ใกล้เมษาหน้าร้อน จะไม่มีอะไรบันเทิงไปกว่าการไปเที่ยวทะเล ต่อให้ไม่ได้ลงเล่นน้ำ แค่ได้นอนมองทะเล ฟังเสียงคลื่น ก็ทำให้รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ เคยรู้สึกมั้ยว่า เมื่อไรก็ตามที่เราหมดพลังใจ ทะเลจะเป็นที่ที่สามารถชาร์ทแบตเตอรี่ และสร้างแรงบันดาลใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ดีมาก ๆ เลย เราเริ่มออกเดินทางจากจังหวัดนครราชสีมา ขับรถไม่เร่งไม่รีบ ออกจากตัวเมืองโคราชสาย ๆ แวะกินข้าวเช้าปั้มน้ำมันง่าย ๆ ข้างทาง แล้วก็มาแวะกินข้าวเที่ยงร้านเค้กบ้านสวน กินง่าย ๆ เข้าห้องน้ำห้องท่า ซื้อขนม และผลไม้ไว้สำรองบนรถเผื่อง่วงและหิว จากนั้นก็เดินทางต่อ ระหว่างการเดินทางคนขับและผู้โดยสารก็เริ่มถกประเด็นเรื่องจะขึ้นทางด่วนหรือไม่ขึ้นทางด่วน สุดท้ายมั่ว ๆ จนสามารถพาตัวเองพ้นเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทริปนี้ประสงค์จะลงไปเที่ยวชุมพร เป้าหมายคืนนี้ เราจะนอนกันที่ปราณบุรีค่ะ เราไปถึงปราณบุรีประมาณสี่โมงเย็นแล้ว ขับรถวน ๆ หาที่พักได้สบายใจ เราก็ไปถามคนในพื้นที่ว่าในปราณบุรีมีตลาดมั้ย อยากกินอาหารทะเล ก็เลยมีคนแนะนำว่ามีร้านที่เค้าขายส่งปู กุ้ง อยู่ในเมืองปราณบุรีอยู่ เราสามารถไปสั่งให้นึ่งได้ เขาจะทำน้ำจิ้มให้ด้วย ขับรถวน ๆ ในตลาดปราณบุรีแป๊บนึง หลงนิดหน่อย ก็หาร้านเจอ เจ้าของร้านกำลังจะปิดร้าน แต่ก็ยังใจดีเปิดเตา โขลกน้ำพริกให้ใหม่ อาหารมื้อแรกที่ปราณบุรี เราไปนั่งกินกันริมทะเล เสียดายว่าหิวมาก หอบของไปนั่งกินริมทะเล กินอิ่ม นั่งเล่นอยู่พักใหญ่ เราก็ล่าทัพกลับไปนอนที่รีสอร์ทแถว ๆ ทางเข้าอำเภอค่ะ วันที่สอง ปราณบุรี ชุมพร วันนี้เราตื่นสบาย ๆ ออกไปหาของกินในตลาดเช้าของปราณบุรี หาของกินง่าย ๆ แล้วก็ขับรถเลียบถนนไปเรื่อยๆ ผ่านเขากะโหลก และอุทยานสามร้อยยอด เราไม่ได้แวะเด้อ แค่ขี่รถชมเมือง จนไปถึงอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เพื่อไปชมความงามถ้ำพระยานคร เราเอารถไปจอดที่รับฝากรถ เสร็จแล้วจ่ายเงินค่าเข้าอุทยานฯ พร้อมกับเหมาเรือเพื่อไปที่หาดแหลมศาลา จากพื้นราบไปถึงถ้ำระยะทางราว ๆ 430 เมตร แต่ว่ามันชัน และร้อน ยายก็แทบละลาย เมื่อไปถึงถ้ำแล้วก็พบว่าถ้ำสวยจริงๆ ค่ะ ถ่ายรูป ชมความงามพอใจแล้ว ก็เดินทางกลับ ป้ายหน้าเราคือจังหวัดชุมพร ปรากฎว่า การเดินทางจากถ้ำพระยานครไปชุมพร ใช้เวลาไม่นานมาก เราเข้าไปถึงชุมพรราว ๆ บ่าย 2 บ่าย 3 ขับวน ๆ หาที่พักไม่ถูกใจ ก็เลยเปลี่ยนแผนว่าไปนอนโฮมสเตย์ที่สวีดีกว่า คืนนี้เราได้ที่พักที่โฮมสเตย์ท้องตมใหญ่ อำเภอสวี เราไปแบบไม่ได้จองล่วงหน้า พอโทรเข้าไปโชคดีว่าวันนี้มีแขกไม่เยอะ มีห้องว่างสำหรับเราอยู่ ไปถึงเข้าไปทักทายเข้าของบ้านแล้วก็ขอตัวไปอาบน้ำพักผ่อน สักพักลุงเจ้าของโฮมสเตย์ก็มาเรียกให้ไปกินข้าว อาหารมื้อนี้เป็นอาหารพื้นเมือง ชอบสุดคือใบเหนียงผัดไข่ และปลาหมึกต้มสับปะรด รสชาติดีมาก ๆ กับอะไรอีกอย่างสองอย่าง กินข้าวเสร็จเราก็ไปเดินเล่นที่สะพานปลาใกล้ ๆ กับที่เราพัก เห็นชาวบ้านมาตกหมึกกันน่าสนุก แต่วันนี้เดินขึ้นเขาเหนื่อยมากก็เลยขอกลับไปนอนฟังเสียงคลื่นดีกว่า วันที่สาม ดำน้ำเกาะกุลา และไหว้พระวัดพระบรมธาตุสวี วันนี้ตื่นเช้า เตรียมตัวไปดำน้ำ กินข้าวเช้าเสร็จประมาณ 8 โมงก็มีเรือมารับเรา เราเหมาหารกับน้องที่มาพักที่โฮมสเตย์คนละ 500 ถ้าจำไม่ผิด ในเรือมี เสื้อชูชีพ และสน็อคเกิ้ล เราไปดำน้ำกันที่เกาะกุลา เป็นเกาะเล็ก ๆ แต่น้ำตื้น มีหาดเล็ก ๆ ให้เล่นน้ำ หรือจะพายเรือคายัคก็ได้ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควรก็กลับที่พัก แล้วก็ไปกินอาหารเที่ยงสุดอลังเหมือนตอนเย็น อ้อ ค่าใช้จ่ายต่อหัวที่นี่ราว ๆ 1,300 บาท/คนค่ะ ออกจากที่พักแล้ว เราก็มาแวะวัดพระบรมธาตุสวี ซึ่งหมายใจไว้ตั้งแต่แรก มาถึงวัดแล้วก็อดใจไม่ได้กับความสงบของที่นี่ เราจึงนั่งสมาธิขอสะสมพลังด้านบวกก่อนเดินทางกลับ หลังจากนั้น ยังมีโอกาสได้ถวายน้ำปานะท้านเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุสวี ซึ่งเมตตาสนทนาธรรม และมอบเหรียญที่ระลึกให้เราคนละเหรียญ ที่เราประหลาดใจมาก ๆ คือท่านพูดอีสานชัดมาก จนนึกว่าท่านเป็นคนอีสาน แต่พอได้คุยกันแล้วจึงทราบว่าท่านเป็นคนใต้โดยกำเนิด แต่ไปจำพรรษาอยู่อีสานหลายปี ได้สนทนาธรรมจนอิ่มเอิบใจแล้วก็ขอกราบลาท่านกลับ ออกจากสวี เราเข้าไปเมืองชุมพร เพื่อไปศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ชมทัศนียภาพหาดทรายรี แล้วก็ไปที่หาดทุ่งวัวแล่น หาที่พักแถว ๆ ทุ่งวัวแล่น แต่ไม่ค่อยถูกใจ ก็เลยขับออกมานอกเมือง เพราะคิดว่ายังไงตอนเช้าก็ไม่กลับไปเล่นน้ำอยู่แล้ว คืนนี้เราพักที่พักง่าย ๆ ริมทาง เป็นบ้านเช่าซึ่งปกติเปิดเช่ารายเดือน แต่เผอิญท่านเจ้าของบ้านเห็นเราไม่เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป เลยใจดีแบ่งบ้านให้เช่าแบบรายวันคืนละ 700 บาท วันนี้กินข้าวตลาดง่าย ๆ เหมือนเดิม วันที่ 4 วัดบางกุ้ง ออกเดินทางจากชุมพร ขึ้นมาเรื่อย ๆ และแวะทุกป้ายที่อยากแวะ ไม่ว่าจะเป็นวัดหลวงพ่อในกุฎิ วัดเหรียญบาท วัดหลวงปู่ทวด และมาสุดท้ายที่วัดบางกุ้ง จังหวัดสมุทรสงคราม ตอนแรกคนขับไม่อยากแวะ แต่ป้ายยาเขาไว้ว่าเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี เป็นอันซีนเมืองไทย เธอต้องแวะนะ เมื่อไปถึงก็ไม่ผิดหวัง อันซีนจริงๆ เสียแต่เรามาถึงในช่วงบ่าย แดดร้อนจัด นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศเยอะจัด ไหว้พระจึงไม่มีสมาธิเท่าที่ควร แต่ก็ดีใจที่ได้มา หลังจากนั้นก็เดินทางต่อ แต่ว่าด้วยความเหนื่อยล้า เราก็เลยตัดสินใจนอนที่นครปฐมอีกสักคืน วันที่ 5 พระปฐมเจดีย์ วันนี้ตื่นสาย ที่เราพักมีอาหารเช้าบริการ กินของเช้าแล้วก็เดินทางไปพระปฐมเจดีย์ซึ่งอยู่ห่างที่พักเพียง 10 นาที แต่ถ้าเดินไปน่าจะสักครึ่งชม.เห็นจะได้ เราไปถึงแต่เช้าเลยทำให้หาที่จอดรถไม่ยาก และคนไม่เบียดเสียด ได้มีโอกาสเดินชมรอบ ๆ อย่างพิจารณา เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ชม.เศษ แล้วจึงเดินทางกลับอีสาน โดยเส้นทาง นครปฐม สุพรรณบุรี ลพบุรี ทริปนี้ค่าที่พักแต่ละคืนราว ๆ 700 -1,000 บาท / คืน ยกเว้นที่โฮมสเตย์ที่คิดหัวละ 1,300 บาท รวมอาหารสามมื้อ ค่าน้ำมันอันนี้แพง ประมาณ 7-8,000 บาท เพราะเรารถใหญ่เปลืองน้ำมัน ค่ากินอยู่ เรากินง่ายอยู่ง่าย แต่วันแรกซื้อกุ้ง ซื้อปู ก็หมดไปราว ๆ เกือบพันบาทเลยทีเดียวค่ะ เรื่องและภาพ โดยผู้เขียน