ทุกครั้งที่แวะเข้าไปที่วัดไตรภูมิ วัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งในเมืองเพชรบูรณ์ แล้วพบกับความสงบจนดูเหมือนจะเงียบเหงาภายในวัด ทำให้ผมอดไม่ได้ตั้งข้อสังเกตบางประการ วัดไตรภูมิแห่งนี้ เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธมหาธรรมราชา (องค์จริง) พระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอีกองค์หนึ่ง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีอุ้มพระดำน้ำอันลือลั่นหนึ่งเดียวในโลกของเพชรบูรณ์ และเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างสูงของพี่น้องประชาชนชาวเพชรบูรณ์รวมถึงพื้นที่ต่าง ๆ ถึงกับมีการสร้างองค์จำลองขนาดใหญ่เด่นตระหง่านอยู่ที่พุทธอุทยานเพชรปุระ ริมถนนสายสระบุรี - หล่มสัก จนกลายเป็นเสมือนแลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งของเพชรบูรณ์ ซึ่งผมเคยเขียนไว้ในบทความ "พุทธมหาธรรมราชา เมื่อปาฏิหาริย์แห่งศรัทธาขยายขนาดองค์พระ" ที่ได้รับการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ทรูไอดีแห่งนี้ และด้วยเหตุที่พระพุทธมหาธรรมราชาองค์จริง ที่จะได้รับการอัญเชิญไปประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำทุกปี ประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้ ดังนั้น เมื่อถึงช่วงเทศกาลอุ้มพระดำน้ำในวันเพ็ญเดือนสิบ คือประมาณดือนกันยายน - ตุลาคมของแต่ละปี ก็จะเหมือนช่วงเวลาที่วัดนี้จะคึกคัก มีชีวิตชีวา เพราะจะมีขบวนเรือของผู้ว่าราขการจังหวัดและคณะ ล่องตามแม่น้ำป่าสักมาจอดที่ท่าน้ำด้านหน้าฝั่งตรงข้ามประตูวัด เพื่ออัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาจากพระมณฑปภายในวัดลงเรือไปประกอบพิธีบริเวณท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมารซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เมื่อเสร็จพิธีก็จะอัญเชิญกลับมาประดิษฐานที่เดิม แต่ทว่าเมื่อผ่านพ้นช่วงเทศกาลงานประเพณีดังกล่าวไป ผมสังเกตได้ว่า วัดนี้ก็จะดูเงียบเหงาลงไป แทบไม่มีใครแวะเวียนเข้ามามากนัก ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือคนในพื้นที่เอง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น อาจจะเป็นเพราะว่า ที่ตั้งของวัดอาจจะไม่สะดวกกับการเดินทาง ขับรถ หรือจอดรถเท่าวัดอื่น ๆ และอีกสาเหตุหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะว่า ภายในวัดดังกล่าว นอกจากพระมณฑปประดิษฐานพระพุทธมหาธรรมราชาที่ดูเหมือนจะได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความสวยงามแล้ว ศาสนสถานอื่น ๆ ก็มีเพียงพระอุโบสถหลังเก่า และพระเจดีย์ทรงปรางค์ที่อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเท่านั้นที่จะพบเห็นจนคุ้นตาในทุก ๆ ครั้งที่ผมเข้ามาสักการะพระพุทธมหาราชาที่พระมณฑป ซึ่งเป็นสภาพที่ต้องยอมรับกันว่า มีแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวน้อยกว่าสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ แม้แต่พระมณฑปที่ประดิษฐานองค์พระพุทธมหาธรรมราชาองค์ ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้มีความสวยงามโดดเด่นกว่าจุดอื่น ๆ ภายในวัด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยปรากฎร่องรอยการมาสักการะมากนัก เมื่อเทียบกับพระพุทธมหาราชาองค์ใหญ่ที่พุทธอุทยานเพชรปุระ ซึ่งมีผู้คนเข้าไปเที่ยวชมและสักการะกันคับคั่ง ผมเคยแอบคิดเล่น ๆ ในยามที่อยู่กับความเงียบสงบภายในวัดว่า ถ้าหลวงพ่อ (พระพุทธมหาธรรมราชา) ท่านสามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดออกมาให้รับรู้ได้ ท่านจะรู้สึกน้อยใจหรือไม่ กับการที่ท่านได้รับการอัญเชิญให้ประดิษฐานอยู่ในวัดเก่าแก่ที่แลดูเงียบเหงาแบบนี้ โดยจะได้รับการอัญเชิญออกไปประกอบพิธีฯ ปีละครั้ง บรรยากาศก็อาจจะคล้าย ๆ กับญาติผู้ใหญ่ที่อยู่เฝ้าบ้าน แล้วมีลูกหลานพากันมาเยี่ยมครั้งใหญ่ในช่วงเทศกาล แต่พอผ่านพ้นช่วงเวลาพิเศษก็คงอยู่กับความสงบเงียบที่เรียบง่ายแบบนั้นต่อไป แต่ไม่รู้ว่าหลวงพ่อท่านจะดลใจ หรือมีสิ่งใดที่ทำให้ผมมองเห็นอีกมุมหนึ่งว่า แม้องค์จริงของพระพุทธมหาธรรมราชาจะยังคงประดิษฐานอยู่ที่วัดไตรภูมิแห่งนี้ ในลักษณะที่ดูเหมือนว่าได้รับความสนใจน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ชาวเพชรบูรณ์ทุกคน รวมถึงผู้คนจากหลากหลายพื้นที่ที่มาเยือนเมืองนี้ ต่างก็ยังคงรู้จักและให้ความเคารพศรัทธาต่อ "บารมี"ของท่านอยู่ไม่เสื่อมคลาย สิ่งที่เป็นพยานแสดงให้เห็นประจักษ์ก็คือพระพุทธมหาธรรมราชาองค์ใหญ่ที่เป็นองค์แทนของท่าน ซึ่งสร้างขึ้นได้ด้วยพลังแห่งศรัทธาอย่างล้นหลาม และปัจจุบันก็ยังคงมีผู้คนหลั่งไหลไปกราบสักการะขอพรกันอยู่เสมอ แม้ว่าจะมีเพียงส่วนหนึ่งที่เข้ามากราบขอพรองค์จริงที่วัดแห่งนี้ก็ตาม สิ่งที่ปรากฎนี้ทำให้ฉุกคิดได้ว่า เรื่องของ "บารมี" นั้น ไม่จำเป็นต้องผูกติดอยู่กับตัวตนเจ้าของบารมีนั้นเสมอไป หากแต่บารมีหรือคุณงามความดีนั้น สามารถแผ่ขยายออกไปให้เป็นที่ประจักษ์ได้ไม่จำกัด เช่นเดียวกับผลแห่งการทำความดี อาจจะไม่ได้ปรากฎผลเฉพาะที่ตัวตนของผู้กระทำแต่อย่างเดียว หากแต่เป็นเสมือนพลังงานด้านบวกที่กระจายออกไป สถิตอยู่ทุกพื้นที่ที่สามารถสัมผัสและรับรู้ได้ ไม่ว่าตัวเจ้าของคุณงามความดีนั้นจะอยู่ที่ใด หรือแม้จะไม่มีตัวตนอยู่บนโลกแล้ว แต่คุณงามความดีนั้นมิได้ตายตามสังขารของผู้กระทำไปด้วย ดังนั้น หากเราเปิดใจให้กว้าง ไม่ยึดติดกับตัวตนหรือมองแค่ผลในวงแคบ ก็จะสามารถมองเห็นผลแห่งความความดีที่เรากระทำซึ่งเกิดขึ้นในวงกว้าง ซึ่งจะทำให้เราภาคภูมิใจ และลดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเพราะคิดว่าไม่มีใครเห็นคุณค่าหรือให้ความสำคัญ ทุกวันนี้ผมยังคงแวะเวียนเข้าไปที่วัดไตรภูมิอยู่ตามที่เวลาและโอกาสจะเอื้ออำนวย ซึ่งแน่นอนว่า ทุกครั้งที่เข้าไป จะพบกับองค์พระพุทธมหาธรรมราชาองค์จริง ที่ยังคงประดิษฐานอยู่ในมณฑปอันเงียบสงบ กับบรรยากาศภายในวัดที่เกือบจะเงียบสงัด ทว่าในเงียบนั้น กลับไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าสถานที่นั้นเงียบเหงาราวกับถูกทิ้งอย่างที่เคยรู้สึกอีกต่อไป เพราะแง่คิดที่ทำให้เรียนรู้ว่า จุดเริ่มต้นของพลังแห่งความดีที่อาจจะสั่นสะทือนโลกได้ทั้งใบ อาจจะอยู่ที่สถานที่เงียบ ๆ อย่างเช่นสถานที่นี้... ภาพประกอบและภาพปกบทความโดย 31singha