รีวิวเที่ยวกุ้ยหลินเมืองไทย เขื่อนรัชชประภา ฤกษ์แต่งงานวันและเวลาเดิม ไม่ได้เลื่อนหรือยกเลิก ไม่ใช่งานแต่งฉันค่ะ แต่เป็นงานแต่งเพื่อน งานนี้ล่ะที่ทำให้เพื่อนได้รวมตัวอีกครั้ง ตั้งแต่เรียบจบแยกย้าย หาเวลาเจอกันยากค่ะ สิ่งที่ทำให้พวกเราไม่เคยห่างกัน ก็มีโซเชียลนี่ล่ะ ไลน์กลุ่มกรุ๊ปแชตข้อความรัวไม่หยุด ใครไปกับใคร อะไร ยังไง พักไหน นอนไหน ส่วนตัวฉันตามอ่านไปค่ะ ท้ายแชทสรุปข้อความได้ว่า ทุกคนเดินทางไปกันก่อนคือวันเสาร์ ฉันคนเดียวที่ทำงานวันเสาร์และเลิกในช่วงค่ำ เดินทางได้ คือจองตั๋วเครื่องบินวันที่ 31 บินวันที่ 1 ตรงกับวันงานพอดีจ้า แต่งเพื่อนทั้งทีไม่ไปได้ไง จองแต่ขาไป เพราะตั้งใจจะกลับกับเพื่อน ที่ขับรถกันไปก่อนหน้านี้แล้ว วันอาทิตย์ที่ต้องบินก็รีบเลย สะดุ้งตื่นจากเผลอหลับ เพราะมัวแต่วุ่นวายกับแพ็คกระเป๋าจนดึก รีบอาบน้ำ เป่าผม พร้อมมุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ เฉียดฉิว ไม่ตกเครื่องเช็กอินทันเวลาเป๊ะ 09.00 - 11.00 น. พิธีขันหมากและพิธีอื่นตามลำดับ พออาหารเสิร์ฟปุ๊บ แพลนทริปเที่ยวผุดมาในหัว พวกเราเลือกที่จะไปเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน พออิ่มแล้วก็เตรียมถ่ายรูปกับบ่าวสาว 12.40 น. ออกจากงานแต่งก็ขับรถกันไปที่เขื่อน เพื่อนขับและฉันนอนมาตลอดทาง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากี่กิโลตั้งแต่ออกจากโรงแรม 14.00 น. ถึงเขื่อนนำรถไปจอดไว้ที่ลานจอด ติดต่อเรือนำเที่ยว รวมถึงติดต่อสั่งอาหารมื้อค่ำ เพื่อที่กลับมาถึงฝั่งจะได้รับประทาน ไม่ได้ลงราคาเพราะเพื่อนสำรองจ่ายไปก่อน จากนั้นเราค่อยมาหารกันค่ะ 14.30 น. ลงเรือกันเลย ขับเรือออกจากท่าเรือมา 30 - 40 นาทีน่าจะได้ ตลอดทางพี่คนขับเรือก็แนะนำความเป็นมา ของอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน สถานที่ธรรมชาติที่คงความสวยงาม อุดมสมบูรณ์ ทั้งภูเขาหินปูน น้ำที่ล้อมรอบหรือใคร ๆ ก็เรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากุ้ยหลินเมืองไทย จนจอดที่จุดไฮไลท์อย่างเขาสามเกลอ เรียกได้ว่าถ้าไม่เห็นเขาสามเกลอ คงไม่ถึงเชี่ยวหลานแน่ ๆ เนื่องจากเป็นช่วงเย็น คนไม่เยอะ ทำให้เรือพวกเรามีเวลาในการเก็บภาพ และเก็บบรรยากาศ ในจุดไฮไลท์อย่างเต็มที่ ส่วนตัวสุดเพราะมีลำเดียวตรงนั้น ใช้เวลานานพอ ที่จะเรียงคิวไปถ่ายรูปเดี่ยว ด้านหน้าหัวเรือจนครบทุกคน และยังไม่ลืมที่จะถ่ายภาพกลุ่มรวมกัน จากนั้นพี่คนขับเรือมาส่งพวกเราตรงที่พักของอุทยานเขาสก เพื่อให้เราได้เล่นน้ำ พี่เจ้าหน้าที่ของอุทยานที่รอต้อนรับ พร้อมแนะนำเรื่องความปลอดภัยก่อนลงเล่นน้ำ โดยให้เราใส่ชูชีพ วิวตรงหน้าที่เป็นภูเขาและโอบรอบไปด้วยน้ำ สวยงามมาก เหมือนภาพวอลเปเปอร์เลย เสียงโดดน้ำตู้มมม ..ใหญ่ พวกเราเล่นน้ำและพายเรือแคนนูกันสนุกมาก ตรงเขตหน้าที่พักที่อุทยานกำหนด ไม่ได้เสียค่าบริการแต่อย่างใด เพียงแต่ขอความร่วมมือให้ทำตามกฏ และช่วยกันรักษาความสะอาดก็เท่านั้น หมดแสงของตะวันก็เหมือนกับหมดเวลาสนุกของพวกเราด้วย มืดไวมาก พวกเราเตรียมตัวนั่งเรือกลับเข้าฝั่ง สองฝั่งน้ำระหว่างทาง กลับมืดสนิท นอนหลับตาเพลิน ฟังเสียงลม เสียงน้ำกระทบข้างเรือ และเสียงเครื่องเรือเท่านั้น พอถึงฝั่งทุกคนพร้อมใจกันหิวโซ เดินตรงไปร้านอาหาร อาหารเสิร์ฟไว้แล้วบนโต๊ะพร้อมรับประทาน อาหารใต้พื้นเมือง แกงเหลือง ใบเหลียงผัดไข่ ปลาทอด หอยนางรมตัวบิ๊กเบิ้ม ฯลฯ กินจนพุงกาง พักรออาหารย่อยแป๊บ พวกเราก็ขับกลับเข้าเมืองสุราษฎร์ ไปพักโรงแรมพักผ่อนตามอัธยาศัย เพื่อเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น ทริปที่สุดสั้นกระจิ๊ดริด แทบจะไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำที่เราอยู่ในเขื่อนเชี่ยวหลาน แต่พวกเราใช้เวลาคุ้มค่ามาก ไม่ปล่อยทุกวินาทีหล่นหายเลย เพราะรู้ว่าไม่ได้มาเที่ยวและรวมตัวกันแบบนี้บ่อยแน่ เสียงหัวเราะเสียงความสนุกก้องในหัว เหมือนกับเสียงก้องตอนที่อยู่ในเขื่อนเลย อยากอยู่ให้นานกว่านี้จัง แผนที่การเดินทาง ไว้จะมาใหม่นะ เครดิตภาพถ่ายเองค่ะ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !