วินน์ อัล มาร์จัน ไอส์แลนด์ เผยโฉมรีสอร์ท แลนด์มาร์คใหม่วิวอ่าวอาหรับ
วินน์ รีสอร์ทส์ ลิมิเต็ด (Wynn Resorts, Limited) ประกาศชื่อรีสอร์ทแห่งใหม่มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ซึ่งกำลังจะเปิดตัวที่ ราส อัล ไคมาห์ ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อย่างวินน์ อัล มาร์จัน ไอส์แลนด์ (Wynn Al Marjan Island) พร้อมเผยวิสัยทัศน์ในการออกแบบรีสอร์ทริมชายหาดแห่งแรกของบริษัท ได้มาจากแรงบันดาลใจจากทิวทัศน์ของทะเลอันเงียบสงบของเกาะอัล มาร์จัน (Al Marjan) ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะ 4 เกาะ โดยรีสอร์ทแห่งใหม่นี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่นอย่างมาร์จัน แอลแอลซี (Marjan LLC) และอาร์เอเค ฮอสพิทอลลิตี โฮลดิง แอลแอลซี (RAK Hospitality Holding LLC)
วินน์ อัล มาร์จัน ไอส์แลนด์ ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 ฟุต (305 เมตร) ซึ่งสามารถมองเห็นน้ำทะเลสีฟ้าใสของอ่าวอาหรับ เพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือนให้สัมผัสประสบการณ์อันหรูหราในระดับพรีเมี่ยมที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงและเกมกิจกรรมสุดเยี่ยมยอด ซึ่งผู้พัฒนาและผู้ประกอบการรีสอร์ทหรูที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ แห่งนี้ตั้งใจจะสร้างโครงการแรกในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) ให้เป็นรีสอร์ทที่มีบรรยากาศเงียบสงบและมีสไตล์ ด้วยการนำเอาแรงบันดาลใจจากทิวทัศน์ที่แสนจะงดงามของท้องทะเล ควบคู่ไปกับบรรยากาศของมหาสมุทรอันแสนอบอุ่นและผ่อนคลายมาเนรมิตโรงแรมระดับโลกที่ทันสมัย
แบบแปลนที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของวินน์ อัล มาร์จัน ซึ่งมีมูลค่าโครงการราว 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเข้ามาพลิกโฉมและเร่งการเติบโตของเอมิเรตส์ ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญระดับโลก ขณะเดียวกันก็จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลจากการท่องเที่ยวและการจ้างงาน อีกทั้งโครงการนี้ยังจะกรุยทางสู่การเติบโตอย่างรวดเร็วของภาคธุรกิจพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง โดยงานก่อสร้างรากฐานได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่ต้นปี
การออกแบบที่แสดงความมั่งคั่งหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ จะสะท้อนออกมาในห้องพัก ห้องสวีท และวิลล่าสไตล์หรูที่มีอยู่ราว 1500 ห้องของรีสอร์ทแห่งนี้ แขกผู้มาเยือนสามารถเฝ้ารอที่จะได้พบกับตัวเลือกความบันเทิงอันหลากหลาย พื้นที่เล่นเกม ห้องอาหารอาหารและเลานจ์ 24 แห่ง สปานวัตกรรมรูปแบบใหม่ รวมถึงไปประสบการณ์ด้านสุขภาพ ลานช้อปปิงระดับไฮเอนด์ ศูนย์จัดกิจกรรมที่ล้ำสมัย ห้องเธียเตอร์รองรับการจัดโชว์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ซึ่งถูกออกแบบมาให้รองรับการเยี่ยมชมทั้งระยะเวลานาน และการเดินทางมาชมแบบเช้าเย็นกลับจากพื้นที่รอบ ๆ รีสอร์ทแห่งนี้พร้อมจะมอบประสบการณ์มากมายหลายระดับ รวมไปถึงการแสดงแสงเลเซอร์และแสงสีอันล้ำสมัยในทุกค่ำคืน
การออกแบบของวินน์ อัล มาร์จัน ไอส์แลนด์ ได้แรงบันดาลใจมาจากทั้งภูมิทัศน์ของธรรมชาติรอบ ๆ รีสอร์ท และสถาปัตยกรรมการออกแบบชั้นนำของวินน์ รีสอร์ทส์ เนรมิตออกมาเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เหมือนกับรูปทรงโค้งของชายหาดบนเกาะซึ่งสะท้อนอยู่บนโครงสร้างฐานอาคาร คล้ายกับโรงละครโอเปร่าขนาดใหญ่ ร้อยเรียงด้วยทัศนียภาพอันงดงามของชายหาด ทะเล และเส้นขอบฟ้า พร้อมด้วยร้านอาหารจำนวนมากที่เรียงรายไปตามทางเดินที่หันหน้าเข้าหาชายหาด ทำให้ทุก ๆ มื้อที่วินน์ อัล มาร์จัน ได้เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันกว้างไกลของท้องทะเล
"เราใช้เวลาปีที่ผ่านมาอย่างพิถีพิถันในการสร้างโครงการและวางแนวคิดของวินน์ อัล มาร์จัน ไอส์แลนด์ โดยพิจารณาถึงเรื่องตำแหน่งที่ตั้งอันเป็นเอกลักษณ์นี้อย่างรอบคอบ" คุณเครก บิลลิงส์ (Craig Billings) ซีอีโอของวินน์ รีสอร์ทส์ กล่าว "ผมภูมิใจอย่างมากกับความสามารถของทีมออกแบบและพัฒนาของเรา ที่ได้ถ่ายทอดมรดกของการออกแบบที่เข้มข้นและพิถีพิถันของเรามาสู่รีสอร์ทริมหาดที่มีแสงอาทิตย์สาดส่อง เพื่อมอบความประทับใจให้กับลูกค้าทั้งเก่าและใหม่แห่งนี้ เราเฝ้ารอที่จะได้เปิดตัววินน์ อัล มาร์จัน ไอส์แลนด์ ในต้นปี 2570"
รีสอร์ทใหม่บนเกาะอัล มาร์จัน ซึ่งถือเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของมาร์จัน ถือเป็นการตอกย้ำชื่อเสียงระดับโลกที่กำลังเติบโตของราส อัล ไคมาห์ ในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุนชั้นนำสำหรับโครงการด้านการบริการคุณภาพสูง ผ่านผลงานโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และการพัฒนาที่พักอาศัยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่หลากหลาย รวมไปถึงพื้นที่เกาะซึ่งมีชายหาดเป็นประกายทอดยาวเป็นระยะทางกว่า 7.8 กิโลเมตรและริมฝั่งทะเลระยะทางยาว 23 กิโลเมตร วันนี้ เกาะอัล มาร์จัน กำลังเปลี่ยนไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางรีสอร์ทระดับโลกอย่างแนบเนียน
ราส อัล ไคมาห์ เป็นหนึ่งในตลาดการท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค ซึ่งได้วางตำแหน่งของตัวเองไว้ในฐานะจุดหมายปลายทางที่ยั่งยืนและอิงต่อธรรมชาติ และด้วยอานิสงส์ของการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ และมรดกทางโบราณคดีอันรุ่มรวย รวมถึงข้อเสนอด้านการท่องเที่ยวทางธรรมชาติเอาไว้เป็นอย่างดี ทำให้พื้นที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 50 จุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดที่ควรค่าให้เยี่ยมชม โดยซีเอ็นเอ็น ทราเวล (CNN Travel) ในปี 2566 และติดอันดับสถานที่ที่ดีที่สุดในโลก (World's Greatest Places) ของนิตยสารไทม์ (TIME) ในปี 2565
====================