รีเซต

รีวิว เที่ยวงาน Osaka Expo 2025 ญี่ปุ่น ฉบับเที่ยวเอง เรื่องที่ต้องรู้ก่อนไป

รีวิว เที่ยวงาน Osaka Expo 2025 ญี่ปุ่น ฉบับเที่ยวเอง เรื่องที่ต้องรู้ก่อนไป
Muzika
28 พฤษภาคม 2568 ( 11:37 )
168

    งานใหญ่ระดับโลกที่รวมเทคโนโลยี นวัตกรรม และวัฒนธรรมจากกว่า 150 ประเทศไว้ในที่เดียว World Expo กลับมาอีกครั้งในงาน Osaka Expo 2025 จัดขึ้นที่เกาะยูเมะชิมะ (Yumeshima Island) จังหวัดโอซาก้า ญี่ปุ่น สำหรับใครที่วางแผนเที่ยวเอง อ่านรีวิวของสื่อที่ไปชมงานมาแล้วยังรู้สึกว่าข้อมูลที่ได้ยังไม่เคลียร์พอ นี่คือประสบการณ์ตรงที่เราไปมาแล้วและอยากมาเล่าให้ฟัง ใครกำลังแพลนไปเที่ยวงานอยู่ ลองดูได้เลย!

 

 

รีวิว Osaka Expo 2025 ฉบับเที่ยวเอง รวมเรื่องต้องรู้ก่อนไป

 

 

เตรียมตัวยังไงให้พร้อมเที่ยว Osaka Expo 2025

     สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือ จองบัตรล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ของ Osaka Expo 2025 ซึ่งมีทั้งแบบไปวันเดียว กับแบบหลายวัน ถ้าใครชอบเดินแบบละเอียด ไม่เร่งเกิน แนะนำซื้อแบบหลายวันครับ จะได้ไม่พลาดอะไรที่อยากดู (โดยผู้เขียนไป 2 วัน)

     ส่วนเรื่องการเข้าไปสุ่มล็อตเตอรี่เพื่อจองเข้า Pavillion ก่อนเข้างาน ไม่ว่าจะแบบล่วงหน้า 2 เดือน 7 วัน หรือ 3 วันก็ตาม เราอยากบอกว่า ให้เอาสล็อตการสุ่มที่เรามี ไปเน้นกับ Pavillion ที่ทางญี่ปุ่นเป็นผู้จัดเป็นหลักครับ ว่าง่ายๆ คือเน้นของเจ้าภาพนั่นแหละ เช่น Japan Pavillion, Gundam, Osaka Healthcare, ฯลฯ เพราะเขาให้เข้าเฉพาะคนที่จองมาเท่านั้น! ไม่เหมือนกับ Pavillion ประเทศต่างๆ ที่ต่อให้ไม่ได้จอง ก็สามารถไปต่อคิวเข้าได้ *อย่าคาดหวังการไปรอกดจองเวลาในงานเด็ดขาด* เพราะเน็ตภายในงานค่อนข้างผีอยู่ เอาแน่เอานอนไม่ได้

     อย่าลืมโหลดแอป Expo ติดมือถือไว้ด้วย ใช้สำหรับเช็กแผนที่ ดูกิจกรรมการแสดงตาม Pavillion ต่างๆ ล่วงหน้า ที่สำคัญคือ QR Code ตั๋วเข้างาน ให้เซพเป็นรูปเก็บไว้เลยจะสะดวกที่สุด เผื่อเน็ตหน้างานต่อไม่ได้จะยุ่งเอา ข้าวของเครื่องใช้เอาไปเฉพาะที่จำเป็นครับ เพราะเขาตรวจเข้มเหมือนกำลังผ่านต.ม.เข้าประเทศอีกทีเลย

 

ไปยังไง? สถานที่จัดงานอยู่ที่ไหน?

 

 

     ตัวงานจัดบนเกาะยูเมะชิมะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโอซาก้า นั่งรถไฟใต้ดินสายสีเขียว Chuo Line ไปลงสถานี Yumeshima ก็ถึงเลย มีเจ้าหน้าที่คอยบอกทางเป็นระยะ สะดวกดีครับ คนที่เดินทางมาวิธีนี้ คุณจะได้เข้างานทางประตูทิศตะวันออก (East Gate) ครับ

 

รถไฟใต้ดินสายสีเขียว Chuo Line

 

     *ใครที่จองที่พักในย่านที่ไม่มีรถไฟสาย Chuo Line ผ่าน ก็ไม่ต้องกังวล เพราะรถไฟแทบทุกสายในโอซาก้าจะไปต่อรถที่สาย Chuo Line ได้เกือบทั้งหมด ทำยังไงก็ได้ให้ไปขึ้นสายนี้ แล้วนั่งยาวจนสุดทางก็ถึงแล้วครับ*

     อีกทางเลือกคือขึ้น Shuttle Bus จากแถว Namba หรือ Umeda ก็ได้ มีคนใช้กันเยอะอยู่เหมือนกัน ส่วนใครมาเป็นกลุ่มจะเรียกแท็กซี่ไปก็ได้ แต่ถ้าไปรถส่วนตัวต้องจองที่จอดล่วงหน้าด้วย คนที่เดินทางมาวิธีนี้ คุณจะได้เข้างานทางประตูทิศตะวันตก (West Gate) ครับ

 

 

     ไม่ว่าคุณจะเข้าจากประตูไหน สิ่งแรกที่ต้องทำคือการไปต่อคิวเข้าแถวตามรอบเวลาที่คุณจองมาเท่านั้นครับ มาญี่ปุ่นไม่มีหรอกที่จะมาก่อนเวลาแล้วได้เข้าก่อนน่ะ

 

 

     เดินผ่านประตู East Gate เข้ามาก็จะเห็น Grand Ring เด่นเป็นสง่าอยู่แต่ไกล โดยที่ Pavillion ต่างๆ ที่ทางญี่ปุ่นประเทศเจ้าภาพเป็นผู้จัด จะอยู่รวมๆ ตัวกันในบริเวณรอบนอก Grand Ring ตรงจุดนี้นี่เอง

 

Osaka Pavillion

 

     พอเดินผ่าน Grand Ring ก็จะพบกับพาวิลเลียนจากนานาชาติรวมตัวอยู่ข้างในเพียบ! ใครมีคิวจอง Pavillion อะไรไว้ก็ขอให้จัดการเวลาตัวเองให้ดี โดยจะขอยกตัวอย่างพาวิลเลียนบางส่วนที่เรามีโอกาสได้เข้าไปชมครับ

 

ยกตัวอย่าง Pavilion ต่างๆ ใน Expo Osaka

 

Thailand Pavillion

 

     ถือว่าเป็นพาวิลเลียนที่ใช้ staff มากที่สุด และม่วนจอยที่สุดใน Expo เลยก็ว่าได้ ในห้องแรกมีสอนภาษาไทยแบบเบาๆ ด้วยเพลงที่ติดหูได้ทันที โซนถัดๆ มาก็จะเริ่มให้ดูว่าประเทศไทยตอนนี้กำลังมุ่งเป้าไปที่การเป็นศูนย์กลางเรื่องสุขภาพนะ รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ช่วยเสริมสุขภาพมากมาย ตบท้ายด้วยอาหารไทยราคาไม่แพงที่มีให้ซื้อไปชิมกันได้ด้วย


United Arab Amirates Pavillion

 

    ยกให้เป็นพาวิลเลียนที่กลิ่นหอมมากๆ ลอยออกมาจากเสาไม้ปาล์มขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายสวยงามทั่วอาคาร นำเสนอความสำคัญของต้นปาล์มที่เรียกได้ว่าเป็นเสาหลักของประเทศนี้เลย

 

Portugal Pavillion

 

     แน่นอนว่าเป็นประเทศผู้นำด้านกองเรือในอดีต เขาเลยเน้นความสัมพันธ์กับท้องทะเลทั้งในแง่ของการอนุรักษ์ และเทคโนโลยีการสำรวจมหาสมุทรต่างๆ

 

Switzerland Pavillion

 

     พาวิลเลียนของสวิตเซอร์แลนด์ที่แอบรู้สึกเหมือนทำไม่เสร็จนิดๆ มีของมาโชว์หน่อยๆ เท่านั้นพอหอมปากหอมคอ

 

China Pavillion

 

     ยิ่งใหญ่อลังการสมฐานะทั้งภายใน และภายนอกจริงๆ ข้างในเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของประเทศจีนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงโครงการใหญ่ในอนาคต

 

Oman Pavillion

 

     เน้นจัดแสดงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับน้ำ ข้างในมีอะไรให้ดูไม่มาก แต่มีที่นั่งพักหลบแดดที่ vibe ดีจัดๆ แห่งหนึ่งในงาน แวะไปซื้อชามานั่งจิบให้ชื่นใจหายเหนื่อยกันก่อนได้ อย่าลืมซื้อโมจิไส้ผลไม้แห้ง ของดีประจำพาวิลเลียนนี้ด้วยนะ

 

Brazil Pavillion

 

     1 ในพาวิลเลียนที่อาร์ตที่สุดของงาน เข้าไปเหมือนได้เดินชมแกลเลอรี่ศิลปะบางอย่าง ที่เราไม่อยากสปอยเลยว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร เข้าไปแรกๆ อาจจะงงๆ แต่ตอนออกมารับรองว่าสารที่เขาพยายามจะสื่อกับเรานั้น impact มากๆ เลย

 

Australia Pavillion

 

     ใช้เวลาเดินชมไม่นาน มีแค่ 2 โซน เน้นโชว์ภูมิประเทศหลักๆ ของประเทศทั้งป่าไม้ และสายน้ำ แวะเข้ามาหลบร้อนพอได้อยู่ครับ

 

     *ข้อแนะนำ* ใครที่เล็งๆ อยากเข้าไปชมพาวิลเลียนของประเทศใหญ่ๆ ที่คนไปต่อแถวเข้าคิวกันเยอะๆ เช่น ฝรั่งเศส, สหรัฐอเมริกา, อิตาลี, ซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น ถ้าไปรอต่อคิวช่วงเช้า-บ่าย ไม่ไหวจริงๆ ลองแวะไปช่วงประมาณ 1 ทุ่มเป็นต้นไป เพราะราวๆ นี้คนจะเริ่มไปรอชมการแสดงน้ำพุที่จะมีเวลาทุ่มครึ่งกันแล้ว แถวจะเริ่มบางตาลง เป็นโอกาสของเราครับ

 

กินอะไรในงาน?

 

     โซนศูนย์อาหารจะอยู่รวมกันเยอะๆ ตรงแถว West Gate ใครไม่ได้พกของกินมาเองก็ไปหาของกินแถวนั้นได้ เท่าที่ไปลองหาของกินมา ที่นั่งก็มีอยู่เยอะพอสมควร มีคนนั่งตลอดเวลาแต่คนก็ผัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้เรื่อยๆ รอไม่นานก็มีที่นั่งครับ

     เรื่องของกินก็หลากหลายมาก มีขายอาหารหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะข้าวแกงกะหรี่อินเดีย พิซซ่าอิตาเลียน ผัดกะเพราไทย เคบับตุรกี และอื่นๆ อีกมากมาย ใครอยากกินแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ก็มีโซน Street Food ญี่ปุ่นด้วย ทั้งราเมน ทาโกะยากิ เบนโตะ ราคาตั้งแต่ 500 - 2,000 เยน แล้วแต่เมนู หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็มีร้าน 7-11 และ lawson อยู่ตามจุดต่างๆ ให้ซื้อของกินพอกรุบกริบได้ (แต่ก็ต่อแถวเข้ายาวอยู่เหมือนกัน) ใครไม่อยากเสียเวลาเรื่องของกินสามารถซื้อข้าวกล่อง หรือข้าวปั้นจากข้างนอกเข้ามาเองได้เลยเหมือนกัน

 

เดินยังไงดีให้ทั่ว ไม่หลง ไม่หมดแรง

     พื้นที่งานกว้างมาก เดินวันเดียวไม่ทั่วแน่นอน แนะนำเลยว่า โหลดแอป Expo 2025 ไว้ก่อน เพราะเขามีระบบบอกแผนที่แบบเรียลไทม์ คิวบูธต่างๆ คนแน่นไม่แน่นก็ดูจากแอปได้เลย

     ขอให้วางแผนการเดินแบบคร่าวๆ ไว้หน่อย แบ่งโซนเดินก็ดี เช่น เช้าเก็บ Japan Pavilion (ถ้าจองสำเร็จ) บ่ายไป International Pavilion ต่างๆ เย็นค่อยเดินโซนกลางแจ้ง แบบนี้จะสบายกว่าเดินมั่วๆ ไม่มีจุดหมายเยอะ

 

 

     พอตกเย็นแดดเริ่มซาลงไป อย่าลืมขึ้นมาชมวิวกันบน Grand Ring ที่เราพอจะจินตนาการได้เลยว่าต่อไปภายหน้าที่นี่จะกลายเป็นสวนสาธารณะที่เจ๋งสุดๆ แห่งหนึ่งแน่นอน

 

 

     ช่วงหนึ่งทุ่มครึ่งของทุกวัน จะมีการแสดงโชว์น้ำพุประกอบแสง สี เสียง ผู้คนจะมาเริ่มจับจองที่นั่งแถวหน้ากันตั้งแต่ประมาณหกโมงครึ่งกันแล้ว ใครพลาดก็ต้องยืนชะเง้อจากแนวหลังแทน หรือถ้าจะไปยืนดูจากบน Grand Ring ก็ได้เหมือนกันครับ

 

 

     ใครอยากได้ของฝากติดไม้ติดมือ ก็มี Shop ให้เข้าไปชมช้อปกันได้ตามอัธยาศัย แน่นอนว่าต่อคิวเข้าเช่นกัน 555 ถ้าใครไม่อยากเข้าคิวจะแวะมาซื้อของตั้งแต่เช้าเลยก็ได้ แต่ก็ต้องทนแบกของฝากไปทั้งวันเหมือนกัน ฉะนั้นลองตัดสินใจกันให้ดี

 

     สุดท้ายอย่าลืมใส่รองเท้าดีๆ, พกร่มพับ, หมวกกันแดด, ขวดน้ำแบบเติมได้ และหาที่นั่งพักบ้างระหว่างวัน เพราะมีจุดนั่งพักกับน้ำดื่มฟรีให้ค่อนข้างเยอะครับ ขอให้ทุกคนโชคดี ได้เดินชมงานตามที่ที่คาดหวังไว้กันทุกคนครับ

====================