เรื่องดวงเป็นเรื่องที่สืบต่อกันมาของคนไทยอย่างยาวนาน วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นวัดที่พระราชินีในรัชกาลที่ 1 ได้มาดูดวงเอาไว้ค่ะ วัดนั่นคือวัดกุฎีทองนั่นเอง เมื่อมาถึงบริเวณวัดแล้วให้เราจอดรถอยู่ทางด้านหน้าของรูปหล่อทูลทองใจนักร้องลูกทุ่งชื่อดังแห่งอัมพวา หรือที่เรียกว่าบริเวณบ้านดนตรีก่อนค่ะ จากนั้นให้เดินต่อไปที่บริเวณอุโบสถเพื่อไปกราบสักการะบูชาพระกันก่อน ด้านในนอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานของรูปหล่อของพระพุทธเจ้าแล้วยังมีรูปหล่อของหลวงปู่ปลัดทิม ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่ดูดวงให้กับพระมเหสีในสมัยรัชกาลที่ 1 ค่ะ เดิมทีแล้วพระมเหสีในสมัยรัชกาลที่ 1 ท่านเป็นคนอัมพวาและมีบ้านอยู่ตรงข้ามกับวัดแห่งนี้ในสมัยนั้นท่านได้มากราบไหว้หลวงปู่ปลัดทิม จากนั้นหลวงปู่ก็ได้ดูดวงแล้วบอกว่าท่านจะได้เป็นใหญ่เป็นโตเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ และสุดท้ายท่านก็ได้เป็นจริง ๆ ค่ะ ท่านถึงมาสร้างกุฎีทองถวายให้กับวัดนี้นั่นเอง จากนั้นให้เราเดินมาที่บริเวณกุฎีทองซึ่งศาลาไม้หลังใหญ่ที่สวยงามตั้งเด่นอยู่ด้านหน้าอุโบสถกันค่ะ เมื่อขึ้นมาทางด้านบนแล้วให้เดินมาทางขวามือก็จะเจอกับหลวงพ่อสัมผัสทิพย์ที่ชาวบ้านมีความเชื่อกันว่าได้มาฝากดวงกับท่านจะทำให้ดวงดีไม่มีเรื่องเลวร้ายนั้นเอง วิธีการฝากดวงก็ง่ายมากค่ะให้เราไปหยิบดอกไม้สีประจำวันเกิดและแผ่นดวงราคา 100 บาทจากนั้นเขียนชื่อและที่อยู่รวมถึงวันเกิดของตัวเองลงในแผ่นดวง แนะนำมาสวดมนต์กราบไหว้ขอพรตามแผ่นใบที่ได้รับ และถ้าหากมองดี ๆ ทางด้านซ้ายมือก็จะพบกับองค์พระพิฆเนศที่มีลักษณะเก่าแก่ ให้เราได้กราบไหว้กันด้วยค่ะ กุฎีทองแห่งนี้เดิมทีแล้วถูกสร้างขึ้นมา 3 หลังด้วยกันแต่เนื่องจากน้ำกัดเซาะตลิ่งจึงทำให้เกิดความเสียหายเหลือแค่ 1 หลังเท่านั้นโดยทั้งภายนอกและภายในของกุฎีทองแห่งนี้ถูกลงรักปิดทองด้วยทองคำจึงทำให้มีชื่อว่ากุฎีทองนั่นเอง จากนั้นให้เราเดินมาที่บริเวณประตูตรงกลางเพื่อที่จะไปชมด้านในกันค่ะโดยทางด้านในจะเป็นที่เก็บสะสมสิ่งของโบราณอาทิเช่น ถ้วยชาม เครื่องโลหะกันค่ะ เดินต่อเข้าไปด้านในอีกนิดก็จะพบกับกุมารทอง ที่มีผู้คนมากราบไหว้กันเยอะแยะนั่นเอง เมื่อมาถึงตรงกลางเรือนหลังนี้อยากให้ลองมองขึ้นไปด้านบนสักเล็กน้อยก็จะพบกับลวดลายวิจิตรสวยงามของการลงรักปิดทอง แม้จะมีส่วนที่เลือนลางแต่ก็ยังคงความสวยงามเอาไว้ จริง ๆ แล้วที่วัดแห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมสิ่งของเก่าหลังจากที่ได้ทำการขุดค้นศาลาหลังเก่าที่ผุพังไปด้วย แต่เนื่องจากไม่มีบุคลากรเพียงพอจึงทำให้พิพิธภัณฑ์ไม่สามารถเปิดได้ค่ะ หลังจากที่เราได้กราบพระขอพรกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาที่เราจะไปหาของกินกันที่ตลาดด้านข้าง โดยที่เขาเน้นให้ชุมชนของตัวเองออกมาขายค่ะเพราะฉะนั้นก็จะมีความเป็นเอกลักษณ์ของคนอัมพวานั่นเอง และที่มาแล้วก็ต้องทานให้ได้เลยนั่นก็คือลูกอัมพวา ซึ่งเป็นลูกไม้ที่หาทานได้เฉพาะที่อัมพวาเท่านั้นชมพู่มะเหมี่ยวอร่อยดีค่ะ หากใครที่มาเยี่ยมชมจังหวัดสมุทรสงครามก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้รวมถึงตลาดเล็ก ๆ ในวัดด้วยนะคะ แต่หากใครที่อยากชมความงดงามของกุฎีทองมากขึ้นแล้วก็อย่าลืมเข้าไปดูที่ Link ด้านล่างนี้นะคะโดยลิงนี้จะเป็นคลิปที่ถ่ายทอดบรรยากาศของที่นี่เอาไว้ https://youtu.be/6AVKFLjkbeM ที่อยู่ : วัดภุมรินทร์กุฎีทอง ตำบล สวนหลวง อำเภออัมพวา สมุทรสงคราม 75110 เบอร์โทร : 086 797 6318 Google Map : https://maps.app.goo.gl/urULfMgtbTpkKQkH9