สวัสดีค่าเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ หลังจากที่เราได้รีวิวทริปเที่ยว “ชิลล์ไปเรื่อย...เอื่อยเฉื่อยที่กาญนะจ๊ะบุรี” ในบทความก่อนหน้านี้กันไปแล้ว วันนี้เราเลยจะมารีวิวทริปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีครั้งที่ 2 ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ได้อ่านกันต่อว่าเราไปเที่ยว พัก และกินที่ไหนบ้าง เผื่อว่าเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ จะได้ตามรอยไปเที่ยวกันในช่วงวันหยุดยาว รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ^^ ก่อนเดินทางไปถึงจังหวัดกาญจนบุรี เราก็แวะกินอาหารเที่ยงที่ร้าน “ครัวจ่าพอง” ร้านเดิมกับทริปที่แล้วนั่นเอง แถมยังสั่งเมนูเดิม ๆ อีกด้วยค่ะ 5555 ไม่ว่าจะเป็นเมนูสามชั้นทอดน้ำปลา, ต้มยำปลาคัง, ทอดมันปลากราย และกบทอดกระเทียม แต่เพิ่มเติมแตงโมหวานฉ่ำที่ทางร้านหั่นชิ้นแตงโมมาให้กินแบบฟรี ๆ บอกเลยว่าอาหารอร่อย แถมบริการดีมาก ๆ ด้วย น่ารักสุด ๆ ใครชอบอาหารป่ารสชาติอร่อย เผ็ดจัดจ้านถึงใจในราคาสุดคุ้ม แนะนำให้มากินร้านนี้เลยค่ะ จากนั้นแวะไปไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตกันต่อที่ “วัดไร่แตงทอง” บริเวณใกล้ ๆ กัน ซึ่งวัดไร่แตงทองเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในย่านกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม โดยไฮไลต์ของวัดแห่งนี้คือรูปปั้นหลวงปู่หลิวที่นั่งอยู่บนหลังพญาเต่าเรือนองค์ใหญ่ ผู้คนจำนวนมากจึงนิยมเข้ามากราบไหว้พระขอพรลอดใต้ท้องพญาเต่าเรือนเพราะเชื่อว่าจะทำให้สุขภาพแข็งแรง หายจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และมีอายุยืนยาว นอกจากนั้นยังมีวัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงในเรื่องของพุทธคุณ, เมตตามหานิยม และด้านการค้าขายให้บูชาอีกด้วยค่ะ หลังจากไหว้พระแล้วจึงเดินทางต่อไปยังจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเช็กอินเข้าที่พัก “โรงแรมมาร์กาญ รีสอร์ท” โรงแรมเดิมอีกเช่นกัน เพราะประทับใจในเรื่องความสะอาดของห้องพักและการบริการ ที่สำคัญยังเดินทางสะดวกอีกด้วย เมื่อเช็กอินแล้วก็พักร่างซะหน่อย ก่อนจะไปกินอาหารเย็นที่ร้าน “คีรีมันตรา” ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ใครหลายคนมักแวะมากินอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากด้านหลังร้านเป็นวิวธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยปังไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นในห้องน้ำของร้านยังมีน้ำตกขนาดย่อมให้ได้ผ่อนคลาย โดยเฉพาะเวลาถ่ายท้องหนักค่ะ 5555 เมนูอาหารร้านคีรีมันตรามีให้เลือกหลากหลาย เมนู ซึ่งเมนูอาหารที่เราสั่งนั้นล้วนเป็นเมนูเด็ดของร้าน ไม่ว่าจะเป็น “ยำถั่วพู” ถั่วพูปรุงรสด้วยพริกเผาและกะทิสด, “ข้าวอบสับปะรด” ที่เสิร์ฟในสับปะรดครึ่งลูกแบบผ่าซีก, “ซี่โครงหมูรมควัน” ซี่โครงหมูที่นำไปย่างหรือรมควัน และ “ฟรุตสลัดกุ้งแก้ว” ฟรุตสลัดผลไม้ใส่ในกระทงเผือกทอด เสิร์ฟพร้อมกุ้งชุบแป้งทอด รสชาติอาหารโดยรวมถือว่าอร่อยเลยทีเดียวค่ะ พอกินอาหารเสร็จแล้วก่อนจะนั่งรถกลับที่พัก ข้างร้านอาหารยังมีร้านคาเฟ่ The Village Farm To Cafe' ตั้งอยู่ติดกัน ซึ่งเราเคยเขียนรีวิวร้านคาเฟ่แห่งนี้ในบทความ “The Village Farm To Cafe' คาเฟ่สุดชิคสไตล์โมเดิร์นท่ามกลางธรรมชาติ สาวกคาเฟ่ห้ามพลาด!” หลังจากกินอาหารคาวเสร็จแล้ว ใครสนใจกินขนมหวานอร่อย ๆ สามารถเดินมากินของหวานได้นะคะ (เจ้าของร้านเป็นคนเดียวกันค่ะ) เมื่อกลับมาถึงที่พักแล้ว รอบ ๆ บริเวณที่พักเปิดไฟสวยงามจนอดถ่ายรูปไม่ได้ จึงถ่ายรูปสักหน่อยก่อนเดินขึ้นที่พักเพื่ออาบน้ำนอนเก็บแรงเที่ยวในวันถัดไปค่ะ ^^ วันรุ่งขึ้นหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เราเดินทางไปชม “น้ำตกไทรโยคใหญ่” ก่อนเป็นที่แรก แต่ระหว่างทางเราก็แวะเข้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมันบางจากที่ติดกับสถานที่เที่ยว “เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔” ซึ่งเป็นเมืองย้อนยุคที่จำลองวิถีชีวิตของคนไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕ เสียดายที่ไม่ได้เข้าไปชมข้างใน เพราะมาเช้าก่อนเวลาเปิดให้บริการจึงได้แต่ถ่ายรูปบริเวณประตูทางเข้าและสวนขนาดย่อมในปั๊มน้ำมันค่ะ พอเดินทางมาถึง “น้ำตกไทรโยคใหญ่” แล้วก็เดินเข้าไปตามทางเรื่อย ๆ ซึ่งระหว่างทางเข้าไปชมน้ำตกจะเป็นเส้นทางเดินที่มีธรรมชาติร่มรื่นและสายน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน รวมทั้งได้ยินเสียงน้ำตกอยู่ไกล ๆ เมื่อเดินมาจนสุดทางแล้วจะพบกับน้ำตกชั้นเดียวขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาที่สูงเกือบ 10 เมตรลงสู่แม่น้ำแควน้อย แต่เพราะมาเที่ยวชมหลังฝนตกไม่กี่วัน ทำให้น้ำเป็นสีน้ำตาลคล้ายสีดิน เนื่องจากน้ำป่าไหลหลากลงมาชะล้างหน้าดิน เสียดายที่ไม่ได้เห็นน้ำใส ๆ ของแม่น้ำแควน้อยค่ะ หากต้องการชมความสวยงามของน้ำตกไทรโยคใหญ่ เราแนะนำว่าให้มายืนชมบนจุดชมวิวสะพานแขวนไทรโยค หรือเดินข้ามสะพานมายังฝั่งตรงข้ามของน้ำตกจะดีกว่า วิวสวยงามไม่แพ้กันเลย ส่วนบริเวณรอบ ๆ น้ำตกริมแม่น้ำแควน้อยเรียงรายไปด้วยเรือนแพต่าง ๆ ทั้งเรือนแพร้านอาหาร, เรือนแพที่พัก และแพลากไว้บริการนักท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นสวยงามสองข้างทางค่ะ หลังจากชมน้ำตกไทรโยคใหญ่แล้วจะพลาดชม “น้ำตกไทรโยคน้อย” ได้ไง 5555 ไหน ๆ มาถึงน้ำตกไทรโยคแล้วก็ต้องเที่ยวให้ครบทั้งสองที่เลย ซึ่งน้ำตกไทรโยคน้อยเป็นน้ำตกชั้นเดียวขนาดไม่ใหญ่นัก สูงเพียง 15 เมตรเท่านั้น สายน้ำที่ไหลลงมาจะแผ่กระจายไปตามพื้นเขาลาดเอียงลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง โดยนักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำในแอ่งน้ำท่ามกลางร่มไม้นานาพันธุ์ที่ปลูกไว้บริเวณรอบน้ำตกอย่างร่มรื่น ยิ่งในช่วงฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำมากให้เล่นน้ำกันได้อย่างชุ่มฉ่ำสุด ๆ ไปเลยค่ะ ช่วงที่เราไปเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ในตอนสาย ๆ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก เราจึงถ่ายรูปแบบไม่ติดคนเพียงไม่กี่รูปเท่านั้น แต่ดีหน่อยที่ไม่มีคนเล่นน้ำเพราะอยู่ในช่วงโควิด-19 ระบาด จากนั้นเราก็แวะไปซื้อกล้วยทอดที่ร้านค้าบริเวณด้านหน้าน้ำตก เพื่อนำกลับไปกินในห้องพักช่วงบ่าย ๆ ค่ะ พอชมน้ำตกไทรโยคน้อยแล้วก็นั่งรถไปกินอาหารเที่ยงที่ร้าน “เรณู” ซึ่งเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ติดริมถนนตรงข้ามกับน้ำตกไทรโยคน้อย ตกแต่งร้านอย่างเรียบง่ายและร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพันธุ์ เมื่อมาถึงร้านแล้ว คนค่อนข้างเยอะ เพราะมีกรุ๊ปทัวร์มากินที่ร้าน จึงต้องยืนรอสักพักถึงจะได้นั่งโต๊ะและสั่งอาหาร โดยเมนูที่สั่งมี 3 อย่าง ได้แก่ผัดผักพื้นบ้าน, หมูป่าผัดเผ็ด และต้มยำปลาคัง รสชาติอร่อย ชอบสุดคือน้ำพริกกะปิสูตรเฉพาะของทางร้านที่เสิร์ฟให้กินฟรีแบบไม่อั้นค่ะ หลังจากกินอาหารเที่ยงแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะแวะไปเที่ยวชมถ้ำกระแซ แต่เพราะแดดร้อนและนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ จึงเดินทางกลับเข้าที่พัก เพื่อมานั่งพักเอาแรงซะหน่อยก่อนจะออกมานั่งเล่นชิลล์ ๆ ที่คาเฟ่ “The Village Farm To Cafe'” เมื่อเข้าไปในร้านแล้วต้องยืนรอสักพักถึงได้นั่งโต๊ะ เนื่องจากคนค่อนข้างเยอะ พอได้นั่งโต๊ะแล้วจึงสั่ง “น้ำเมลอน” กับ “เต่าปังลุยสวน” เมนูขึ้นชื่อของร้าน บอกเลยว่ามีหน้าตาน่ารักน่าทานมาก มุ้งมิ้งสุด ๆ ค่ะ 5555 พอกินขนมหวานเสร็จแล้ว เราก็เดินไปถ่ายรูปวิวสวย ๆ หลังร้านที่เชื่อมกับร้านอาหารคีรีมันตราสักพักใหญ่ ๆ ซึ่งวิวด้านหลังสวยงามมาก เนื่องจากเป็นวิวธรรมชาติที่รายล้อมด้วยภูเขาสีเขียวสวยกับทะเลสาบ แถมช่วงเย็นวันศุกร์-เสาร์ยังมีดนตรีในสวนอีกด้วย จากนั้นก็กลับเข้าที่พักอีกรอบ เพื่อรอให้ท้องย่อยก่อนถึงเวลาอาหารเย็น 5555 ตอนเย็นช่วง 6 โมงครึ่งก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี จึงออกจากที่พัก เพื่อนั่งรถไปกินอาหารเย็นบริเวณใกล้ ๆ กันที่ร้าน “บ้านลุงชวน สวนป้าติ๋ว” ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยพื้นบ้านในสไตล์บ้านสวนที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวขจี ตกแต่งร้านอย่างเรียบง่าย ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนมานั่งกินข้าวบ้านเพื่อน ส่วนเมนูอาหารเน้นอาหารไทยภาคกลางกับภาคกลางเป็นหลัก โดยเมนูที่เราสั่งล้วนเป็นเมนูเด็ดขึ้นชื่อของร้าน ได้แก่ น้ำพริกสะเปะสะปะ, ยำใบมะกรูด, ฉู่ฉี่ปลาคัง และไข่เจียวลุงชวน ถูกใจอาหารทุกเมนูเลยจริง ๆ รสชาติอร่อยกลมกล่อมกำลังดีเลยค่ะ ชอบสุดก็ยำใบมะกรูดกับไข่เจียวลุงชวนนี่แหละ ^^ วันรุ่งขึ้นหลังจากทำธุระส่วนตัวแล้ว เราก็ออกมากินอาหารเช้าที่ร้านคาเฟ่ “The Village Farm To Cafe'” ร้านเดิม แต่เพราะมาถึงแต่เช้าก่อนเปิดร้านจึงได้ถ่ายรูปบรรยากาศภายในร้านทั้งหมดและวิวสวย ๆ หลังร้านแบบไม่ติดคน ดีงามมากจ้า! สักพักพอร้านเปิดก็เริ่มมีคนทยอยเข้ามากินอาหาร จากตอนแรกที่เรานั่งกินขนมปังปิ้งอยู่ด้านนอกก็ย้ายเข้าไปข้างใน เพราะอากาศร้อนแล้วก็สั่งอาหารเพิ่ม อย่างไข่ดาว, ซี่โครงหมูรมควัน และยำไส้กรอกค่ะ จากนั้นเดินทางกลับเข้าที่พัก เพื่อเตรียมเก็บกระเป๋าและเช็กเอาท์ออกจากที่พัก หลังจากเช็กเอาท์ออกจากที่พักแล้วก็เดินทางไปกินอาหารเที่ยงที่ร้าน “ครัวจ่าพอง” เจ้าประจำอีกแล้ว 5555 แต่คราวนี้เปลี่ยนมาสั่งเมนูอื่นบ้าง ซึ่งเมนูที่เราสั่งมีทั้ง ข้าวผัดหมู, ไก่รวนเค็ม, ไก่ผัดเม็ดมะม่วง และปลาคังลวกจิ้ม หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จแล้วจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพค่ะ รีวิวเที่ยวทริป “ทริปไปกาญจน์ไปกันฉันรักเธอ” จบแล้ว สำหรับใครที่วางแผนจะไปเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว ลองแวะมาเที่ยวที่เมืองกาญจน์สิคะ เพราะมีสถานที่เที่ยวให้ชมมากมาย รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ส่วนรีวิวทริปที่ 3 จะไปที่ไหนกันบ้างนั้นต้องรออ่านในบทความหน้าจ้า สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปพักก่อน สวัสดีค่า 🙏🙏🙏 พิกัด: ร้านครัวจ่าพอง, วัดไร่แตงทอง, โรงแรมมาร์กาญ รีสอร์ท, ร้านคีรีมันตรา, น้ำตกไทรโยคใหญ่, น้ำตกไทรโยคน้อย, ร้านเรณู, The Village Farm To Cafe', ร้านบ้านลุงชวน สวนป้าติ๋ว ออกแบบหน้าปกใน Canva และ Photoshop โดย: Windy_55 (ผู้เขียน) เครดิตภาพประกอบบทความทั้งหมดโดย: Windy_55 (ผู้เขียน) อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !