลนจะมาเที่ยวมะละกา มาชิลล์แบบเราได้นะคะ ทริปนี้มีแต่ชิมกับชิล !